ตอน อินญา อะผ่า และเชน (3)

4988 คำ
ฤดีและชดยกมือขยับโบกให้เชนและอินญาที่แบกเป้ใบใหญ่เดินตามหมี่ยะไปอย่างว่าง่าย เมื่อทั้งหมดคล้อยหลังไปแล้วชดก็ชวนฤดีไปนั่งที่ลานหน้าบ้านใต้ต้นมะกอกใหญ่ซึ่งมีโต๊ะและม้านั่งลายหินอ่อนตั้งอยู่ “หนุ่มบึกคนนั้นผมเดาว่าเขาคงมีเชื้อสายชาวอเมริกันพื้นเมือง” “ฉันก็ว่าอย่างนั้นค่ะ เพราะในจดหมายที่โนอาห์เขียนไว้ เขาบอกว่าอินญาเรียนมานุษยวิทยาและสนใจศึกษาวิถีชีวิตชนเผ่าผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมของรัฐมิสซูรี” ฤดีตอบ ชดหันกลับมามองหน้าฤดีและเปลี่ยนเรื่องพูดในทันที “คุณฤดี ผมขอถามอะไรหน่อย ผมจะไม่อ้อมค้อมละนะ เมื่อวานสุจาเล่าให้ผมฟังว่าคุณโนอาห์เขียนจดหมายสั่งงานคุณอย่างหนึ่ง และคุณจำเป็นจะต้องออกเดินทางเข้าหมู่บ้านไปหลังจากนี้ทันทีพร้อมผู้ช่วยสองคน” ชดหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อหาคำพูด “คุณชดจะถามอะไรฉันหรือคะ” ฤดีทำหน้าฉงน เธอขยับแว่นรอฟังคำตอบจากเขา “คืออย่างนี้ ผมไม่อยากเสียมารยาทถามถึงเนื้อความในจดหมายที่คุณโนอาห์เขียนถึงคุณเพราะอาจมีเรื่องส่วนตัวที่คุณไม่อยากให้ใครรู้” ชดกะพริบตาที่เริ่มแก่ชราของเขาแล้วพูดต่อ “แต่คุณช่วยเล่าให้ผมฟังสักหน่อยได้ไหมว่างานอะไรที่คุณโนอาห์สั่งให้คุณทำ เผื่อผมพอจะช่วยอะไรได้บ้าง ผมยินดีสนับสนุนถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง” ชดระบายลมหายใจเมื่อพูดจบ ฤดีมองหน้าเขาแล้วขมวดคิ้ว “เอ่อ ขอโทษนะคะคุณชด สุจาเขาไม่ได้บอกหรือคะว่าคุณโนอาห์เขียนสั่งเสียไว้เรื่องอะไร” ชดอึ้งไป เขาทำหน้าเก้อและยกมือเกาศีรษะที่แทบไม่มีผมเหลือตรงกลางกระหม่อมแล้วพูดออกมาว่า “คือสุจาเขาเล่าคร่าวๆว่าคุณโนอาห์อ่านรายงานที่นักเรียนทุนคนหนึ่งเขียนไว้เมื่อสิบปีที่แล้ว เป็นคำทำนายของพิมะจากหมู่บ้านของเขาว่าจะเกิดโรคระบาดในปีนี้และทำให้ผู้คนเจ็บป่วยล้มตายกันมากมายในหลายประเทศทั่วโลก มีคนหนึ่งที่รู้วิธีรักษา แต่คุณต้องเดินทางไปตามหาญิผ่าผู้อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านบนดอย ไม่มีใครเคยเห็นว่าหมู่บ้านนี้อยู่ที่ไหน สุจาบอกว่าคุณโนอาห์แนะนำให้คุณพาหลานสาวของเขากับเด็กหนุ่มคนที่เขียนรายงานไปด้วย อย่างนี้ใช่ไหมครับคุณฤดี” “ใช่ค่ะ คุณชดเข้าใจถูกต้องแล้วค่ะ” ฤดีตอบสั้นๆ “แล้วคุณตัดสินใจจะเดินทางไปกันแค่สามคนเท่านั้นหรือ” ชดถาม และกล่าวต่อไป “คุณอายุหกสิบกว่าแล้ว ส่วนเด็กสาวคนนั้นก็พูดภาษาไทยหรือภาษาอาข่าไม่ได้สักคำ แถมไม่มีประสบการณ์อะไรได้แต่เรียนหนังสือ คุณจะเหนื่อยเปล่าและล้มเหลว ขอโทษที่ผมออกความเห็น” ฤดีพยักหน้า เธอตอบเขาว่า “ขอบคุณที่แสดงความเห็นค่ะ คุณชด แต่ฉันเลิกสนใจกับความเห็นของคนอื่นมานานแล้ว นอกจากคนที่หวังดีจริงๆ” เธอเห็นเหงื่อตกซิกจากลำคอของชดเข้าไปในเสื้อเชิ้ตลายตะราง ร่างท้วมใหญ่ของเขาเหมือนจะเปียกแฉะอยู่ตลอดเวลาจากอากาศที่ร้อนจัดปลายเดือนมีนาคม แต่เขาไม่ต้องการเข้าไปรับแอร์เย็นๆในห้องโถงที่ตั้งศพโนอาห์ไว้ ซึ่งฤดีเองก็เช่นกันที่ไม่อยากอยู่ในห้องนั้น “ที่ผมทักท้วงก็เพราะผมเป็นห่วงคุณ” ชดบอกเสียงเบา “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ขอบคุณมากค่ะ” ฤดีตอบ สีหน้าเธออ่อนลง “ผมขอถามอีกที มีอะไรที่ผมจะช่วยพวกคุณได้บ้าง” ชดย้ำและตั้งใจฟังคำตอบของฤดี ซึ่งเธอถอนหายใจและอธิบายให้เขาฟัง “ตอนนี้ฉันนึกไม่ออกค่ะว่าต้องเริ่มกันอย่างไร ฉันเองคิดมาแล้วตลอดคืนหลังจากได้เจอตัวอะผ่า เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านผาแดง คนที่เขียนรายงานฉบับนั้นน่ะค่ะ ตอนนี้เขาอายุประมาณยี่สิบห้า เรียนจบมาแล้วสองปี เขาเพิ่งตกงานจากผลกระทบของโรคระบาดที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ ฉันค่อนข้างพอใจจากการพูดคุยและสังเกตพฤติกรรมเขาตลอดสองวันที่ผ่านมา และสำหรับอินญา ฉันจะสัมภาษณ์เธอพรุ่งนี้ เธอเพิ่งมาถึงคงเหนื่อยมากเพราะเดินทางไกลในสถานการณ์ไม่ปกติ” “และหากพรุ่งนี้คุณคุยกับอินญาแล้วเธอสอบผ่าน คุณก็จะไปกันแค่สามคนอย่างนั้นสิ” “ก็คงอย่างนั้นมั้งคะ คุณชดอย่าเพิ่งถามอะไรฉันตอนนี้เลย อย่างที่บอกนั่นละค่ะ คือฉันยังไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร วางแผนไว้คร่าวๆว่าหากอินญาตอบรับด้วยดี ไม่มีปัญหา เราจะเอารถโฟร์วีลของคุณโนอาห์ไป หมี่ยะมอบกุญแจรถไว้ให้ฉันแล้วพร้อมเงินสดที่คุณโนอาห์ฝากเธอไว้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางและซื้อของใช้จำเป็น อะผ่าจะเป็นคนขับและคอยดูแลรถหากว่ามันมีปัญหา เพราะเขาฝึกงานกับรถคันนี้มาหลายปีจนรู้จักเครื่องยนต์กลไกทุกชิ้น” ฤดีพูดต่อหลังจากนิ่งไปเดี๋ยวหนึ่ง “ฉันคิดไว้ว่าเราจะเดินทางในวันมะรืนนี้ ออกจากเชียงใหม่เวลาเช้า ถึงแม่สรวยตอนเที่ยง และเวลาบ่ายเราจะเดินทางสู่ดอยผาแดง เราจะพักค้างที่หมู่บ้านผาแดงหนึ่งคืน รุ่งเช้าเราจะหาเส้นทางไปน้ำตกที่ภูผาดำ ถ้าโชคดีเราก็จะพบหมู่บ้านริมธารที่ตั้งอยู่เบื้องหลังน้ำตก” “นี่คือแผนการคร่าวๆของคุณใช่ไหม” ชดพูดแล้วเม้มริมฝีปาก “ใช่ค่ะ” ฤดีตอบ “คุณอยากฟังแผนการของผมไหม สนุกกว่าของคุณเยอะ” ชดบอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาฉายประกายจากความคิดแยบคายที่ซ่อนเร้นไว้ “สนุกหรือคะ นี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นกันนะ” ฤดีถามเสียงเข้ม คิ้วขมวดเข้าหากันบนหน้าผากอันมีรอยย่น “แผนการของผมฟังดูสนุกแต่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นครับ ผมรับรองได้” ชดกระแอมและทำน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ “ขอให้คุณฟังผมพูดจนจบนะครับ อย่าเพิ่งคัดค้านอะไร” “ก็ได้ค่ะ แต่ฉันบอกไว้ก่อนนะคะว่าการที่ฉันรับฟังคุณชด ไม่ได้หมายความว่าฉันตกลง” ฤดีบอก “ตกลงครับ” ชดตอบ “ตกลงอะไรคะ” ฤดีเริ่มสับสนในคำพูดของชด “ผมตกลงตามที่คุณฤดีพูดน่ะซีครับ” “เฮ้อ คุณชดช่วยเล่าแผนการของคุณมาเถอะค่ะ เพราะฉันอยากหลบไปพักเต็มทีแล้ว” ฤดีบอกเขาตรงๆ “ตกลงครับ” ชดเห็นฤดีทำตากลอกขึ้นข้างบน เขาอมยิ้มและพูดต่อ “คืออย่างนี้ ผมเห็นด้วยว่าแผนการคร่าวๆ ที่คุณวางไว้นั้นดีพออยู่แล้ว