“เราถ่ายรูปกับใคร เราซบไหล่ของใครกัน”
เกิดคำถามขึ้นมาหลังจากได้ดูภาพดังกล่าว ซึ่งเป็นภาพที่เธอนั่งซบไหล่กว้างของผู้ชายคนหนึ่ง เพื่อชมความงดงามของดวงอาทิตย์ในยามพลบค่ำด้วยกัน
ทว่า...น่าเสียดายยิ่งนักที่ไม่เห็นใบหน้าของเจ้าของไหล่กว้างแข็งแกร่ง ทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจของแสนขวัญตามมามากมาย
“หรือว่า...เขาคือคนที่เราฝันถึงในทุกคืน”
เอ่ยถามตัวเองไปแล้ว แสนขวัญก็กดเลื่อนดูภาพต่อ มือเล็กสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น หวังว่าจะมีภาพใบหน้าของชายผู้นี้อยู่ในกล้องถ่ายรูปของเธอ เพื่อไขปริศนาที่ปกคลุมอยู่ทั่วตัวให้คลายลงได้บ้าง
แต่แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อเลื่อนดูภาพจนครบทุกภาพแล้ว ไม่มีภาพใบหน้าของผู้ชายคนนี้แม้แต่ภาพเดียว
แสนขวัญวางกล้องถ่ายรูปลงบนหน้าตัก หัวสมองคิดทบทวนจากการดูภาพถ่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในประเทศอิหร่าน อุซเบกิสถาน หรือตุรกี ไม่มีภาพที่เธอถ่ายคู่กับผู้ชายแม้แต่ภาพเดียว
ยกเว้น...ในประเทศจอร์เจีย ซึ่งมีภาพดั่งกล่าวชวนให้สงสัย ทำให้ตัดสินใจว่าควรไปเยือนประเทศจอร์เจีย เพื่อค้นหาคำตอบให้กับตัวเองว่าผู้ชายคนนี้คือใครกัน และไม่แน่ว่าการเดินทางไปประเทศจอร์เจีย ตามรอยเส้นทางการท่องเที่ยวของตนเองในก่อนหน้านี้ อาจช่วยให้ความทรงจำของเธอกลับคืนมาก็เป็นไปได้...
ในตอนสายของวันต่อมา...ขวัญข้าวต้องหน้าตาตื่นเพราะความตกใจ เมื่อตื่นนอนขึ้นมาแล้วไม่เห็นพี่สาวในห้องนอน แถมที่นอนข้างๆ ตนเองก็ราบเรียบ บ่งบอกให้รู้ว่าพี่สาวไม่ได้เข้ามานอนเลยทั้งคืน
“พี่แสนหายไปไหน”
ขวัญข้าวรีบวิ่งออกจากห้องนอน ตรงไปยังห้องนั่งเล่น พอเห็นพี่สาวนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เพราะตอนตื่นนอนแล้วไม่เห็นพี่สาว เธอนึกหวาดกลัวไปซะทุกอย่าง
“พี่แสน...ทำไมไม่ไปนอนคะ อย่าบอกนะว่านั่งดูรูปถ่ายทั้งคืนเลย”
“ฮื้อ...ใช่จ้ะ...”
แสนขวัญรับคำในลำคอ ขณะมองตามร่างบางของน้องสาวที่ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับเธอ จากนั้นก็ยื่นกล้องถ่ายรูปให้ขวัญข้าวได้ดูภาพอันเป็นปริศนาด้วย
“ข้าว...ดูนี่สิ พี่ถ่ายรูปกับใครก็ไม่รู้”
ขวัญข้าวรับกล้องถ่ายรูปมาถือไว้ เพ่งสายตามองไปยังภาพที่ว่า ซึ่งแน่นอนว่าผู้หญิงที่นั่งซบหน้าอยู่กับไหล่กว้างของใครบางคนนั้น เป็นพี่สาวของเธอเอง
“พี่แสนนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินกับใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งข้าวเดาว่าผู้ชายคนนี้ต้องเป็นคนพิเศษ เป็นคนรักของพี่แสนอย่างแน่นอน”
แสนขวัญพยักหน้ารับ เธอคิดเช่นนี้มาทั้งคืน “เสียดายนะข้าว ที่ไม่เห็นใบหน้าของเขา ไม่เช่นนั้นคงทำให้พี่ตามหาเขาได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม”
“ไม่มีรูปอื่นๆ ของเขา ที่เห็นใบหน้าเลยหรือคะ” ขณะเอ่ยถามพี่สาว ขวัญข้าวก็กดเลื่อนดูภาพถ่ายในกล้องถ่ายรูปไปด้วย
“ไม่มีเลยจ้ะ มีภาพนี้ภาพเดียวเท่านั้น” แสนขวัญตอบเสียงเศร้า
“น่าแปลกนะคะ ถ้าหากพี่กับเขาเป็นคนรักกัน ทำไมถึงได้ถ่ายรูปด้วยกันแค่รูปเดียว”
ขวัญข้าวตั้งคำถามให้ผู้เป็นพี่สาวต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยไม่แพ้กัน
“นั่นนะสิ พี่ก็คิดเรื่องนี้มาทั้งคืน พี่เปิดดูรูปถ่ายทั้งหมดในกล้องแล้ว ไม่มีรูปอื่นนอกจากรูปนี้อีกเลย”
“เป็นไปได้ยังไง” ขวัญข้าวพึมพำ ก่อนจะเกิดคำถามขึ้นมา “หรือว่า...เขาไม่ค่อยชอบถ่ายรูปสักเท่าไร ก็เลยถ่ายกับพี่แสนแค่รูปเดียวเท่านั้น”
“พี่ไม่รู้เหมือนกัน ข้าว พี่จำเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้...”
