" เสี่ยวอิง หนูอิ่มไหม ตักเพิ่มอีกหน่อยดีไหม" ซูซิน ถามเพราะเห็นเด็กน้อยกินจนหมดเกลี้ยงถ้วยไม่เหลือสักเมล็ดหรือเธอประเมินความสามารถในการกินของเด็กน้อยต่ำเกินไป
" หนูอิ่มแล้วค่ะ "
" ถ้าไม่อิ่มก็ทานอีกได้ แต่ถ้าอิ่มแล้วก็อย่าฝืน เดี๋ยวจะปวดท้อง"
" ค่ะ หนูอิ่มแล้ว ข้าวอร่อยมากหนูเสียดายจึงกินจนหมด"
" อ่อ อิ่มแล้วเอาชามมาวางตรงนี้ก่อน แม่จะล้างเอง หนูก็มาบ้วนปากก่อนนอนด้วยนะ วันหลังแม่จะไปซื้อแปรงสีฟันเด็กให้ หนูยังไม่มีใช่ไหมคะ"
" พ่อเคยซื้อมาให้แต่พี่ใหญ่เอาของหนูไปค่ะ "
" ไม่เป็นไรต่อไปจะไม่มีใครมาเอาของหนูไปได้อีก และหนูก็ต้องดูแลของตัวเองให้ดี ของอะไรควรเก็บตรงไหนก็ต้องเก็บให้เป็นระเบียบ วันนี้เรานอนก่อนพรุ่งนี้เช้าแม่ค่อยบอกใหม่นะ"
" ค่ะ หนูจะเชื่อฟังแม่จ๋าทุกอย่าง"
" เด็กดี ไปเถอะ เข้าห้องนอนกัน"
ซูซิน พาลูกสาวเข้าไปในห้องนอนเด็กน้อยกำลังจะเดินไปที่มุมเพื่อหยิบผ้ามาปูนอนที่เดิม ซูซินพึ่งนึกได้ว่าลูกสาวเคยนอนแต่บนพื้น เพราะยายแม่เลี้ยงใจร้าย รังเกียจเด็กน้อย แต่ที่ยอมให้นอนในห้องด้วยก็เพราะขี้เกียจทำห้องใหม่ให้เท่านั้น
" เสี่ยวอิง ขึ้นมานอนบนเตียงกับแม่นี่มาไม่ต้องไปนอนที่พื้นแล้ว มานอนบนนี้เถอะ"
" แม่ให้หนูนอนด้วยหรอ"
" อืม มานี่มาแม่จะเล่านิทานให้ฟังด้วยดีไหม"
" จ้ะ "
เด็กน้อยปีนขึ้นเตียง อย่างรวดเร็วและเข้าไปนอนมุมสุดด้านในเตียง ก่อนที่ซูซินจะให้ขยับมาใกล้ เธอห่มผ้าให้ลูกสาวก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเบาๆ เพราะยังเจ็บที่ศีรษะอยู่ แม้ไม่มีแผลใหญ่แต่เพราะแรงกระแทกก็ทำให้เจ็บร้าวเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำให้วิญญาณหลุดออกจากร่างได้หรอก นางร้ายนี่ก็ตายได้ง่ายจริงๆ อย่างเธอก็ว่าไปอย่างบันไดสูงขนาดนั้นไม่แปลกที่จะตกมาตายได้
ซูซิน ไม่กล้าจับที่ตัวลูกสาวแรงเพราะตามตัวมีแต่รอยโดยตี เธอลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ และเริ่มเล่านิทานที่พอจะจำได้ให้เด็กน้อยฟัง จวีอิง นอนฟังเสียงมารดาเล่านิทาน ก่อนนอนและนี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เธอได้ฟังนิทาน หากไม่นับเวลาที่ย่าเล่านิยายให้พี่ใหญ่และน้องฟังเล่นตอนที่พวกเขานอนกลางวัน แล้วเธอผ่านไปได้ยินพอดี แต่แม่ของเธอเล่าได้น่าฟังกว่าย่าเล่าตั้งเยอะ ฟังไปได้ไม่นานแม้นิทานจะสนุกแต่ ทำไมเธอถึงลืมตาไม่ขึ้นแล้วและเริ่มไม่ได้ยินเสียงแม่แล้วล่ะ เด็กน้อยพยายามฝืนไม่ให้หลับแต่ก็ฝืนต่อได้ไม่นาน ก็หลับไปแบบไม่รู้ตัว
