16.30 น.
เขมนัทต์ทำหน้าเซ็งกะตายขณะมองดูนาฬิกาที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน วันนี้วันแรกที่เขาไม่อยากเลิกงาน อยากให้เวลาในการทำงานมีต่อไปเรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเขาไม่อยากกลับบ้านไปเจอหน้าเอมิกา หญิงสาวที่ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิดเดียว เพียงแค่นึกถึงหน้าอารมณ์ปรารถนาก็ดำวืด หรือจะพูดว่า ไม่อยากเห็นหน้าเธอก็ว่าได้
เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านสร้อยระย้าย้ำกับเขมนัทต์ว่า เอมิกาจะมาถึงบ้านช่วงเที่ยง วันนี้ให้กลับบ้านมากินข้าวเย็นกันพร้อมหน้า เขมนัทต์ได้ยินถึงกับถอนหายใจ รับคำไปส่งๆ เพราะเย็นนี้เขาจงใจไปดื่มเหล้าย้อมใจกับตรีชาติกับเพชรภูมิ
“ไอ้เกมส์ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย วันนี้จะได้เจอเมียคนใหม่นะโว้ย มึงต้องหน้าแช่มชื่นสิวะ” ตรีชาติเห็นหน้าเขมนัทต์แล้วอดแซวไม่ได้
“มึงอย่าแซวกู มึงไม่เป็นกู มึงไม่รู้หรอกว่ามันอึดอัดแค่ไหนที่ต้องทนเห็นหน้าและอยู่ร่วมบ้านเดียวกับคนที่ตัวเองไม่ชอบ แถมไม่สวยด้วย เซ็งชะมัด” เขมนัทต์อารมณ์เสียขึ้นมาทันใด ปาปากกาลงบนแฟ้มเอกสารด้วยอาการเซ็งจัด
“กูอยากรู้จังว่า เอมตอนนั้นทำอะไรให้มึงไม่ชอบหนักหนาวะ มึงถึงตั้งแง่กับเอมขนาดนี้ จะว่าไปเอมก็ไม่ได้ขี้เหร่จนมองไม่ได้นะ กูว่ามึงไม่เปิดใจมากกว่า” เพชรภูมิถามในเรื่องที่ตนสงสัย
“นั่นสิ กูก็สงสัยเหมือนไอ้เพชร”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ความรู้สึกมันบอกว่าไม่ชอบแค่นั้น”
เขมนัทต์เคยถามตัวเองเช่นกัน ทว่าเขากลับหาคำตอบไม่ได้ เอมิกาไม่เคยทำอะไรให้เขาไม่พอใจ ตรงกันข้ามเธอพยายามเลี่ยงการเผชิญหน้ากับตนเพราะรู้ดีว่า เขาไม่ชอบหน้า หากเลี่ยงไม่ได้ยามเจอหน้ากัน เอมิกาจะก้มหน้าไม่สบตาเขมนัทต์
“แต่กูก็เข้าใจมึงนะ เรื่องความชอบ ความชังและความเกลียดมันห้ามกันไม่ได้ เพราะมันมาจากความรู้สึกจริง แล้วบางคนก็หาเหตุผลกับความรู้สึกตัวเองไม่ได้” เพชรภูมิเข้าใจจุดนี้
“ชักอยากเห็นหน้าเอมวะแล้วสิว่า หน้าตาจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหร” เจ้าของเสียงคือตรีชาติ
“จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีโดยธรรมชาติคงยาก แต่ถ้าสวยด้วยมีดหมอน่ะไม่แน่” เขมนัทต์คิดตามพูด
“แล้วคุณแม่ไม่ให้มึงดูรูปล่าสุดของเอมบ้างเหรอ เพื่อจะไปกระตุ้นต่อมอยากของมึงให้ทำงาน ผลิตหลานให้คุณแม่จริงๆ ไม่ใช่ลวงโลกอย่างที่ผ่านมา” เพชรภูมิถาม
“ก็เคยนะ แต่กูไม่สนใจดู จะดูทำไมในเมื่อหน้าตาผิวพรรณก็คงเหมือนเดิม แล้วกูกลัวว่าดูไปคืนนั้นอาจจะฝันร้ายด้วยก็เลยเลือกไม่ดู”