ขวัญข้าวมองภาพถ่ายอีกครั้ง ขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง พลางวิเคราะห์ว่า “ดูเหมือนว่าพี่แสนกับเขาจะนั่งอยู่ในศาลาริมหน้าผานะคะ และอาจเป็นศาลาริมหน้าผาในร้านอาหาร ในสวนสาธารณะ หรือไม่ก็ในบ้านของเขา”
“พี่ก็คิดเหมือนข้าว และพี่จะไปค้นหาคำตอบให้กับตัวเองให้ได้”
แสนขวัญบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เธอนั่งพิจารณารายละเอียดของภาพนี้ทั้งคืน ศาลาริมหน้าผากับทิวทัศน์อันงดงาม อยู่บนส่วนใดของแผนที่ในแผ่นดินประเทศจอร์เจีย ซึ่งเธอจะไปค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง
และคำพูดของผู้เป็นพี่ ทำเอาขวัญข้าวต้องขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง “พี่แสนกำลังจะบอกว่า จะไปตามหาผู้ชายคนนี้หรือคะ”
“ใช่” แสนขวัญพยักหน้ารับคำ หลุบสายตามองภาพถ่ายปริศนาดั่งกล่าว แล้วย้ำความคิดของตนเองว่า “พี่จะไปตามหาเขา และจะไปคนเดียวด้วย”
“ไม่ได้นะคะ พี่แสนยังไม่หายดี อีกอย่างพี่แสนเอ่อ...ความจำเสื่อมด้วย พี่แสนจะไปคนเดียวได้ยังไง” ขวัญข้าวเอะอะโวยวาย
“ข้าว...ตอนนี้ร่างกายของพี่หายดีแล้ว คงเหลือแค่ความจำเท่านั้นที่ยังไม่กลับมา ซึ่งพี่มั่นใจว่ามันคงไม่เป็นอุปสรรคหากพี่จะเดินทางคนเดียว”
แสนขวัญพยายามหว่านล้อมน้องสาว และไม่ว่าขวัญข้าวจะเห็นดีด้วยหรือไม่ เธอก็จะไปตามหาชายผู้เป็นปริศนาคนนี้ให้ได้
“ไม่ค่ะ ยังไงๆ ข้าวก็ไม่ให้พี่ไปคนเดียว ข้าวจะลาพักร้อนไปกับพี่แสนด้วย” ขวัญข้าวยืนกรานเสียงแข็ง ไม่ยอมให้พี่สาวทำตามความต้องการของตัวเองได้ง่ายๆ
“คงไม่ทันแล้ว ข้าว”
แสนขวัญเอ่ยบอกสั้นๆ ทำเอาขวัญข้าวต้องหรี่ตามองเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก
“มะ...หมายความว่ายังไงคะ”
“พี่จองตั๋วเครื่องบินแล้ว และจะเดินทางในอีกสองวันข้างหน้านี้ด้วย”
“ฮ้า!” ขวัญข้าวเบิกตาโพลงร้องเสียงหลง “ทำไมถึงรวดเร็วปานสายฟ้าแลบล่ะคะ”
“พี่ใจร้อน” แสนขวัญยอมรับตรงๆ “พี่อยากเดินทางวันนี้ พรุ่งนี้ด้วยซ้ำไป แต่ไม่มีตั๋วเครื่องบินเหลือแม้แต่ที่นั่งเดียว ไม่เช่นนั้นพี่คงเดินทางไปประเทศจอร์เจียแล้ว”
“โอ๊ย...ข้าวจะเป็นลม” ผู้เป็นน้องสาวถึงกับทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ขณะร้องโอดครวญออกมา “ข้าวจะให้พี่แสนไปคนเดียวได้ยังไงกันคะ”
“ต้องได้สิ ข้าว” แสนขวัญจับมือของน้องสาวมากุมไว้ จ้องมองเขม็งขณะเอ่ยหว่านล้อมต่อ “เชื่อใจพี่ ว่าพี่ต้องไปคนเดียวได้”
ขวัญข้าวพยักหน้ารับ แล้วบ่นอุบ “ถ้าพี่เนตรไม่ติดงาน ไปกับพี่แสนได้ก็ดีสิ ข้าวจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงพี่แสนมากจนเกินไป”
“อย่าไปรบกวนเนตรเลย พี่อาจไปนานสองหรือสามสัปดาห์หรืออาจจะเป็นเดือน กว่าพี่จะตามหาผู้ชายคนนี้พบ หากให้เนตรต้องลางานนานขนาดนั้น จะเป็นการรบกวนเธอมากเกินไป”
ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเนิ่นนานกี่วัน กี่สัปดาห์สำหรับการเดินทางค้นหาคำตอบให้กับตนเอง ฉะนั้นการไปลำพังเพียงคนเดียวคงเป็นการดีที่สุด