บทที่13
ขยี้จนเสร็จNC
นิ้วเรียวถูกกดเข้าไปในร่องรักสายตาเธอมองหน้าตะวันจนตะวันต้องเม้มปากไว้ จันทร์เจ้าเธอถูกบังคับนิ้วมือให้สอดเข้าสอดออกแถมนิ้วร้ายของตะวันยังสัมผัสโดนปุ่มกระสันทุกครั้งที่นิ้วของเธอสอดเข้าไป
“อือ....พะ พี่ตะวัน”
“ครับ....”
ทำไมคำว่าครับของเขามันถึงทำให้เธอหัวใจเต้นแรงขนาดนี้ เธอครางเสียงสั่นๆ จนตะวันปวดลำเอ็นใบหน้าแดงเหมือนคนมีพิษไข้ เขาอยากปลดปล่อยมากแต่ทำได้แค่ช่วยให้สาวน้อยเสร็จเสียก่อน
“อาการเป็นยังไงบ้างครับดีขึ้นไหม”
“มะ ไม่ อืออ เสียวทำไมมันเสียวแบบนี้คะ”
“เริ่มตอดตุบๆ ถี่ๆ หรือยังครับ” ผมต้องถามเพราะผมไม่ได้เป็นคนสอดเข้าไป มืออีกข้างของเธอบีบสองเต้าและดึงแผ่นแปะจุกออก ให้ตายเถอะจุดน่าดูดชะมัด
ผมหลับตาและหันหน้าไปทางอื่นจนเอวของเธอเริ่มร่อนเบาๆ แต่มันถูกน้องชายผมเต็มๆ อยากให้เธอเสร็จเพราะผมคงต้องช่วยตัวเองอีกนาน
น้ำในอ่างสั่นไหวกระฉอกออกตลอดเวลาเพราะแรงขยับของเธอ ผมเลยต้องเอื้อมไปปิดน้ำและปล่อยให้เธอช่วยตัวเองต่อ ใบหน้าของเธอเริ่มแสดงออกว่าเธอกำลังจะถึงจุดคลายแมกซ์ผมเลยต้องช่วยเธอโดยใช้นิ้วโป้งกดคลึงที่จุดกระสันของเธอจนเอวเธอลอยแล้วร่อนเร่าๆสู้มือผม
“อ๊า!!”
ฟู่!! ผมเป่าลมออกจากปากและใช้เท้าดันที่เปิดระบายน้ำออก เธอเหนื่อยหอบแถมยังตาปรือ ผมเลยต้องรีบอาบน้ำให้เธอทั้งที่เธออยู่ในชุดบิกินี่ที่แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย
“ออกไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยพี่ขอจัดการตัวเองก่อน” ผมจับเธอห่อผ้าขนหนูเหมือนตอนเด็กๆ ที่ผมอาบน้ำให้เธอ แต่สิ่งที่เธอทำให้ผมต้องยืนค้างเติ่งก็คือริมฝีปากที่ยื่นมาจุ๊บแก้มผมเบาๆ
“ขอบคุณนะคะ หนูไม่ไหวแล้วง่วงมากเลย”
เธอเดินจากผมไปช้าๆ จนประตูห้องน้ำปิดลง ผมก็รีบหันมาจัดการตัวเอง มันเป็นเรื่องธรรมชาติผมไม่คิดอะไรมากแถมยังรู้สึกดีแปลกๆ ด้วยซ้ำ
วันต่อมา
ผมตื่นแต่เช้าเพื่อมาคุยกับไอ้ภูริและบอกเรื่องเมื่อคืนอย่างน้อยไอ้เด็กนั่นก็ควรหมดอนาคตในวงการ ไอ้ภูริมันเลยพาผมไปที่ห้องพักของไอ้เด็กเวรนั่นมาถึงก็เห็นนางแบบสาวเดินกุมท้องออกมาจากห้องมันพอดี ผมเลยยกนิ้วชี้ปิดปากให้เธอเงียบ
“จะเรียกมันมาคุยไหมเดี๋ยวผมจะปลุกให้” ภูริหันมาถามสีหน้าบ่งบอกถึงความโมโห
“เข้าไปคุยข้างในเถอะ จันทร์เจ้ากำลังจะได้งานของเมธานนท์กรุป ผมไม่อยากให้น้องมาเดือดร้อนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
ผมเดินเข้าไปในห้องที่สภาพห้องเหมือนผ่านสงครามโลกมาทั้งคืน อยากจะหยิบหมอนกดหน้าให้มันตายห่าไปซะ
“ไอ้ไมค์!”
