“จริงด้วย! ข้าลืมทำเล้าไก่!!”
“…” หนิงลี่อิน
“…” หลินจู
“…” เว่ยหมิง
“ห้ะ อาซือ เจ้าไม่มีเล้าไก่รึ” เว่ยสงถามอย่างสงสัย นางมาซื้อไก่บ้านตน แต่ไม่มีเล้าไก่ให้ไก่อยู่รึ
“เจ้าค่ะ ตอนแรกข้าคิดว่าถ้ากลับจากบ้านท่านป้าหลิน ข้าจะขึ้นเขาไปตัดไม้ไผ่มาทำเจ้าค่ะ แต่นั่งพูดคุยเพลินไปหน่อย แฮะๆ”
“พี่ใหญ่ ถ้าไม่มีเล้าไก่แล้วจะให้ไก่อยู่ที่ใดเจ้าคะ” หนิงลี่อินสงสัยเลยหันมาถามพี่สาวที่นั่งอยู่ข้างๆ หรือจะให้มันอยู่ในบ้านของพวกนางเช่นนั้นหรือ
“งั้นเอาแบบนี้ เดี๋ยวข้าทำเล้าไก่เสร็จแล้วจะมาบอกนะเจ้าคะ ทำวันนี้คงทำไม่ทันแล้ว” นางอยากจะทุบหัวตัวเองยิ่งนักที่หลงลืมเรื่องสำคัญไป
“งั้นเดี๋ยวลุงกับลูกของลุงจะไปทำเล้าไก่ให้เจ้าเอง เจ้าเป็นสาวเป็นนาง จะไปตัดไม้ไผ่ แบกไม้ไผ่ได้อย่างไร” ถึงแม้เขาจะไม่ได้สนิทกับแม่ของนาง แต่จากการที่ได้พูดคุยกับทั้งสองพี่น้องในวันนี้ก็ทำให้เขาเอ็นดูไม่น้อย
“จะดีหรือเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือรู้สึกเกรงใจ
“แบบนี้แหละดีแล้ว ไปๆ พวกเจ้าไปเตรียมตัว ไปช่วยอาซือ อาอินทำเล้าไก่” หลินจูพูดสรุป จึงเป็นเหตุให้สมาชิกทุกคนในบ้านท่านป้าจูเดินทางไปบ้านหนิงลู่ซือ
จากการร่วมแรงร่วมใจกันของ 3 คนพ่อลูกบ้านเว่ย ทำไมเล้าไก่ของสองพี่น้องตระกูลหนิงเสร็จจนได้ ตอนนี้ในเล้าไก่มีไก่อยู่ทั้งหมด 10 ตัวถ้วน
หนิงลู่ซือเลยตอบแทนด้วยการชวนทุกคนอยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน บรรยากาศในวงกินข้าวเลยมีเสียงพูดคุยตลอดเวลา หนิงลี่อินที่ปกติก็กินเก่งอยู่แล้ว วันนี้มีคนมากินข้าวด้วยหลายคนทำให้นางกินข้าวได้เยอะกว่าเดิมอีกด้วย ผู้ใหญ่เห็นเด็กน้อยกินน่าอร่อยไปเสียทุกอย่างก็ทำให้เจริญอาหารยิ่งนัก
“พี่ใหญ่ ผ้าห่มผืนใหม่ดีมากเลยเจ้าค่ะ” หนิงลี่อินห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืมใหม่ มีแค่ศีรษะเล็กๆ เพียงเท่านั้นที่โผล่ออกมา
“เจ้าชอบก็ดีแล้ว จริงสิ ตั้งแต่วันพรุ่ง อาอินมีหน้าที่ให้อาหารไก่และเก็บไข่ไก่ในเล้ามาเก็บไว้ในบ้าน ทำได้หรือไม่” หนิงลู่ซือที่ก้าวขึ้นเตียงนอนบอกน้องสาว นางอยากให้หนิงลี่อินได้ลองทำอะไรใหม่ๆ และต้องการสอนให้มีความรับผิดชอบ เริ่มจากการเก็บไข่ไก่ ซึ่งช่วงแรกนางจะเข้าไปเก็บด้วย
“ได้เจ้าค่ะพี่ใหญ่ ข้าจะเก็บไข่ให้ได้เยอะๆ เลยเจ้าค่ะ” หนิงลี่อินตอบด้วยความกระตือรือร้น
“คำว่าเยอะๆ ของอาอินคือเท่าไหร่หรือ”
เด็กน้อยทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะชูมือข้างขวาแล้วกางนิ้วทั้งห้าออก “พี่ใหญ่ เท่านี้มากหรือไม่เจ้าคะ” หนิงลี่อินถามอย่างไม่มั่นใจ ก็นางไม่รู้นี่นาว่าเยอะๆ มันต้องเท่าไหร่