ซูซิน เห็นเด็กน้อยที่หลับสนิทและมุดเข้ามาที่อกของเธอทั้งที่ฝืนลืมตาอยู่นาน จึงขยับท่านอนให้สบายๆ ก่อนจะนอนคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ว่ามันคือความฝันที่ตอนสลบหรืออะไร แต่ถ้ามันคือฝันถ้าเธอหลับไปตอนนี้จะได้ตื่นมาตรงนี้ไหมนะ แต่ถ้านอนไปแล้วฝันอีกจะไม่ฝันซ้อนฝันหรือไง ถ้านี่คือเรื่องจริงและเธอตายจากมาจากชีวิตก่อนแล้วจริง และได้มาอยู่ที่นี่ ก็คงไม่มีอะไรน่าห่วงเพราะพ่อแม่และยายก็ไม่มีใครอยู่แล้ว ส่วนคุณปู่แม้จะดีกับเธอไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันมากพอ ที่จะผูกพันกันขนาดนั้น ท่านก็คงเสียใจบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็มีหลานคนอื่นๆ ปลอบใจอยู่กระมัง จะเสียดายก็คงเป็นสิ่งที่เธอทุ่มเททำงานอย่างหนักแลกมา ทั้งเงินทองและสมบัติที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ และส่วนที่คุณปู่ให้เป็นมรดกอีก ยังไม่ได้ใช้อะไรเลย บ้านที่อยู่ก็เป็นลุงใหญ่มอบให้เธอ หุ้นของเฉินซี กรุ๊ปอีก คิดแล้วก็เสียดายถ้ารู้ว่าจะอายุสั้นขนาดนั้น จะไปเที่ยวให้ทั่วโลกเลย ซูซินนอนคิดไปเรื่อยๆ ก่อนจะหลับเพราะความเพลียเหมือนกัน วันนี้เธอปวดเนื้อตัวจึงหลับสนิทมากกว่าปกติ เพราะกินยาแก้ปวดไปด้วย
" ก๊อกๆ ก๊อกๆ สะใภ้รอง ตื่นหรือยัง สะใภ้รอง ก๊อกๆ"
" ใครมาเรียกแต่เช้าเลย ทำไมไม่เกรงใจบ้างนะ คนยิ่งปวดหัวอยู่ " ซูซิน บ่นเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้น เสี่ยวอิง ยังไม่ตื่นเพราะนอนดึก และตอนนี้ฟ้าก็ยังไม่สว่างด้วยซ้ำ ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะต้นยามเหมาเท่านั้น เธอเอาผ้าห่มลูกสาวก่อนจะออกไปจากห้องนอน เพื่อไปดูว่าใครมาเรียกแต่ในความทรงจำน่าจะเป็นสะใภ้ใหญ่ เจียง กระมัง.
" พี่สะใภ้ใหญ่มีธุระอะไรหรือคะ " ซูซิน
" สะใภ้รอง คุณแม่ให้ฉันมาเอาเงินที่สะใภ้รอง 30 หยวน ไปซื้อเนื้อมาตากไว้กินหน้าหนาว "
" พี่สะใภ้ จะไปซื้อเนื้อมาตากให้ฉันหรือคะ" ซูซิน เริ่มงง ว่าสะใภ้ใหญ่เจียงคนนี้ต้องการสื่อว่าอะไร อยู่ดีดีจะมาเอาเงินที่เธอ
" ไม่ใช่สิ ไอ้หยาสะใภ้รองเธอนี่เข้าใจยากจริงๆ พูดขนาดนี้แล้ว คุณแม่ให้ฉันมาเอาเงินที่เธอเพื่อไปซื้อเนื้อมาหมักตากไว้กินช่วงหน้าหนาวที่จะถึงนี้ ก็ต้องไว้ให้พ่อกับแม่ที่บ้านใหญ่สิ ทำไมต้องให้พูดมากจัง เธอนี่โง่จริงๆ "
" แล้วทำไมต้องมาเอาเงินที่ฉันคะ ในเมื่อฉันไม่ได้กินด้วยสักหน่อย" ซูซิน กำลังคิดว่าในบทนิยายมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ ไม่ใช่แม่สามีชอบนางร้ายหรอกหรือ อาจเพราะเธอยังอ่านไม่ถึงตอนนี้ แต่เรื่องอะไรต้องให้ด้วยล่ะ ในเมื่อแม่สามีก็ได้เงินเดือนจากสามีทุกเดือนอยู่แล้ว
" เธอเป็นสะใภ้บ้านเจียงการซื้อของให้พ่อแม่สามี ก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ น้องรองก็ส่งเงินเดือนให้เธอตั้งมากนี่ "
