“ไปกินข้าวบ้านแม่ไหมล่ะ วันนี้แม่จัดอาหารชุดพิเศษนะ ต้อนรับหนูเอม” สร้อยระย้าได้ทีชวนสองหนุ่มที่นางรักเหมือนลูก “แล้วเกมส์กำลังสงสัยใช่ไหมว่า ทำไมแม่ถึงมาที่นี่”
สมกับเป็นแม่ลูกกันจริงๆ สร้อยระย้ามองหน้าลูกชายก็รู้ทันที
“ใช่ครับ ปกติคุณแม่ไม่มาที่นี่ นอกจากการประชุมผู้ถือหุ้น”
“แม่มารับเกมส์กลับบ้านไงลูก” สามหนุ่มมองหน้ากัน คำถามเดียวพุ่งใส่สมองคือ มารับกลับบ้านทำไม
“มารับผมกลับบ้านหรือครับ” เขมนัทต์ทวนประโยคที่ได้ยิน “ผมโตแล้วนะครับคุณแม่ ผมกลับบ้านเองได้”
“วันอื่นน่ะใช่ แต่วันนี้แม่กลัวว่าแกจะเจ้าเล่ห์ไปโน่นไปนี่ ประวิงเวลากลับบ้านช้าไงล่ะ แม่ไม่อยากให้เสียฤกษ์เข้าหอ แม่เลยมารับแกที่นี่ ถ้าแกไม่กลับไปกับแม่ แกไปไหนแม่ก็จะไปด้วย เราจะได้กลับบ้านพร้อมกัน”
เพชรภูมิกับตรีชาติอยากยกนิ้วให้สร้อยระย้าที่ฉลาดทันลูกชายเหลือเกิน เล่นดักทางเช่นนี้ มีหรือเขมนัทต์จะไม่กลับบ้านพร้อมคนเป็นแม่
ต่างกับเขมนัทต์ที่หน้าเรียบตึง เขาชะล้าใจไปหน่อย ถ้ารู้ว่ามารดาจะมาที่นี่ เขากับเพื่อนจะรีบออกไปก่อน แต่นี่มาในเวลาที่เขากับสองเพื่อนรักยังอยู่ในห้องนี้ มันจึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงยากมาก
“งานผมกองเต็มโต๊ะเลยครับคุณแม่ กว่าจะเสร็จก็คงสองสามทุ่ม” แต่ก็หาทางไปจนได้
“ไม่เป็นไร แม่รอได้ เชิญเกมส์ทำงานตามสบายเลย” คนเป็นแม่ยิ้ม “จะทำงานถึงตีสองตีสามตีสี่แม่ก็รอได้ นอนรอตรงโซฟานี่แหละ”
“ถ้าคุณเกมส์ไม่สงสารคนแก่สองคนที่ต้องนั่งต้องนอนรอให้คุณเกมส์ทำงานเสร็จ ก็เชิญค่ะ เชิญทำงานตามใจชอบเลยค่ะ สายกับคุณหญิงรอได้เสมอค่ะ” สายพิณเป็นลูกน้องรู้ใจสร้อยระย้าที่สุด ที่สำคัญเป็นลูกคู่ที่ดีด้วย
เพชรภูมิกับตรีชาติอมยิ้มกับวาจาสายพิณ อีกใจก็สงสารเห็นใจเขมนัทต์ ทว่าทั้งสองเป็นคนนอก จึงได้แต่นั่งฟังนั่งมองอยู่เงียบๆ
“โอเคครับ เรากลับบ้านพร้อมกัน” เขมนัทต์ยอมแพ้อย่างจำใจ
“งั้นไปกันเลยนะ เพชรกับธาร์มไปกินข้าวบ้านแม่นะ จะได้เจอเอมไงลูก”
“ครับคุณแม่” สองหนุ่มไม่ปฏิเสธ เพราะทั้งคู่อยากเจอเอมิกาเป็นทุนเดิม เพื่อจะได้รู้ว่า ใครจะชนะเดิมพันครั้งนี้ เขมนัทต์สะสางงานราวสิบนาที ทั้งหมดจึงพากันเดินทางไปบ้านสร้อยระย้า
เป็นวันแรกในรอบหลายปีที่เขมนัทต์ไม่อยากกลับบ้าน
ไม่อยากไปเจอหน้าเอมิกา เมียบำเรอคนใหม่ของตน