“เท่านี้จะบอกว่ามากก็มาก จะบอกว่าน้อยก็น้อย มันอยู่ที่มุมมองว่าอาอินจะมองมันมากหรือน้อย แต่เรามีไก่ 10 ตัว ไก่ 1 ตัว จะออกไข่วันละ 1 ฟอง เพราะฉะนั้นในแต่ละวัน อาอินจะเก็บไข่ได้ 10 ฟอง” หนิงลู่ซืออธิบายและจับมืออีกข้างของหนิงลี่อืนขึ้นมากางนิ้ว “หรือถ้าวันไหนไก่บางตัวไม่ออกไข่วันนั้นอาอินก็จะเก็บไข่ได้น้อยกว่า 10 ฟอง”
มองดูหน้าน้องสาวที่ทำหน้างง ไม่เข้าใจ นางก็ไม่ได้แปลกใจมากนัก เพราะเป็นลูกหลานชาวบ้านธรรมดาไม่ได้เรียนหนังสือบางอย่างก็เลยไม่เข้าใจ งั้นต่อไปนางคงต้องสอนหนังสือ สอนนับเลข สอนคิดเลขให้กับน้องสาวเสียแล้ว
“ตอนนี้ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ใหญ่จะค่อยๆ สอนอาอินเอง”
“เจ้าค่ะ แล้ววันพรุ่งพี่ใหญ่จะขึ้นเขาหรือไม่เจ้าคะ”
“ขึ้นสิ เจ้าจะไปกับพี่ใหญ่หรือไม่ หรือจะไปอยู่บ้านท่านป้าหลิน”
“ไปเจ้าค่ะ ข้าจะไปกับพี่ใหญ่” ถ้าเจอสมุนไพร นางจะได้ช่วยพี่ใหญ่เก็บด้วย
“ได้ๆ งั้นรีบนอนกันเถิด วันพรุ่งยังมีงานให้ทำอีกเยอะ” หนิงลู่ซือจัดผ้าห่มให้น้องสาว แล้วล้มตัวลงนอน
“ราตรีสวัสดิ์เจ้าค่ะพี่ใหญ่”
“ราตรีสวัสดิ์อาอินน้อยของพี่ใหญ่”
ไม่นานสองพี่น้องตระกูลหนิงก็เข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนมีความสุข
“พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย ไก่มันจิกข้าเจ้าค่ะ” เสียงร้องของหนิงลี่อินดังไปทั่วบริเวณบ้าน ในมือถือตะกร้าที่จะใช้เก็บไข่แต่ยังไม่ทันได้เก็บสักฟอง ไก่พวกนี้มันก็ไล่จิก ไล่ตีนาง จนนางต้องวิ่งหนี
หนิงลู่ซือได้แต่หัวเราะจนท้องแข็ง อ่า หรือนางควรเก็บไข่ไก่เอง ถ้ายังเป็นแบบนี้สงสัยวันนี้จะไม่ได้ไข่สักฟองและไม่ได้ขึ้นเขาแน่ๆ
สุดท้ายหนิงลู่ซือก็เป็นคนเก็บไข่เองโดยมีน้องสาวยืนให้กำลังใจอยู่นอกเล้า
“เดี๋ยวกลับลงจากเขาพี่จะมาทำรางให้ไก่มันไข่ อาอินจะได้เก็บง่ายขึ้นและไม่โดนไก่ไล่จิกเหมือนวันนี้อีก” หนิงลู่ซือออกจากเล้าไก่ ในมือถือตะกร้าที่มีไก่ไข่นอนแน่นิ่งอยู่ 10 ฟอง
“พี่ใหญ่ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านโดนไก่มันจิกหรือไม่เจ้าคะ”
“พี่ใหญ่ไม่โดนมันจิกหรอกเจ้าไม่ต้องกังวล” หนิงลู่ซือเดินนำหน้าน้องสาวกลับเข้าไปในบ้าน
“พี่ใหญ่ วันนี้ท่านทำไข่เจียวให้อีกได้หรือไม่เจ้าคะ” เมื่อวานนางกินสิ่งที่เรียกว่าไข่เจียว มันอร่อยมากนางอยากกินอีก
“ได้สิ เดี๋ยววันนี้พี่ใหญ่จะสับเนื้อหมูใส่ในไข่เจียวด้วย รับรองว่าอร่อยไม่แพ้เมื่อวานแน่นอน!”