ผมแค่ขอเสริมอีกหน่อยให้มันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น กล่าวคือจะต้องมีรถร่วมขบวนไปกับคุณอีกหนึ่งคันและมีคนร่วมทีมเพิ่มอีกสองหรือสามคนนี่แหละหากเจ้าหนุ่มผมเปียนั่นไปด้วยน่ะนะ” ชดพูดต่อพลางมองหน้าฤดีที่อ้าปากค้าง “รถที่จะตามคุณไปนั้นเป็นรถอเนกประสงค์ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ตัวถังเป็นเหล็กแท้ 190 แรงม้า ปีนขึ้นภูเขาสูงชัน บุกป่าฝ่าดงได้ คนที่จะขับรถคันนี้ไปเป็นอดีตไกด์นำเที่ยวแบบวิบากชำนาญพื้นที่ แม้สูงวัยแต่ใจยังสู้ ส่วนคนโดยสารที่จะนั่งคู่กับเขาเป็นสาวใหญ่วัยห้าสิบ สาวสวยใจดีผู้นี้จะคอยดูแลเรื่องอาหารการกินและเสริมความสวยงามของทุกคนในทีมให้ดูดีอยู่เสมอ เขาสามารถสื่อสารได้หลายภาษา ทั้งอังกฤษ เยอรมัน ไทย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาอาข่าซึ่งเป็นภาษาแรกของเขา” ฤดีหุบปากที่อ้าค้างลงและยกมือขึ้นกุมศีรษะ ชดยังพูดต่อไป “รถคันนี้ ผมรับผิดชอบเองทั้งค่าน้ำมัน ค่าสึกหรอ รวมทั้งเบี้ยเลี้ยงโชเฟอร์ซึ่งคุณเดาได้ว่าเป็นใครนะครับ มันจะเป็นรถสำรองไว้เผื่อรถเก่าๆของคุณโนอาห์เกิดไปตายกลางทาง อะผ่าจะได้ไม่เสียเวลาอันมีค่าไปนั่งแกะเครื่องเคราออกมาดูทีละชิ้น เพราะตอนนี้พวกเราต้องทำงานแข่งกับเวลา ผมใช้คำว่า ‘พวกเรา’ คุณคงไม่ขัดข้อง อ้อ อีกอย่าง สุจาบอกไว้ว่าเขาจัดกระเป๋าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วและยกเอาไปใส่รถผมตั้งแต่ตอนบ่าย มีเสบียงอาหารแห้งทุกชนิดแพ็คใส่กล่องใหญ่ มีเครื่องมือทำอาหารที่ใช้ในการเดินป่า เตาแก๊สแบบพกพา จานชามพลาสติก น้ำในถังแกลลอนใหญ่บรรทุกไว้ใต้ท้องรถ มีแม้กระทั่งชุดชั้นในของชายหญิง ชุดปฐมพยาบาลเผื่อใครเจ็บป่วยหรือเป็นลมไป สำหรับค่าใช้จ่ายเรื่องเสบียงของใช้คุณต้องไปขอบคุณสุจาที่รับเป็นสปอนเซอร์ เอ่อ ว่าแต่ว่า คุณไม่เคยเห็นรถคันใหม่ของผมใช่ไหม คุณไม่สงสัยเลยหรือว่าทำไมผมไม่เอารถเข้ามาจอดในลาน ก็ในเมื่อคุณไม่ออกนอกรั้วบ้านมาตลอดสามวันแล้วคุณจะเห็นมันได้อย่างไร” ฤดีกะพริบตาปริบเมื่อฟังชดพูดจบ ในหัวสมองเธออลหม่านไปด้วยแผนการที่เขาบอก ขณะที่เธอกำลังหาคำพูดมาโต้ตอบ ชดก็ผุดลุกขึ้นและล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกุญแจรถออกมา “เดี๋ยวผมจะกลับแล้วนะครับ คุณฤดี คุณช่วยบอกลาหมี่ยะและหลานสาวของเขาแทนผมด้วย ผมจะไปนอนเอาแรงสักหน่อย พรุ่งนี้ตอนสายผมจะไปรอร่วมพิธีฝังศพคุณโนอาห์ที่สุสาน นอนหลับฝันดีนะครับ ขอขอบคุณล่วงหน้าที่อนุมัติแผนการเดินทาง พรุ่งนี้เจอกัน” ชดโค้งตัวให้เธอนิดหนึ่งก่อนเดินออกจากตัวบ้านไปตามทางปูอิฐที่นำไปสู่ประตูหน้า ฤดีนั่งอึ้งอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าเดินฉับๆ ออกมาจากเรือนใหญ่ “พี่ฤดีทำไมไปนั่งตากยุงคนเดียว เดี๋ยวจะไม่สบายนะคะ เข้ามาข้างในดีกว่าค่ะ อินญาและเชนกำลังกินอาหารค่ำที่ในครัว” สุจาส่งเสียงเรียก “สุจามาหาพี่ตรงนี้ พี่ขอถามอะไรหน่อย” ฤดีพูดเสียงเข้ม สุจารู้ตัวแล้วว่าฤดีจะถามเรื่องอะไร เขาขยับตัวช้าๆเข้ามาใกล้ “พี่ฤดีมีอะไรจะถามหนูหรือคะ” เสียงอ่อนหวานและใบหน้าเหนื่อยล้าของสุจาจากการหยิบโน่นทำนี่ทั้งวันทำให้ฤดีใจอ่อน