“อือออ ฟัค!!”
แค่มันลืมตาขึ้นมาก็ถึงกับตกใจที่เห็นผมกับไอ้ภูริยืนอยู่ มันรีบลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูมาห่อตัวเองแต่ผมไม่สามารถทนมองหน้ามันได้เลยตรงดิ่งเข้าไปซักหน้ามันไปซะหนึ่งหมัด
ผลัวะ!!
ภูริรีบเข้ามาห้ามตะวันเอาไว้ แต่ตะวันชี้หน้าหนุ่มลูกครึ่งที่ยกมือขึ้นปิดบังใบหน้าของตัวเองเอาไว้ เขาไม่กล้าที่จะสู้เพราะภูริคือเจ้าของงานหากเกิดเรื่องราวใหญ่โตเขาต้องซวยแน่
“มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงทำอะไรน้องกู มึงลืมไปแล้วเหรอว่ากูเป็นหมอ กูส่งน้องกูตรวจเลือดแล้วเอาตำรวจมาลากคอมึงเลยก็ยังได้!!”
“ผะ ผมขอโทษครับผมแค่อยากให้น้องเอ็นจอย ขอโทษจริงๆ ครับ”
“เอ็นจอยพ่อมึงสิ! ที่มึงทำมันอันตรายถึงชีวิตเลยนะ ถ้าน้องกูเป็นอะไรขึ้นมากูเอามึงตายแน่ไอ้เด็กเหี้ย!”
“ไมค์งานหน้าพี่ไม่เอาเราแล้วนะ ถือว่าจบกันแค่นี้และเรื่องที่เราทำพี่ต้องแจ้งให้ผู้ใหญ่รับรู้”
“ผมขอโทษครับ อย่าตัดอนาคตผมเลยนะครับ ผมขอโทษผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์”
“ถุ้ย! มึงอายุจะ30อยู่แล้วอย่ามาอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์เลย มึงไปเอายานรกมาใช้กับผู้หญิงและดูเหมือนว่าน้องกูจะไม่ใช่คนแรกที่โดนด้วย ถ้ามึงไม่ไสหัวไปกูจะพาน้องไปตรวจและเข้าแจ้งความ ส่วนอนาคตมึงจบแน่เพราะเหยื่อจะเข้ามาให้ข้อมูลจนมึงไปนอนแดกหนอนตายอยู่ในคุก!!”
ผมอยากจะเขาไปซัดหน้ามันอีกรอบแต่ไอ้ภูริมันดึงผมออกมา ถ้าเมื่อคืนผมปล่อยให้น้องไปเข้าห้องน้ำคนเดียวหรือเดินกลับห้องคนเดียวผมอาจจะต้องเสียใจละรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
กลับมาถึงห้องจันทร์เจ้าก็เก็บของสัมภาระทุกอย่างใส่กระเป๋าแล้ว เราจะอยู่ทานมื้อเช้ากันที่นี่และกลับกันเลย
“พี่ตะวันเป็นอะไรคะทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“จันทร์เจ้าเรื่องไอ้ไมค์อะไรนั่นพี่จัดการแล้วนะ ภูริรู้เรื่องนี้และยกเลิกสัญญาจ้างมัน ป้าสุก็รู้เรื่องแล้วเขาจะชดใช้ค่าเสียหายให้หลังจากเรากลับกรุงเทพฯ”
“ค่ะ พี่ตะวันไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขาใช่ไหมคะ กลัวเขามาเอาเรื่องพี่ พ่อของไมค์เป็นตำรวจด้วย”
“พี่ต่อยมันไป และก็ขู่มันไปเยอะถ้าไม่เข็ดก็คงไม่กล้ามายุ่งกับเราแล้วล่ะ”
“ขอบคุณนะคะ”
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จจันทร์เจ้าก็ถูกเรียกพบภูริกล่าวขอโทษเธอและให้เธอคุยกับคุณป้าสุชาดากรรมการบริษัท เธอสบายใจขึ้นเพราะผู้ใหญ่จะถอดชื่อของไมค์ออกจากงานทุกตัว ถือว่าไมค์เป็นบุคคลอันตรายต่อให้แจ้งความก็มีสิทธิ์รอดเพราะพ่อเป็นตำรวจยศใหญ่