" อ่อ ฉันก็รู้มาว่าสามีฉันก็ส่งเงินเดือนให้คุณแม่ทุกเดือนเหมือนกันนี่คะ แล้วทำไมต้องมาขอที่ฉันอีก เพราะเงินส่วนนี้สามีบอกว่าให้ฉันกับลูก"
" นั่นมันคนละส่วน เงินส่วนนั้นน้องรองให้ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่นี่เป็นส่วนที่เธอจะต้องแสดงความกตัญญูต่อบ้านพ่อแม่สามีบ้างเรื่องแค่นี้เธอไม่รู้เหรอ "
" ฉันไม่ให้ค่ะ เงินฉันต้องไว้ซื้อของกินของใช้ ของฉันกับลูกในหน้าหนาวเหมือนกัน "
" แม้ อย่ามาทำเป็นรักลูกหน่อยเลย เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรือว่าเธอรังเกียจเด็กตัวซวยนั่นขนาดไหน เหอะ"
" พี่สะใภ้ อย่าเรียกเสี่ยวอิง แบบนี้อีกและถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ บอกคุณแม่ว่าฉันไม่มีให้หรอก "
" ดี สะใภ้รองฉันจะกลับไปบอกคุณแม่ว่าเธอไม่ให้ และคอยดูว่าคุณแม่จะจัดการเธอยังไง ฮึ "
" ค่ะ เชิญ " ซูซิน คิดหาเหตุผลว่าทำไมแม่สามีถึงต้องมาวุ่นวายเรื่องในบ้านเธอด้วย ในภาพจำที่ผ่านมาในหัวก็ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันนี่นา แต่งงานมาหลายเดือนแล้ว ก็แทบจะไม่เคยคุยกัน เพราะซูซินไม่ค่อยไปยุ่งกับบ้านนั้นเท่าไหร่แม้บ้านจะอยู่ติดกัน เธอกลับบ้านพ่อแม่บ้างแต่ไม่บ่อยเพราะแม่ไม่อยากให้กลับไปบ้านบ่อยๆ
เข้ามาในบ้านเห็นเสี่ยวอิงน้อย ยืนแอบอยู่ที่ประตูห้องนอน
" ตื่นแล้วเหรอ เสี่ยวอิง"
" แม่จ๋า ป้าสะใภ้มาว่าแม่เหรอ"
" ไม่มีอะไรหรอก หนูไม่ต้องสนใจนะ ไปนอนต่อเถอะยังเช้าอยู่เลยเป็นเด็กต้องนอนเยอะๆ"
" ค่ะ" จวีอิง เห็นว่าตื่นมาแล้วแต่แม่ของเธอก็ยังเป็นคนเดิมกับเมื่อคืนอยู่ ก็โล่งใจไม่น้อยเพราะถ้าเป็นแม่คนเก่าก่อน คงไม่พูดแบบนี้ เธอเข้าไปนอนต่อบนเตียงแม่เหมือนเดิม
ซูซิน คิดว่าเรื่องคงยังจบแค่นี้หรอก และก็เป็นอย่างที่คิด เธอพึ่งเดินไปที่ห้องครัวเพื่อจะติดเตาถ่านหุงข้าว แต่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเสียงดังอีกครั้ง
" สะใภ้รอง เปิดประตู" เสียง แม่เจียง
" คุณแม่ "
" ใช่ ฉันเองเธอยังจำได้อยู่ใช่ไหม ว่าฉันเป็นแม่สามีเธอ"
" คุณแม่ มีอะไรคะ"
" ฉันให้สะใภ้ใหญ่มาเอาเงินทำไมเธอไม่ให้ "
" แล้วทำไมฉันต้องให้ด้วยล่ะคะ" ซูซิน ตอบแบบกำปั้นทุบดิน ใช่ทำไมเธอต้องให้ด้วย การที่มาอยู่ในร่างของนางร้ายก็ดีอย่างคือไม่ต้องคอยระวังเรื่องที่ทำให้มองไม่ดี เพราะบุคลิกที่เธอเป็นมาตลอดคือนางร้าย
" สะใภ้รอง เงินก็เงินลูกชายฉันส่งมาให้เธอทั้งนั้น เธอยังจะเก็บไว้ใช้คนเดียวหรือไง "
" พี่เจิ้งหานก็ส่งให้คุณแม่ต่างหากทุกเดือนแล้วนี่คะ ทำไมต้องมาเอาที่ฉันอีก ในเมื่อเขาก็ให้คนละส่วนกันอยู่แล้ว "
"มันจะไปพออะไร 50 หยวนบ้านใหญ่คนตั้งมาก ส่วนเธอใช้แค่คนเดียวจะใช้อะไรมากมาย อย่าพูดมาก เอาเงินมาฉันจะให้สะใภ้ใหญ่เข้าเมืองซื้อของมาไว้กินหน้าหนาว"
" ฉันไม่ให้ค่ะ บ้านใหญ่ใช้เงินมากแล้วไม่พอใช้ก็ให้พี่ใหญ่หาเองสิคะ เงินนี่พี่เจิ้งหานส่งมาให้ฉันกับเสี่ยวอิง ไม่เกี่ยวกันกับบ้านใหญ่ บ้านเราก็แยกแล้วด้วย"
" กำแหง ฉันไม่น่าแต่งเอาผู้หญิงอย่างหล่อนมาให้ลูกชายฉันเลย ขี้เกียจก็ขี้เกียจ ไม่มีสัมมาคารวะ อกตัญญู คอยดูเถอะตารองกลับมาฉันจะให้จัดการหย่ากับหล่อน "
" ค่ะ ฉันจะรอดูเหมือนกันว่าเขาจะมาจัดการหย่ากับฉันไหม และฉันจะได้ถามเขาด้วยเหมือนกันว่าบ้านใหญ่มีสิทธิ์อะไรมาขอแบ่งเงินฉัน ในเมื่อแยกบ้านกันแล้ว " ซูซิน ตอบกลับไปอย่างไม่สนใจเช่นกัน
" คุณแม่เห็นไหมคะ ฉันบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้นิสัยเสีย จนไม่มีใครเขาอยากแต่งไปเป็นสะใภ้ แต่คุณแม่ก็ยังให้น้องรองแต่งหล่อนเข้ามาอีก" สะใภ้ใหญ่ ที่ยืนอยู่นอกประตูพูดขึ้น
" พี่สะใภ้ใหญ่ ว่าฉันนิสัยเสียเพราะฉันไม่แบ่งเดือนสามีฉันให้เงินบ้านใหญ่นี่หรือคะ แล้วถ้าเป็นพี่สะใภ้ใหญ่จะแบ่งไหมในเมื่อคุณแม่ก็ได้รับเงินเดือนจากพี่เจิ้งหานทุกเดือนอยู่แล้ว แต่ฉันว่าพี่สะใภ้คงไม่มีโอกาสได้คิดแบบฉันหรอกเพราะสามีพี่ไม่ได้มีเงินเดือนมากเหมือนสามีฉันนี่เนาะ "
" ฉันบอกคุณแม่แล้วว่าญาติผู้น้องของฉันก็มี จะให้แต่งกับน้องรองคุณแม่ก็ไม่เอา เป็นยังไงล่ะเชื่อแม่สื่อได้ตัวอะไรมา สวยแต่รูป ฮึ"
" พอแล้ว แต่งได้ก็หย่าได้ รอเจ้ารองกลับมาฉันจะบอกเขาเอง " พูดจบ แม่เจียงก็เดินกลับบ้านอย่างโมโห เพราะความอยากแบ่งเงินส่วนที่ตัวเองเคยได้ จากลูกชายมาบ้าง เพราะคิดว่าสะใภ้พึ่งแต่งเข้ามาคงไม่กล้าขัดใจกับเธอ แต่ไม่คิดว่า สะใภ้รองจะฉลาดและหัวแข็งขนาดนี้
สะใภ้ใหญ่เจียง ได้แต่กระฟัดกระเฟียดเดินตามแม่สามีกลับบ้าน วันนี้คงไม่มีเงินไปซื้อเนื้อแล้ว คงต้องรอสิ้นเดือนที่แม่สามีได้รับเงินอีกครั้งนั่นแหละ ถึงตอนนั้นเนื้อคงจะแพงกว่าช่วงนี้เป็นแน่ เพราะกว่าจะสิ้นเดือนก็อีกตั้งสิบกว่าวัน คิดแล้วก็ได้แต่โมโหน้องสะใภ้
ซูซิน ยืนมองตามหลังแม่สามีกับสะใภ้ใหญ่ไปจนพ้นรั้วบ้านและเดินเข้าบ้านตัวเอง แล้วจึงเข้าบ้านถ้าแม่สามีรู้ว่าเธอได้เงินเดือนจากสามีมากกว่าที่เขาเคยให้แม่สามี เธอคงจะถูกรังควานอย่างหนัก ก่อนที่สามีจะทิ้งคืนเข้าหอและกลับไปทำงาน เขารู้สึกผิดกับซูซิน และยังถูกส่งตัวไปทำงานต่างเมืองอีก 6 เดือนซึ่งนับจากวันแต่งงานมาถึงตอนนี้ก็ไปได้ 4 เดือนแล้ว จดหมายที่เขียนมาบอกซูซิน เขาได้ขอโทษเธอมาทางจดหมาย และยังปลอบใจเธอด้วยการส่งเงินมาให้มากขึ้น และให้เธอช่วยดูแลลูกสาวให้ด้วย อยากได้อะไรก็ซื้อได้ตามใจ เขาไม่ว่าทั้งนั้น.