เธอจับมือเขาไว้และพูดว่า “สุจาฟังพี่นะคะ เมื่อกี้นี้คุณชดบอกพี่ว่าวันมะรืนนี้สุจากับเขาจะขับรถตามพี่ไปด้วย แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างนั้น และไม่ใช่เรื่องสนุกหรือเป็นการผจญภัยแบบในหนังฝรั่ง พี่ต้องบอกสุจาตามตรงว่าพี่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนและอย่างไร พี่คงต้องขอคุยกับอินญาก่อน แต่ไม่ใช่คืนนี้เพราะเขาเพิ่งเดินทางต่อเครื่องกันมาสองวันเต็มคงต้องการพักผ่อน” ฤดีมองหน้าสุจานิ่งก่อนพูดต่อ “พี่รู้ว่าสุจารักและเป็นห่วงพี่ พี่เองก็รู้สึกอย่างเดียวกับสุจา สิ่งที่คุณโนอาห์สั่งเสียไว้ในจดหมายเป็นภาระอันหนักและอาจเป็นอันตรายหากพลาดพลั้งไป พี่เป็นคนไม่มีครอบครัว ไม่มีคนที่ต้องเป็นห่วง ดังนั้นพี่ยินดีทำตามที่เขาบอก แต่สำหรับสุจาและคุณชด พี่คงให้ร่วมทางไปด้วยไม่ได้ คุณชดมีครอบครัวที่จะมาอยู่กับเขาวันหน้า ถ้าเขาเป็นอะไรภรรยาและลูกสาวคงเสียใจไม่น้อย สำหรับสุจา มูลนิธิหมี่ยะ-โนอาห์ต้องการคนช่วยอย่างยิ่งในเวลานี้ หมี่ยะไม่มีใคร นอกจากสุจาค่ะ” “พี่ฤดี” สุจาทำท่าจะพูดบางอย่าง แต่ฤดีตัดบทด้วยการบอกว่า “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน พี่ขอตัวนะ กู๊ดไนท์ค่ะ” สุจาก้มหน้าแล้วช้อนตามองฤดีพร้อมกับพูดเสียงเศร้า “ค่ะ กู๊ดไนท์ พักผ่อนให้สบายนะคะ หนูเอาน้ำดื่มไปวางไว้ในกระท่อมแล้ว มีคุ้กกี้อีกถุงหนึ่งด้วยค่ะ หนูทำไว้เผื่อพี่จะหิว หนูปัดกวาดพื้นทั้งข้างนอกและข้างใน แถมเช็ดฝุ่นตามชั้นต่างๆให้จนสะอาด พี่จะได้ไม่ระคายเท้าระคายมือ เสื้อผ้าพี่หนูก็เอาไปใส่เครื่องซักและตากจนแห้งหอมแดด พับวางไว้ข้างกระเป๋าเสื้อผ้านะคะ ดอกไม้ในแจกันหนูเด็ดมาจากข้างสวน พี่จะได้สบายใจเพราะหนูรู้ว่าพี่มีเรื่องต้องคิดและวางแผน อ้อ ที่ทางเดินหลังกระท่อม หนูไปเปลี่ยนหลอดไฟให้ใหม่แล้ว จะได้สว่างๆ มองเห็นชัดๆ หนูกลัวพี่จะลื่นล้มค่ะ คนสูงอายุต้องระวัง เอาละค่ะ พรุ่งนี้ค่อยพบกัน” ฤดีชะงักฝีเท้า เธอมองสุจาที่หันหลังเดินเข้าบ้านหลังใหญ่ไปโดยไม่เหลียวมาโบกมือให้เธออย่างที่เขาเคยทำ เสียงผู้คนพูดคุยกันดังแว่วมาจากหน้าห้องโถงชั้นสอง พรุ่งนี้พวกเขาก็จะทยอยกลับหมู่บ้านเพื่อไปใช้ชีวิตปกติอย่างที่เคย แต่เธอจะต้องปฏิบัติภารกิจที่โนอาห์มอบหมายให้ เมื่อนึกมาถึงเรื่องนี้ฤดีก็ลุกขึ้น เธอต้องการพักผ่อนอยู่เงียบๆคนเดียวเวลานี้ ฤดีเดินกลับกระท่อมญิผ่าอย่างช้าๆ ภายในกระท่อมสะอาดเรียบร้อย ขวดน้ำดื่ม ถุงคุ้กกี้วางบนขันโตกในครัว แจกันดอกไม้สดวางบนชั้นไม้ เสื้อผ้าที่เธอถอดกองไว้ตั้งใจจะกลับมาซักตากคืนนี้ ปรากฏว่าสุจาจัดการให้อย่างเรียบร้อย เธอเปิดประตูหลังกระท่อมออกไปก็พบแสงไฟฟ้าที่สว่างไสวมองเห็นทางเดินเข้าห้องน้ำชัดเจนไม่มืดสลัวเหมือนค่ำคืนที่ผ่านมา ฤดีพึมพำขอบใจ เธอรู้ว่าสุจารักและเคารพเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องตามเธอไปทำภารกิจที่เขาแทบจะช่วยอะไรไม่ได้ เขาอาจมีประโยชน์อย่างที่ชดบอกคือช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินของคนในทีม แต่ว่าเธอสามารถพึ่งพาคนในหมู่บ้านของอะผ่าได้เรื่องนี้ เอาเถอะ ฤดีคิดไว้ว่าวันพรุ่งนี้เธอจะคุยกับอินญาและค่อยกำหนดแผนการให้ละเอียดก่อนออกเดินทาง วันอังคารที่ 31 มีนาคม 2020 วันฝังศพโนอาห์ การสวดส่งวิญญาณโนอาห์ดำเนินไปจนถึงรุ่งเช้าหลังจากผ่านไปสามคืน พิมะและผู้ช่วยทั้งสองเมื่อรับประทานอาหารเช้าแล้วก็เป็นอันจบพิธีตามที่หมี่ยะกำหนด เนื่องจากโนอาห์เป็นชาวคริสต์เธอจึงอยากให้สามีได้รับการฝังตามพิธีการทางศาสนาของเขา แม้ว่านอกจากอินญาแล้วจะไม่มีญาติพี่น้องคนใดจากอเมริกาสามารถเดินทางมาร่วมได้เนื่องจากภาวะวิกฤตของโรคระบาดที่ทำให้ชาวอเมริกันต้องกักกันตนเองอยู่กับบ้าน ดังนั้นจึงมีเฉพาะญาติสนิทของหมี่ยะ มิตรสหายที่อยู่ในเชียงใหม่ นักเรียนทุน และผู้แทนจากองค์กรพันธมิตรต่างๆที่ทำงานประสานกันมาร่วมพิธีซึ่งเป็นไปอย่างเรียบง่าย วันนี้บรรดานักเรียนทุนทั้งเก่าและใหม่ของมูลนิธิหมี่ยะ-โนอาห์มาช่วยกันตั้งแต่เช้าเพื่อเคลื่อนศพจากบ้านไปยังสุสาน โดยหมี่ยะ ฤดี สุจา อินญา เชน ญาติพี่น้องของหมี่ยะและผู้ที่รู้จักนับถือต่างนั่งรถตามกันไปนับสิบคัน ชดรอรับศพอยู่ที่สุสานแล้ว เมื่อขบวนเคลื่อนไปถึงที่ก็ตั้งศพในศาลาเพื่อทำพิธีมิสซา บาทหลวงให้โอวาทในเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องความตายและชีวิตนิรันดร์ ผู้ไปร่วมงานทยอยเดินเข้าไปลาโนอาห์ที่นอนอยู่ในโลงศพปิดสนิท จนถึงเวลาอันควรบาทหลวงจึงออกก้าวเดินนำทางไปยังมุมร่มรื่นของสุสานใหญ่ซึ่งเป็นที่ฝังศพชาวต่างประเทศผู้อาศัยอยู่ในเชียงใหม่และถึงแก่กรรมในแผ่นดินล้านนา เด็กหนุ่มชาวอาข่าเกือบห้าสิบคนสวมเสื้อผ้าทอสีดำปักลวดลายอาข่าโบราณอย่างงดงามต่างผลัดกันหามไม้ไผ่ลำยาวที่ผูกมัดเป็นคู่ติดกับโลงศพรูปจันทร์เสี้ยวเดินตามหลังบาทหลวงและผู้ช่วยไปอย่างช้าๆ หมี่ยะและคนอื่นๆในเสื้อผ้าชุดขาวดำเดินตามไปไม่ห่าง ปิดท้ายด้วยขบวนด้วยเหล่านักเรียนหญิงในชุดประจำเผ่า กระโปรงสีดำ เสื้อปักลาย และเครื่องประดับศีรษะสีสันลานตา ผู้คนที่มาร่วมงานยืนรายรอบบริเวณขณะที่เด็กหนุ่มอาข่าช่วยกันหย่อนโลงศพลงในช่องซีเมนต์สี่เหลี่ยมใหญ่ที่ขุดลึกลงไปใต้ดิน หมี่ยะวางย่ามที่บรรจุข้าวของส่วนตัวของโนอาห์ในช่องด้านข้างเพื่อให้เขาใช้สอยในปรโลก สุจาวางดอกไม้ช่อใหญ่ไว้ด้านบน ฤดี เชน และอินญาหย่อนดินที่ห่อผ้าสีแดงลงไป จากนั้นทุกคนหยุดยืนไว้อาลัย บาทหลวงเอ่ยคำสรรเสริญผู้ตายและเริ่มสวดนำทางให้เขาไปสู่ปากประตูสวรรค์ จากนั้นเป็นการผนึกปากหลุมซึ่งเป็นงานของเจ้าหน้าที่สุสาน หมี่ยะยืนมองทุกขั้นตอนเหมือนต้องการจดจำเอาไว้ตลอดชีวิตที่เหลือ บาทหลวงประพรมน้ำมนต์และประสาทพร เป็นอันเสร็จพิธีในเวลาใกล้เที่ยง อินญายืนประคองหมี่ยะที่เริ่มร้องไห้อีกครั้ง เชนยืนนิ่งสงบอยู่ข้างชดและฤดี นักเรียนหญิงทำการแจกอาหารกล่องและของที่ระลึกให้แก่บรรดาแขกผู้มาร่วมพิธี ซึ่งทุกอย่างสุจาเป็นคนจัดการล่วงหน้าทั้งสิ้น พวกเขาทยอยเข้ามากล่าวลาหมี่ยะและเดินออกไปตามทางเพื่อกลับถิ่นฐานบ้านช่องของตัว