“ถ้าเอมได้ยินคำพูดมึง กูว่าเอมต้องเสียใจแน่ๆ” เพชรภูมิมองเห็นความไม่ชอบหน้าเอมิกาของเขมนัทต์แล้ว สงสารเอมิการขึ้นมาทันใด “เวลามึงอยู่ต่อหน้าเอมก็อย่าแสดงออกให้มันมากนัก เพราะเอมไม่ได้ทำอะไรให้มึงโกรธหรือไม่พอใจ ที่มึงไม่ชอบหน้าเอมมาจากความรู้สึกของมึงล้วนๆ โดยเฉพาะคำพูดของมึง ควรระวังมากที่สุด”
“กูห้ามตัวเองยากซะด้วย เลยไม่อยากรับปากมึงว่าจะทำได้หรือเปล่า เอาเป็นว่าจะพยายามก็แล้วกัน” เขมนัทต์แบ่งรับแบ่งสู้ “มึงสองตัวต้องเข้าใจกูด้วยนะว่า การที่ต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ชอบหน้าสามเดือนมันอึดอัดแค่ไหน กูยังไม่รู้เลยว่าจะทนได้ถึงสามเดือนหรือเปล่า หรือไม่ก็พรุ่งนี้หนีไปอยู่เมืองนอกแม่งซะเลย”
“ถ้ามึงทำอย่างนี้มันก็ไม่จบน่ะสิ มึงอย่าลืมนะว่า มึงตกลงอะไรไว้กับคุณแม่ หนีไปก็เท่ากับมึงผิดสัญญาไง คุณแม่ก็ต้องหาข้ออ้างหาผู้หญิงให้มึงอีก กูว่านะไหนๆ เอมก็จะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่คุณแม่หาให้มึง มึงก็ทำเหมือนเคยๆ สิวะ ทนหน่อยแค่สามเดือนเอง” เพชรภูมิเตือนเพื่อน
“จริงตามที่ได้เพชรพูด การหนียิ่งสร้างปัญหา อีกอย่างนะ มึงก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงที่คุณแม่หามาให้ ยิ่งเป็นเอมมึงยิ่งไม่อยากเข้าใกล้ ใช้วิธีเดิมๆ รอให้ครบกำหนดเวลา มึงก็จะเป็นอิสระ กูว่ามันคุ้มกับความอดทนนะ”
“เออ...กูจะอดทนล่ะกัน” เขมนัทต์ยอมทำตามที่เพื่อนแนะนำ “เราไปหาข้าวกินกันดีกว่า จากนั้นก็ไปนั่งแก้เซ็งที่ผับ หิ้วสาวไปกก”
“หาเรื่องเบี้ยวคุณแม่นะมึง ระวังเถอะจะถูกฉีกอก ไม่แน่นะว่า คุณแม่อาจยกเลิกข้อตกลงด้วย กูว่านะไปนั่งดื่มที่ผับ ดึกๆ ค่อยกลับบ้านยังดีกว่า” ตรีชาติดักคอเจ้าของสถานที่อย่างรู้เท่าทัน
“มึงเข้าใจคำว่าอดทนไหมไอ้เกมส์ อดทน อดทน” เพชรภูมิย้ำ “สามเดือนเองมึง ไม่ใช่สามปี”
“ครับกระผมเพื่อนที่เคารพรัก กระผมจะทำตามที่มึงสองตัวแนะนำ โอเคไหม”
ยังไม่ทันที่เพชรภูมิกับตรีชาติจะตอบโต้กลับ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เขมนัทต์กดปุ่มข้างโต๊ะเพื่อคลายล็อคประตูห้อง วินาทีต่อมาประตูห้องเปิดออก คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่นงนุช เลขาหน้าห้องแต่เป็นคุณหญิงสร้อยระย้ากับสายพิณ เขมนัทต์แปลกใจกับการมาของมารดา เพราะหากไม่ใช่การประชุมใหญ่ของผู้ถือหุ้น สร้อยระย้าจะไม่ย่างกายมาที่นี่
“แหม อยู่กันครบทีมเลยนะ นัดกันจะไปไหนล่ะ” สร้อยระย้าพูดขึ้น ขณะทรุดตัวนั่งบนโซฟา สามหนุ่มในห้องยกมือไหว้ผู้สูงวัยทั้งสองพร้อมกัน
“พอดีผมสองคนผ่านมาแถวนี้ เลยแวะมาหาเกมส์น่ะครับ กะว่าจะไปหาของอะไรอร่อยๆ กินครับ” เพชรภูมิตอบ