เอมิกายืนสำรวจตัวเองหน้ากระจก เธอหมุนซ้ายหมุนขวาตรวจดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่ ครั้งนี้เธอเลือกใส่ชุดเดรสทรงเอผ้าลายลูกไม้สีขาว คอบัวแขนสั้น เข้ารูปช่วงเอว ความยาวเลยเข่ามาเล็กน้อย เส้นผมยาวกลางหลังดัดอ่อนๆ ปล่อยสยาย ใบหน้าเป็นธรรมชาติมาก ไม่ได้รองพื้น ไม่ตบแป้งกลบจุดด่างดำ เธอเพียงแค่ใช้แผ้งฝุ่นผลัดหน้า ตามด้วยลิปกรอสสีใสทางบนริมฝีปาก ทว่าเพียงแค่นี้ก็มากพอสำหรับคำว่า งดงาม
“คุณเอมคะ คุณเอม” เสียงเคาะประตูดังพร้อมกับเสียงเรียกชื่อ เอมิกาเดินมาเปิดประตู เธอส่งยิ้มให้น้ำตาล
“ว้าว...คุณเอมสวยจังเลยค่ะ สวยหวานเหมือนนางเอกเกาหลีเลย” น้ำตาลเป็นสาวกซีรีย์เกาหลี เธอชื่นชอบพระเอกและนางเอกหลายคน
“ขอบใจจ้ะ” เอมิกายิ้มรับคำชม “ว่าแต่น้ำตาลมีอะไรหรือเปล่า”
“คุณหญิงให้มาเรียกค่ะ คุณหญิงรออยู่ในห้องรับแขก”
“จ้ะ ขอบใจนะ” เอมิกาเดินลงไปชั้นล่างพร้อมน้ำตาล โดยที่เอมิกาไม่รู้ว่า ในห้องรับแขกมีใครอยู่บ้าง
สายตาเพชรภูมิกับตรีชาติพุ่งไปยังสาวสวยที่กำลังเดินลงมาจากบันไดตาค้าง เขาสองคนมั่นใจว่า หญิงสาวที่กำลังเดินมายังห้องนี้คือเอมิกา รูปร่างหน้าตาเธอเปลี่ยนไปมาก ลบภาพเด็กกะโปโลอย่างสิ้นเชิง
เขมนัทต์ที่นั่งหันหลังให้บันไดสงสัยสายตาเพื่อนทั้งสองที่มองไปด้านหลังเขาตาไม่กระพริบ ราวกับว่าไม่อยากละสายตาจากจุดที่สายตาโฟกัส เขาจึงเอี้ยวตัวไปมองยังทิศทางเดียวกันกับสายตาเพื่อน
วินาทีนี้หัวใจเขมนัทต์กระตุกวูบเมื่อเห็นความงดงามแบบธรรมชาติของสตรีรูปร่างสมส่วน ไม่ว่าจะเป็นความสูง ทรวดทรง หน้าตาและผิวพรรณ ชวนมองทุกอย่าง น่ามองจนเขาไม่อยากละสายตา
ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร...เขมนัทต์ไม่คิดว่าเป็นเอมิกา เสี้ยวความคิดยังไม่มี
“หนูเอมนั่งข้างเกมส์เลยลูก”
เขมนัทต์มองหน้ามารดา ก่อนหันไปมองหน้าเอมิกาที่ทรุดกายลงนั่งข้างตน ทิ้งระยะห่างราวหนึ่งฟุต สายตาเขาที่มองเอมิกาเปลี่ยนไป จากที่มีความไม่พอใจเด่นชัด ตอนนี้มีแต่ความพึงพอใจเต็มเปี่ยม
“สวัสดีค่ะคุณเกมส์” เอมิกาใจเต้นรัวกับการได้พบเจอชายหนุ่มที่ตนแอบหลงรักมาแต่เยาว์วัย เป็นความตื่นเต้นที่ยากเกินควบคุม รูปร่างหน้าตาเขมนัทต์เปลี่ยนไปไม่มาก รูปร่างสูงใหญ่กว่าเมื่อเจ็ดปีก่อน ความหล่อก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย หล่อไม่เกรงใจใครก็ว่าได้ ก่อนหันไปไหว้ทักทางอีกสองหนุ่มที่เธอจำได้ว่าคือใคร “สวัสดีค่ะคุณเพชร คุณธาร์ม”
“ดีใจจังที่เอมจำพี่ได้” เพชรภูมิพูดเป็นคนแรก “เอมสวยขึ้นมากเลยนะ พี่เกือบจำไม่ได้แล้ว”