ญาติสนิทของหมี่ยะชวนกันนั่งรถไปซื้อของที่ตลาดต้นลำใยเพื่อนำไปฝากลูกหลานในหมู่บ้าน พวกเขาจะเดินทางกลับก่อนบ่ายสามเพื่อให้ถึงหมู่บ้านเวลาค่ำ ส่วนพวกนักเรียนทุนเก่าใหม่ชายหญิงต่างทยอยแยกย้ายกันกลับที่พัก ในบริเวณสุสานจึงเหลือเพียงหมี่ยะ สุจา อินญา เชน ฤดี ชด และอะผ่าที่ฤดีเรียกไว้ให้กลับไปด้วยกันเพราะต้องประชุมตอนบ่าย ทั้งหมดเดินไปที่ลานจอดรถ สุจากางร่มกันแดดให้หมี่ยะผู้เดินเช็ดน้ำตาคู่ไปกับอินญา ชดเดินเหงื่อแตกเต็มหลังตามไปพร้อมกับเชนและฤดี “เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันหน่อยไหม ผมชักหิวแล้ว เมื่อกี้ผมยกอาหารกล่องของเราให้พวกนักเรียนไปหมดเลย เพราะเขามากันหลายคนและดูเหมือนไม่มีใครได้กินอาหารเช้า” ชดบอก “เราไม่ต้องไปนั่งกินที่ร้านหรอกค่ะ พี่ชด ที่บ้านมีอาหารเหลือมากมาย เดี๋ยวหนูจะเอามาอุ่นให้ร้อนๆ ใช้เวลาไม่นานค่ะ” สุจาบอกพลางขยับหมวกปีกกว้างที่เย็บอย่างประณีตด้วยผ้าลูกไม้สีดำประดับดอกไม้ประดิษฐ์ดูงดงามรับกับใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางมีราคา “สุจาน่าจะได้พักผ่อนบ้าง เหน็ดเหนื่อยมาหลายวันแล้วนะ” ฤดีพูดเอาใจสุจา “หนูไม่เหนื่อยค่ะพี่ฤดี หนูยินดีช่วยค่ะ ชีวิตหนูที่มีวันนี้ได้เพราะคุณโนอาห์ หนูตั้งใจตอบแทนเขาให้เต็มที่” สุจาพูดออกมาจากใจ จากนั้นเขาก็แหงนหน้าถามหลานสาวโนอาห์เป็นภาษาอังกฤษว่า “อินญาหิวหรือยังลูก เมื่อเช้าเห็นดื่มแต่กาแฟคนละถ้วยกับเชน” “อินญาหิวมากค่ะตอนนี้” หญิงสาวตอบตรงไปตรงมาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม สุจาเมื่อได้ฟังก็ส่งร่มให้อินญาถือ แล้วเปิดกระเป๋าหูหิ้วที่หอบไว้ข้างตัวพลางหยิบของว่างออกมาสองกล่อง “แล้วทำไมไม่บอกอาโฮว่าหิว เอ้านี่ กินรองท้องไปก่อนนะ เชนด้วย” “ขอบคุณอาโฮมากค่ะ” อินญาคืนร่มให้สุจาพร้อมรับกล่องไปถือและเปิดดู ข้างในเป็นแซนด์วิชทูน่าหนึ่งคู่ ขนมพายหนึ่งชิ้น และน้ำผลไม้ เธอหยิบแซนด์วิชออกมากัดกินอย่างดีใจ ส่วนเชนเมื่อกล่าวขอบคุณสุจาและรับกล่องขนมมาแล้วเขาก็เปิดออก เขาหยิบขนมพายมาถือไว้ชิ้นหนึ่ง จากนั้นเขาหันไปหาอะผ่าและยื่นกล่องส่งให้ อะผ่ายิ้มและรับของว่างมิตรภาพมากินอย่างไม่รังเกียจ ฤดีมองเด็กหนุ่มทั้งสองด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ผมก็หิวนะสุจา ไม่มีให้ผมบ้างหรือ” ชดส่งเสียงโอดมาจากด้านหลัง ฤดีเหลียวไปมองร่างท้วมใหญ่ที่มีเหงื่อไหลจากลำคอเข้าไปใต้ปกเสื้อสีดำ เธอยิ้มให้เขาพร้อมกับล้วงเข้าไปในย่ามหยิบคุ้กกี้ของสุจาออกมายื่นให้ “คุณชดทานคุ้กกี้ฝีมือสุจาค่ะ อร่อยมาก” “โอ้ ขอบคุณครับ” ชดรับถุงกระดาษสีน้ำตาลจากฤดีอย่างดีใจและหยิบคุ้กกี้หนึ่งชิ้นส่งเข้าปาก จากนั้นตั้งหน้ากินชิ้นต่อไปจนเกลี้ยงถุง แล้วเขาก็ขอน้ำจากสุจามาดื่มจนหมดขวด “อร่อยมาก สุจา ฝีมือขนาดนี้ไปตั้งร้านเบเกอรี่ได้แล้ว” ชดชม สุจายิ้มหน้าบาน เมื่อมาถึงลานจอดรถ ฤดีมองเห็นรถอเนกประสงค์สีเงินคันโตจอดเด่นอยู่ในลาน เธอเดาได้ว่าเป็นรถคันใหม่ของชดที่เขาเอ่ยถึงไว้เมื่อค่ำวาน “คุณฤดีไปรถผมดีกว่า รถสุจาต้องนั่งเบียดกันไปหลายคน” ชดเอ่ยปากชวน