“แค่พูดข้าก็หิวแล้วเจ้าค่ะ” หนิงลี่อินยกมือขึ้นลูบที่ท้องน้อยๆ ของนาง
“เจ้ากลายเป็นเด็กตะกละแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หืม” แต่นางก็ชอบนะที่เห็นน้องสาวกินได้ มีความสุข ไม่ต้องเครียดหรือกังวลอะไร
“ข้าเปล่าตะกละสักหน่อย พี่ใหญ่ท่านใส่ร้ายข้าแล้ว” เด็กน้อยหันมาทำหน้างอ แก้มพองลม ยกมือกอดอกไม่พอยังเชิดหน้าขึ้นนิดๆ อีกด้วย
“ไม่ตะกละ ก็ไม่ตะกละ ไปกันเถิดเดี๋ยวเราต้องขึ้นเขาอีกนะ เราต้องรีบหาเงินไปเพิ่มในโรงรับฝากเงินเยอะๆ”
“เชอะ” เห็นน้องสาวสะบัดคอหนีแล้วนางกลัวเหลือเกินว่าคอจะเคล็ดเอาได้
เมื่อท้องอิ่มก็ถึงเวลาขึ้นเขา สองพี่น้องตระกูลหนิงสะพายตะกร้าไว้บนหลังคนละใบแล้วมุ่งหน้าขึ้นเขาทันที และแน่นอนทางที่จะไปก็คือทางเดียวกับคราวก่อน ที่ไม่ค่อยมีชาวบ้านมาเดิน
เดินไปไม่นานก็ได้ผักป่ามาไม่น้อยเลยทีเดียว เดินเข้ามาถึงตรงที่เคยเจอจัวจิเช่า หนิงลู่ซือก็สำรวจดูว่ายังมีหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ ผลปรากฏว่ายังมีอีกเยอะเลยทีเดียว
“อาอินมาเก็บเจ้านี่กัน”
“นี่มันสมุนไพรที่เราเก็บไปขายนี่พี่ใหญ่ มันชื่อว่าจัวจิเช่าใช่หรือไม่พี่ใหญ่” หนิงลี่อินจำได้ มันคือสมุนไพรที่เก็บไปขาย ที่ทำให้นางมีเสื้อผ้าสวยๆ หลายชุด ผ้าห่มผืนใหม่ และอาหารด้วย นางจะเก็บไปให้หมดเลย!!
“ใช่แล้ว น้องสาวของพี่เก่งจังเลย จำชื่อมันได้ด้วย”
“อาอินเก่ง” ได้ทีเด็กน้อยก็ยกยอตนเอง
“ใช่อาอินเก่ง มาเร็ว เรามาเก็บกันเถิด”
“อาอินจะเก็บให้หมดเลย!” ว่าแล้วก็นั่งลงใกล้ๆ กับพี่สาว และเก็บสมุนไพรอย่างขยันขันแข็ง สงสัยขายได้รอบนี้นางต้องให้ส่วนแบ่งน้องสาวเยอะๆ เสียแล้ว
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม น้องพี่น้องก็จัดการกับสมุนไพรตรงหน้าเสร็จเรียบร้อย
“เอ๊ะ นั่นมันผิงกั่ว(แอปเปิ้ล) และ ซานจา(พุทราป่า) ใช่หรือไม่” ขณะนั่งพักใต้ต้นไม้ สายตาของหนิงลู่ซือก็หันไปเห็นต้นซานจากับผิงกั่ว นางไม่รอช้ารีบลุกขึ้นไปดูทันที
หนิงลี่อินที่เห็นพี่สาวลุกขึ้นก็ลุกขึ้นตามไปด้วย
“อาอินเรามาเก็บพุทราป่ากับผิงกั่วกัน”
“พี่ใหญ่แต่ตะกร้าของพวกเราเต็มแล้วนะเจ้าคะ” ได้ยินหนิงลี่อินบอก หนิงลู่ซือก็นึกขึ้นได้ว่าตะกร้าของพวกนางเต็มแล้วจริงด้วย
“งั้นเรากลับบ้านกันก่อน เอาสมุนไพรนี้ไปเก็บ แล้วค่อยขึ้นมาอีกรอบ ถ้าเจ้าเหนื่อยเดี๋ยวพี่ใหญ่ขึ้นมาคนเดียวก็ได้” นางไม่อยากให้น้องสาวต้องขึ้นๆ ลงๆ เขาหลายรอบ นางมาคนเดียวได้สบายมาก
“ข้าจะมากับพี่ใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ ข้าไม่เหนื่อย” หนิงลี่อินยืนยันจะมาด้วย นางอยากมาช่วยพี่ใหญ่เก็บ จะได้เก็บได้เยอะขึ้น
“ได้ๆ พี่ใหญ่ตามใจเจ้า เช่นนั้นเรากลับกันก่อนเถิด”
เมื่อเอาตะกร้าสมุนไพรไปเก็บ สองพี่น้องตระกูลหนิงก็ขึ้นเขาอีกรอบ เพื่อไปเก็บซานจาป่าและผิงกั่ว พวกนางเลือกเก็บผลที่หล่นลงพื้น แต่ต้องเป็นผลที่เพิ่งหล่นและผลที่อยู่บนต้นที่สุกแล้ว ซึ่งหนิงลู่ซือจะเป็นคนปีนขึ้นไปเก็บ ส่วนหนิงลี่อินเก็บอยู่ใต้ต้น
ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วยาม ผลไม้ทั้งสองชนิดก็เต็มทั้ง 10 ตะกร้าที่สองพี่น้องนำมา
“เสร็จแล้ว!” ตุบ หนิงลู่ซือกระโดดลงจากต้นผิงกั่วด้วยความชำนาญ
“อาอินก็เก็บเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” หนิงลี่อินหันมาบอกพี่สาว พร้อมกับวางผิงกั่วลูกสุดท้ายใส่ลงในตะกร้า
“เก่งมาก” หนิงลี่อินยกมือลูบศีรษะน้องสาว “พี่ใหญ่ว่าเรามาพักกินข้าวกันก่อนเถิด เลยยามเว่ยมานานแล้ว” เพราะคิดไว้แล้วว่าต้องใช้เวลาในการเก็บผลไม้นานพอสมควร ตอนที่ลงเอาสมุนไพรไปเก็บนางจึงห่อข้าวมากินด้วย
“เจ้าค่ะ” สองพี่น้องหยิบห่อข้าวที่มีไข่เจียวโปะบนข้าวออกมากินอยากหิวโหย “พี่ใหญ่แล้วเราจะขนลงไปอย่างไรเจ้าคะ” เยอะแบบนี้ต้องขนยังไงถึงจะหมดนะ ผิงกั่วกับซานจาเต็มตะกร้าขนาดนั้น นางคงช่วยขนลงไปไม่ไหวแน่
“เดี๋ยวพี่ใหญ่ขนลงไปเอง อาอินไม่ต้องกังวลหรอก” ถึงจะต้องขนหลายรอบก็เถอะ
“เพราะมันหนักข้าเลยช่วยพี่ใหญ่ไม่ได้” เด็กน้อยหน้าสลด แต่ปากก็ยังเคี้ยวข้าวอยู่
หนิงลู่ซือมองน้องสาวก่อนยกมือลูบศีรษะ “ไม่เป็นไรพี่ใหญ่ทำได้ และเดี๋ยวเย็นนี้พี่ใหญ่จะทำถังหูลู่ให้เจ้ากิน” แค่หนิงลี่อินคิดจะช่วย หนิงลู่ซือก็ดีใจแล้ว
เหนื่อย! เหนื่อยนมาก!
กว่าจะขนผลไม้ทั้ง 10 ตะกร้าหมด นางต้องขึ้นๆ ลงๆ เขาถึง 5 รอบ! ตอนนี้รู้สึกว่าแขนขาไม่มีแรงแล้ว
วางตะกร้าใบสุดท้ายเสร็จหนิงลู่ซือก็มานอนแผ่หลาอยู่บนแคร่หน้าบ้านอย่างหมดสภาพ หนิงลี่อินเห็นเช่นนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปเอาน้ำมาให้พี่สาวดื่ม
“น้ำเจ้าค่ะพี่ใหญ่” หนิงลู่ซือรับน้ำจากน้องสาวมาดื่มด้วยความกระหาย
“พี่ใหญ่ขออีกสักแก้วได้หรือไม่” หนิงลู่ซือยื่นแก้วที่ทำจากไม้ไผ่กลับไปให้น้องสาว หนิงลี่อินที่รับแก้วมาแล้วก็วิ่งเข้าไปในครัวอีกรอบ เพื่อนำน้ำออกมาให้พี่สาวอีกครั้ง
เมื่อนั่งพักจนหายเหนื่อย หนิงลู่ซือก็ลุกขึ้นยืนจะไปบ้านท่านป้าหลินเพื่อขอยืมรถเข็น เมื่อวานที่ไปซื้อไก่เหมือนนางจะเห็นมันตั้งอยู่
“อาอินเดี๋ยวพี่ใหญ่จะไปบ้านท่านป้าหลินจะไปขอยืมรถเข็น ใส่ของไปขายวันพรุ่งในตัวเมือง ส่วนเจ้าก็ไปให้อาหารไก่นะ” กล่าวจบไม่รอฟังคำตอบน้องสาว นางก็เดินลิ่วๆออกจากบ้านไปเสียแล้ว
หนิงลี่อินไม่ทันได้บอกว่านางนั้นให้อาหารไก่แล้ว เพราะโดนสั่งให้อยู่เฝ้าบ้านตอนที่พี่สาวขึ้นเขาไปขนตะกร้าผลไม้ นางที่ไม่มีอันใดทำก็เลยไปให้อาการไก่
“ท่านป้าหลินเจ้าค่ะ ท่านป้าหลิน” หนิงลู่ซือตะโกนเรียกหลินจูอยู่หน้าประตูรั้ว
“อ้าว อาซือ มาๆ เข้ามาก่อน” หลินจูเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็เดินไปเปิดประตูให้เข้ามาในบ้าน
“มาหาข้าเจ้ามีอันใดให้ช่วยหรือไม่ แล้วนี้อาอินเล่าไม่มาด้วยหรือ”
“อาอินอยู่บ้านเจ้าค่ะ ข้ามาหาท่านป้าวันนี้เพราะอยากจะรบกวนขอยืมรถเข็นเจ้าค่ะ วันพรุ่งข้าว่าจะเอาของไปขายในเมืองเจ้าค่ะ”
“ได้สิ เจ้าเอาไปได้เลย”
“ขอบคุณท่านป้ามากนะเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไรๆ ไปเอาเถิด”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้า”
“ว่าแต่ทำข้าวเย็นกันหรือยัง” ไม่ยินหลินจูกล่าวถาม หนิงลู่ซือก็นึกขึ้นได้ว่านี้ก็ปลายยามเซิน (15.00-16.59 น.) แล้ว แต่นางยังไม่ได้ทำมื้อเย็นเลย วันนี้ยุ่งทั้งวันจริงๆ ไหนจะต้องกลับไปทำรางให้ไก่ไข่ที่เล้าไก่ เพื่อให้หลิงลี่อินสามารถเก็บไข่ได้จากนอกเล้า
“ยังเลยเจ้าค่ะท่านป้า เดี๋ยวกลับไปค่อยทำเจ้าค่ะ” แต่กว่าจะเสร็จไม่รู้น้องสาวจะหิวจนท้องกิ่วหรือไม่
“งั้นเดี๋ยวป้าจะแบ่งกับข้าวให้เจ้า เจ้าจะได้ไม่ต้องไปทำ” ไม่รอฟังคำตอบของหญิงสาว หลินจูก็เดินเข้าบ้านไป ไม่นานก็ออกมาพร้อมตะกร้าที่มีข้าวสวยร้อนๆ กับน้ำแกงไก่ป่าและผัดผัก
“ขอบคุณท่านป้ามากนะเจ้าคะ” นางไม่ต้องทำอาหารแล้ว “ข้าต้องขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคถ ไม่อยากปล่อยให้อาอินอยู่บ้านคนเดียวนานๆ”
“เจ้ารีบไปเถิด วันหลังพาอาอินมาหาป้าบ้างเล่า” เวลาที่สามคนพ่อลูกเข้าป่า หรือไปทำงานในไร่ นางก็มักจะอยู่คนเดียว บางทีก็เหงาถ้ามีหนิงลี่อินมาอยู่ด้วยคงดีไม่น้อย
“ได้เจ้าค่ะท่านป้า วันหลังข้าจะพาอาอินมาด้วย”
กลับถึงบ้านหนิงลู่ซือก็ยังไม่ได้พัก นางยังต้องทำรางไว้ให้ไก่ออกไข่ คัดแยกผิงกั่วกับซานจา ส่วนหนึ่งนางจะเอาไปขายเป็นผลไม้สด อีกส่วนหนึ่งนางจะเอามาทำถังหูลู่
ยามโหย่ว (17.00-18.59 น.) สองพี่น้องก็หยุดงานตรงหน้ามาพักกินข้าวเย็น กินเสร็จก็ไปคัดผลไม้ต่อ
“วันนี้พี่ใหญ่คงทำถังหูลู่ให้เจ้าไม่ทันแล้ว เอาไว้วันพรุ่งกลับมาจากในเมืองแล้วพี่ใหญ่จะทำให้เจ้า” จะได้ไปซื้อวัตถุดิบเช่นน้ำตาลมาเพิ่มด้วย ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีนางจะได้ทำไปขายในเมือง
“ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะพี่ใหญ่ ข้ากินซานจากับผิงกั่วแล้วเจ้าค่ะ” หนิงลี่อินหันมายิ้มตอบพี่สาว ก็ลูกมันน่ากินนี่นานางเลยกินไปหลายผลเลยทีเดียว
“กินเยอะระวังจะอ้วนเป็นหมูนะ” หนิงลู่ซือหยอกล้อน้องสาว ที่ดูเหมือนช่วงนี้จะกินอะไรก็อร่อย
“ถ้าข้าจะเป็นหมูก็จะเป็นหมูที่แข็งแรงเจ้าค่ะ”
“จ้าๆ เจ้าลูกหมูตัวน้อย”
“ข้าไม่คุยกับพี่ใหญ่แล้ว!”
“ฮ่าฮ่า ก็ได้ๆ พี่ใหญ่ไม่แกล้งเจ้าแล้ว เจ้าไปอาบน้ำได้แล้วเดี๋ยวที่เหลือพี่ใหญ่จะจัดการเอง” กลัวว่าเดี๋ยวจะดึกไปมากกว่านี้เลยไล่ให้น้องสาวไปอาบน้ำ เพราะผลไม้ตรงหน้าเหลือไม่มากแล้ว
“เชอะ” หนิงลู่ซือกลัวเหลือเกิน กลัวว่าสักวันคอของน้องสาวนางจะเคล็ดจริงๆ