แต่สายตาของเขามองตามอะผ่าที่เดินดูรอบรถอย่างสนใจ ฤดีจึงบอกชดว่า “เด็กหนุ่มคนนี้ไงคะที่ชื่ออะผ่า เขาเป็นคนเขียนรายงานที่คุณโนอาห์กล่าวถึงในจดหมาย” ฤดีกระซิบบอกชด “อ้อ คนนี้เองอะผ่า ผมเห็นอยู่ที่งานทุกวัน แต่ไม่ได้ทักทายเพราะผู้คนมาร่วมงานเยอะแยะมากมาย” ชดตอบ สุจากำลังพาหมี่ยะ อินญา และเชนไปขึ้นรถที่เธอขับมา “พี่ฤดีกับอะผ่าไปรถคุณชดนะคะ เดี๋ยวเจอกันที่บ้าน” ชดโบกมือให้สุจาก่อนกดรีโมท เขาเปิดประตูผู้โดยสารด้านหลังให้อะผ่าขึ้นไปนั่งและเปิดประตูหน้าสำหรับฤดี เธอโหนตัวขึ้นไปนั่งบนเบาะผู้โดยสารแล้วดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด ชดกดปุ่มถอยรถจากที่จอดและขับไปตามทางออกสู่ถนนใหญ่ “รถสวยดีนะคะ” ฤดีชม พลางมองดูหน้าปัดรถซึ่งดารดาษไปด้วยอุปกรณ์ควบคุมต่างๆที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน “ไม่ใช่สวยอย่างเดียวครับ แต่สารพัดประโยชน์” ชดยิ้มรับคำชมจากฤดีอย่างภูมิใจ “ผมสั่งซื้อมาจากประเทศเพื่อนบ้านของเรา ใช่ครับ มันประกอบในโรงงานที่มาเลเซียแต่ส่งไปขายแถวยุโรป รถ ‘ฮัมเมร่า’ ใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกับรถฮัมวีย์ แต่ราคาถูกกว่าเยอะ ผมบอกซูซานไปว่าผมซื้อรถคันนี้ไว้เพื่อจะพาครอบครัวไปเที่ยวไกลๆ เธอเองก็อยากมาเห็นแต่คงอีกหลายเดือนกว่าวิกฤตโรคระบาดจะซาลง อย่างไรเสียผมก็จะใช้มันให้เป็นประโยชน์สำหรับปฏิบัติการของคุณนะ ซูซานคงภูมิใจไม่น้อยหากรู้ว่าเรากำลังจะไปไหนและจะทำอะไรเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่กำลังเดือดร้อน” ฤดีนิ่งเงียบ ชดเหลือบตามองอะผ่าจากกระจกมองหลัง “พรุ่งนี้คุณต้องขับรถโนอาห์ไปใช่ไหม อะผ่า” ชดถาม “ไปไหนครับ” อะผ่าทำหน้างง เขามองฤดีและมองชดที่นั่งกุมพวงมาลัยรถไว้หลวมๆ “เอ่อ คุณชดคะ ฉันยังไม่ได้บอกอะผ่าว่าเราจะเดินทางกันพรุ่งนี้ ฉันตั้งใจว่าบ่ายนี้จะคุยกับเขาพร้อมอินญา” ฤดีอธิบายพลางหันไปบอกอะผ่า “คือครูเห็นว่าพวกเรายังยุ่งอยู่กับพิธีศพของคุณโนอาห์เลยไม่ได้บอกเธอเรื่องที่เราจะเดินทางขึ้นดอยอย่างเร็ว เธอคงต้องไปกับครูด้วย” “เป็นเรื่องเกี่ยวกับรายงานเก่าของผมที่ครูคุยทิ้งไว้เมื่อวันก่อนใช่ไหมครับ” อะผ่าถามอย่างตื่นเต้น “ใช่จ้ะ เธอพร้อมจะเดินทางไหม เธอต้องขับรถคุณโนอาห์พาอินญากับครูขึ้นไปตั้งต้นที่บ้านผาแดงของเธอ รายละเอียดครูจะบอกตอนบ่าย” “ผมพร้อมเสมอครับ” อะผ่าตอบสั้นๆแต่หนักแน่น “ผมก็พร้อมแล้วนะ คุณฤดี ถ้าคุณชะโงกไปดูที่หลังรถ คุณจะเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าของสุจาและของผมตั้งอยู่ใกล้ๆกล่องเสบียงและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆสำหรับหนึ่งสัปดาห์ อ้อ ใต้ท้องรถคันนี้เป็นที่เก็บอุปกรณ์สำรองที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างระหว่างเดินทาง” ชดอธิบายด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ “จริงๆ มันคงไม่มีอุปสรรคอะไร ผมเชื่ออย่างนั้น รถคันนี้ใช้ระบบอัตโนมัติทั้งคัน แค่กดปุ่มดึงคันบังคับและขยับพวงมาลัย แถมบังคับได้จากทางไกลโดยใช้โทรศัพท์มือถือโดยไม่ต้องมีคนขับ มันสามารถบุกป่าฝ่าดง ปีนขึ้นที่สูงชัน กระเด้งกระดอนบนถนนโลกพระจันทร์ และหากรถคุณโนอาห์มีปัญหา เช่น ตกหล่มข้างทาง รถผมจะช่วยดึงมันขึ้นมาได้ด้วยเครื่องชักรอกกำลังสูง แต่ผมหวังว่าเราคงไม่เจอเรื่องยากแบบนั้น” ฤดียังนั่งเงียบอย่างใช้ความคิด ขณะที่อะผ่านั่งเหลียวหน้าเหลียวหลังสังเกตอุปกรณ์ภายในรถ เขามองปุ่มต่างๆ ที่เรียงเป็นแถวข้างประตูรถอย่างไม่แน่ใจว่ามันใช้ทำอะไร แต่ความที่มีนิสัยช่างแกะเขาก็พอเดาได้ “รถคุณโนอาห์ไม่มีแบบนี้ใช่ไหม อะผ่า” ชดถามยิ้มๆ และมองอะผ่าทางกระจกมองหลัง “ครับ” อะผ่าตอบ “ของคุณโนอาห์เป็นรถรุ่นเก่าใช้เกียร์กระปุก มีคลัทช์ เบรก และคันเร่ง บนแผงหน้าปัดก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่แรงดี อึด ทนทาน ไม่เคยจอดซ่อมกลางทาง เหมาะกับการขับระยะไกล หากมีอะไรเสียก็ซ่อมได้เดี๋ยวนั้นเพราะเครื่องยนต์ไม่ซับซ้อนครับ ผมเคยขับไปส่งอาโฮหมี่ยะขึ้นดอยหลายเที่ยวแล้ว ขับสนุกครับ” “คุณเรียนอะไรมานะ” ชดถาม “ผมเรียนสาขาช่างยนต์ พอรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกบ้าง แต่ยังไม่เก่งครับ” อะผ่าถ่อมตัว ชดพยักหน้าหงึกๆ “ฝึกไปเรื่อยๆ อีกไม่นานก็เก่ง ดูท่าคุณสนใจรถผม วันหลังผมจะให้ลองขับ” อะผ่ายิ้มอย่างลิงโลดพลางกล่าวขอบคุณชด ครู่หนึ่งต่อมารถฮัมเมร่าก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนนันทาราม คราวนี้มันเดินหน้าเข้าไปจอดในบริเวณบ้านเพราะญาติพี่น้องของหมี่ยะขับรถปิ๊กอัปกลับหมู่บ้านไปหมดแล้ว มีที่จอดรถอย่างเพียงพอสำหรับรถคันใหญ่ของชด สุจาขับรถมาถึงเมื่อครู่ ทุกคนกำลังอยู่ในครัว หมี่ยะนั่งพักผ่อนบนเก้าอี้หัวโต๊ะ อินญาและสุจานำอาหารจากตู้เย็นออกมาอุ่นในเตาอบไมโครเวฟ ส่วนที่เป็นน้ำซุปใส่หม้อตั้งบนเตาไฟฟ้า เชนเคลียร์โต๊ะที่รกเลอะเทอะตั้งแต่เช้าเพราะทุกคนต้องรีบกินและรีบไป เขาเอาจานมาจัดวางไว้ตามจำนวนคน ไม่นานอาหารมื้อบ่ายก็พร้อมเสิร์ฟ ฤดีเรียกอะผ่าเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วย แล้วการประชุมด้วยภาษาอังกฤษก็เริ่มต้น “อะผ่า อินญา และเชน รู้จักกันแล้วใช่ไหม” ฤดีถามขณะรับถ้วยน้ำจิ้มจากสุจา “ค่ะ เรารู้จักกันตั้งแต่เมื่อคืนนี้” อินญาตอบและส่งยิ้มหวานให้อะผ่า ดวงตาสีเขียวของเธอเป็นประกาย “ครับ เมื่อคืนผมกับอินญาพอเสร็จจากอาหารค่ำ เราก็เข้าไปเคารพศพคุณโนอาห์ เจออะผ่านั่งอยู่ในห้อง เขาช่วยเราอธิบายเรื่องธรรมเนียมประเพณีหลายอย่างครับ เราเลยคุยกับเขาอยู่นานและฟังผู้เฒ่าร่ายคำสวดไปพร้อมกัน” เชนตอบขณะตักอาหารใส่จานส่งให้หมี่ยะและคนอื่นๆ ชดมองผมเปียสีดำเข้มของเชนอย่างสนใจ “อินญาได้เรียนภาษาอาข่าจากอะผ่าหลายคำเหมือนกันนะคะ ตอนนี้นับหนึ่งถึงสิบได้แล้ว” หญิงสาวบอกพลางยกมือขึ้นมานับนิ้วและออกเสียงตามที่ฝึกมาเมื่อคืนนี้ “ถิ หงิ ซุ้ม เอ่อย์ หง่า โกะ สิ แหยะ...” อะผ่าหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นประกายตาของหญิงสาวที่พราวขึ้นมาเมื่อเธอรู้ตัวว่าจำผิด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม