ผมหันกลับมามองยัยตัวแสบที่ตอนนี้หน้าแดงๆแล็วก็เหมือนจะโกรธหน่อยๆเลยใช้แขนพาดไปที่คอก่อนจะรั้งให้เข้ามาหาพร้อมกับใช้แขนอีกข้างรัดที่เอวของยัยตัวแสบไว้แน่นๆและหอมแก้มอีกข้างหนึ่งแรงๆ อือหื้อ แล้วกลิ่นตัวแม่งหอมมากหอมแบบหวานๆอะ
ฟอดดดด!!!
“อือ ปล่อย!!”
ฉันบอกคนตัวสูงก่อนจะดิ้นแล้วใช้มือยกขึ้นเพื่อตบหน้าเขาก่อนจะได้ยินเสียงคนตัวสูงพูดขึ้นมา
“ถ้าตบหน้าจะไม่ได้หยุดแค่หอมนะ เตือนไว้ก่อน”
ผมปล่อยยัยตัวแสบออกแล้วหลังจากนั้นยัยนี่ก็ใช้เท้าเหยียบที่เท้าผมแรงๆก่อนจะถือกระเป๋าแล้วก็ซองเอกสารเดินออกจากห้องไปผมเลยเท้าเอวมองก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ
“หึ แม่งทรงนี้ไม่รู้ว่าใครจะอายุมากกว่าเลย”
“นี่กูจะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่วะสภาพนี้อะ งื้ออ”
ฉันเดินออกมาจากห้องพร้อมกับใช้มือถูที่แก้มตัวเองแรงๆก่อนจะรวมรวบสติแล้วเดินมาที่ห้องทวิภาคีในระหว่างที่เดินมาก็มีเด็ก ๆ ทักเลยยิ้มพร้อมกับทักทายกลับไป
“ไอ้โย นานจัด แล้วมึงทำอะไรอาจารย์วะเดินออกมาหน้าโกรธๆ”
“เออ แล้วแดกข้าวไหมครับ”
“หึ เออไป กูเลี้ยงข้าวพวกมึง 5 คนเอง”
“อือหื้อ พ่อพระของกลุ่ม”
ฉันเปิดตารางสอนที่อาจารย์แม่ส่งมาให้แล้วก็มาดูวิชาที่ตัวเองต้องสอน อ๋อ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์แทนอาจารย์คนเก่าที่ออกไปด้วย
“อืม ดีนะทำแผนการสอนมาแล้ว”
ฉันเดินลงมากินข้าวที่ศูนย์อาหารเพราะวันนี้มีสอนตอน 13.00-16.00 น. ห้อง ชคก.1/1 (ย่อมาจากประกาศนียบัตรวิชาชีพสาขาคอมพิวเตอร์กราฟิก) พอมาถึงศูนย์อาหารเท่านั้นแหละแทบจะเดินออกเพราะเห็นไอ้บ้านั่นกับเพื่อนเขาแต่เด็กผู้หญิงในห้องที่เป็นที่ปรึกษาเดินมาจับแขนฉันไว้พอดี
“พี่มิ้ม มากินข้าวเหรอคะ”
“จ่ะ”
“มาค่ะงั้นพวกพริกพาทัวร์เอง”
“หึหึ ขอบใจจ้า แล้วยังไม่กลับบ้านกันเหรอ”
“ไม่ค่ะ เหงา”
“หื้อ หึหึ”
ผมมองยัยตัวแสบที่ตอนนี้ถูกไอ้พริกแล้วก็ไอ้แปมลากมา หึ สงสัยต้องเลี้ยงเหล้าไอ้สองคนนี้เยอะ ๆ ละ
ฉันเดินมาหยุดที่ร้านอาหารตามสั่งก่อนจะสั่งสุกี้ทะเลแห้งแล้วก็ได้ยินเสียงเด็กตรงหน้าพูดขึ้นมา
“พี่มิ้มงั้นเดี๋ยวพริกมาหานะ ฝากซื้อน้ำไหมคะ”
“อ๋อ ไม่เป็นไรพี่เกรงใจ”
“อื้อ เกรงใจอะไรของแค่นี้”
ฉันหยิบเงินให้เด็กน้อยสองคนไป 100 บาท พร้อมกับลูบหัวเบาๆ
“งั้นพี่เลี้ยงนะ”
“งื้อออ น่ารักจนอยากจะกลืนลงท้องเดี๋ยวแปมกับพริกรีบกลับมานะคะ”
“จ้าๆ”
“เดี๋ยวกูมา”
“อ้าวแล้วมึงจะไปไหนสัสโย”
ผมยิ้มมุมปากก่อนจะกอดอกแล้วบอกพวกมันไป
“ไปร้านอาหารตามสั่ง”
“สัสเอ๊ย กูคิดว่าแฟนกัน”
“เออ แสดงจุดยืนชัดสัส”
ฉันยืนรอข้าวอยู่พร้อมกับเล่นโทรศัพท์ไปด้วยสักพักก็สะดุ้งขึ้นมาเบาๆหลังจากได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลัง
“กินอะไร”
“อุ้ย ขยับออกไป”
ผมกอดอกก่อนจะยืนอยู่ที่หลังของยัยตัวแสบก่อนจะเห็นว่ายัยนี่เหมือนจะดูเสื้อผ้าหรืออะไรอยู่นี่แหละเลยถามออกไปอีกรอบ
“ถามว่ากินอะไร”
“เรื่องของฉัน ฉันเอาปากนายเคี้ยวเหรอ”
“แล้วอยากใช้ปากฉันไหมละ”
“ฉันบอกให้นายขยับออกไปคนอื่นมองมามันดูไม่ดี กรุณาให้เกียรติฉันด้วย”
ฉันบอกคนตัวสูงออกไปด้วยหน้าตาจริงจังเพราะถ้าคนอื่นมองมาก็เอาไปพูดกันถึงไหนต่อไหนแล้วอีกอย่างสมัยนี้คือลงโซเซียลก็แทบจะไม่มีที่ยืนแล้วนะ พอบอกเขาออกไปด้วยหน้าตาจริงจังเขาก็ขยับออกนิดหนึ่งแล้วก็ไม่รู้ว่าไอ้นี่อยากจะแกล้งอะไรฉันหนักหนา
“แล้วเธอมีแฟนแล้วเหรอ”
“ใช่”
“หึ ไหนแฟนเธอ”
ผมถามยัยตัวแสบที่อยู่ข้างหน้าเพราะรู้ว่ายังไงยัยนี่ก็โกหก
“แฟนฉันก็คือแฟนฉันนายยุ่งอะไรด้วย”
ฉันถอนหายใจก่อนจะหันมามองคนตัวสูงแล้วก็เห็นเขาหัวเราะเบาๆออกมาแล้วถามฉันขึ้นมาอีกรอบ
“แล้วทำไมสถานะเธอโสดในเฟส”
“ฉันเพิ่งคบกันเลยยังไม่ได้ขึ้นสถานะ”
“อย่าโกหกเอาเรื่องจริง”
ผมถามยัยตัวแสบออกไปด้วยหน้าตาและน้ำเสียงที่จริงจังก่อนยัยนี่จะตอบกลับมา
“เออ ฉันโสดพอใจแล้วก็ไปซะ”
“อืม งั้นฉันจีบเธอ ชัดนะ”
ฉันหันมามองเขาอย่างงงๆก่อนจะรีบส่ายหัวแล้วตอบกลับไป
“ไม่ นายไปจีบคนอื่นเถอะฉันไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า”
“หึ ฉันน้อยกว่าเธอแค่สองปีอะนะ ดูจากท่าทางฉันเหมือนจะโตกว่าเธอเยอะ”
“นี่”
“ได้แล้วค่ะอาจารย์สุกี้แห้ง”
ฉันที่กำลังเถียงกับเขาอยู่ก็หันกลับมาก่อนจะหยิบเงินส่งให้เจ้าของร้านแล้วกำลังจะเดินไปหาโต๊ะนั่งแต่ถูกคนตัวสูงดึงแขนมาพร้อมกับดึงจานในมือฉันไปถือ
“นี่ ปล่อย”
“นั่ง”
ผมดึงยัยตัวแสบมาที่โต๊ะที่อยู่ถัดจากที่ผมนั่งกินอยู่ก่อนจะหันไปบอกไอ้พลัส
“สัสพลัส มึงเอาจานข้าวกูมาให้หน่อย กูจะนั่งกินข้าวกับแฟน”
“ห๊ะ!! เออๆ อะๆ”
“ทำไมนายมึนแบบนี้ห๊ะ ฉันพูดอะไรไปไม่เข้าใจเหรอ”
“ไม่ นั่งกินข้าวอย่าให้ต้องบังคับ ถ้ายังไม่นั่งฉันจะจับเธอมานั่งตักแล้วถ้ากลัวดูไม่ดีก็ลาออกซะฉันมีเงินดูแลเธอได้”
ฉันถอนหายใจก่อนจะเท้าเอวมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะเม้มปากเข้าหากัน นี่ฉันกำลังจะเจอกับอะไรวะ แล้วถ้าไม่นั่งแล้วไอ้บ้านี่ทำจริงขึ้นมาก็ดังอีกเอาวะยังไงก็เจอกันแค่วันนี้แหละ ฉันนั่งลงก่อนจะเริ่มกินโดยที่ไม่สนใจคนตัวสูง แล้วดูที่นายนี่ทำ
“งื้ออ นายไอ้บ้า เอาของฉันคืนมา”
ผมใช้ส้อมจิ้มกุ้งในจานของยัยตัวแสบมา หึ ไม่สนใจเหรอมันต้องแบบนี้แหละ
“หึ มีวิญญาณแล้วเหรอ อะเอาคืนไป”
ฉันใช้ช้อนดึงกุ้งลงมาแล้วถ้ามันมีเยอะก็ไม่โวยวายหรอกอันนี้ทั้งจานมีตัวเดียวฉันมองไปที่จานของเขามันเป็นกะเพราหมูกรอบแล้วก็มีไข่ดาวที่ไม่สุกเลยใช้ส้อมจิ้มที่ไข่แดงให้มันแตกสองสามทีก่อนจะหันมานั่งกินของตัวเองต่อ
“หึ นี่อะนะโตแล้ว”
“พี่มิ้ม อ่าวไอ้โยมึงนั่งนี่เหรอ”
“เออ จะทำไมกู กูนั่งกับแฟนกูแปลกตรงไหน”
“ห๊ะ!! เชี้ยโยกับพี่มิ้ม คือคบกันมาก่อนเหรอ”
ผมหัวเราะออกมาหลังไอ้แปมถามออกมาเสียงเบาๆเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน
“ไม่ใช่นะ เพื่อนเราอะบ้า”
“ไม่บ้า พูดจริง”
“กูว่าแล้วปกติไม่นั่งหน้าวันนี้แฟนมาเลยนั่งหน้าเชี้ยโยเอ๊ย”
“เออ แล้วปกตินี่หายหัวไปแล้วนะกูว่าละว่าน้ำแม่งจะท่วมวิทลัย”
ฉันพยายามจะอธิบายแต่ทุกคนก็คือเหมือนเป็นเรื่องจริงไปแล้วเลยหันมากินข้าวต่อแล้วจะได้รีบไป
“ดีแล้วค่ะพี่มิ้ม ไอ้โยมันรวยเอาเงินมันให้หมด”
“เออ จริง เฮ้ย อิหวานมึงไปไหนอะ”
“กลับบ้านคืนนี้ไปตี้”
“สัสเอ๊ย เจอกันที่เดิม พี่มิ้มสนใจไหมผับแถววิทลัยไม่ไกลหรอก”
“อิแปม หยุดซะมึงอะ”
“เออ กูลืม ถ้าสนใจบอกพวกหนูได้นะ”
ฉันกินข้าวเสร็จก็เดินกลับมาที่ตึกแล้วก็หาซื้อขนมมาติดไว้จะว่าไปยังไม่ได้ไปดูโต๊ะตัวเองเลย แล้วสิ่งที่น่าปวดหัวกว่าคือ
“สอนถึงกี่โมง”
ผมเดินถามยัยตัวแสบมาก่อนจะถามออกไปเพราะไม่รู้ว่ายัยนี่สอนถึงกี่โมงเดี๋ยวจะต้องเอาตารางไว้ละ
“นี่ นายจะเอายังไง”
ฉันหันมาพร้อมกับเท้าเอวและถามคนตัวสูงออกไปเพราะตอนนี้มันก็ไม่ค่อยมีใครเดินไปเดินมาเพราะเป็นเวลาเรียนเลยถามออกไปแบบจริงจัง
“ก็ไม่เอาไง ฉันบอกฉันจีบเธอ เธอก็เป็นแฟนฉัน เราสองคนเป็นแฟนกัน อะ”
ผมบอกยัยตัวแสบตรงหน้าออกไปพร้อมกับตักข้าวโพดอบเนยแล้วยัดไปที่ปากของคนตรงหน้า
“งื้ออ นาย”
ฉันดันมือเขาออกก่อนตัวสูงจะใช้นิ้วเช็ดปากให้พร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ
“หึหึ ก็มันอร่อยเลยอยากให้ชิม”
“งั้นนายกลับบ้านไปค่อยไปคุยกันที่นู่นฉันจะไปสอน”
“ก็ไปสิ ฉันก็ไปด้วยนั่งด้วยกันได้อยู่ละน้องห้องไหนก็รู้จักหมด”
ผมเดินตามยัยตัวแสบขึ้นมาบนห้องก็เห็นว่าเป็นห้องน้อง ปวช.ปีหนึ่ง พอเข้ามาเด็กๆในก็ทักยัยตัวแสบ
“ครูมิ้ม”
“หึหึ สวัสดีค่ะ นั่งก่อนเนาะครูขอสอนแป๊บหนึ่ง”
“ค่ะ เฮ้ยไอ้เบสมึงปิดเพลงก่อน”
“เออๆ กำลังปิด อ้าวพี่โย”
“หึ นั่งด้วยนะ”
“ยินดีจ้า”
ฉันเดินเอาของมาวางที่โต๊ะพร้อมกับกดเปิดคอมและหันมาบอกเด็กๆก่อนจะหันมาบอกคนตัวสูงที่เอาเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ
“เดินไปเปิดไฟสิ”
“ห๊ะ”
ผมมองยัยตัวแสบที่ตอนนี้ใช้ผมเดินไปเปิดไฟแล้วหนึ่งแล้วถามว่าลุกไหมก็ต้องลุกดิครับ
“ปิดข้างหน้า เปิดข้างหลังให้หมด”
ฉันบอกคนตัวสูง ฮึ เดี๋ยวจะใช้ให้ขาลากเลยเดี๋ยว พอบอกเขาเสร็จก็หันมาบอกเด็กๆ
“นั่งประจำที่แล้วก็เปิดคอมเลยนะคะ ใช้ได้ทุกเครื่องใช่ไหม”
“ได้ค่ะ”
ฉันกดเปิดหน้าพาวเวอร์พ้อยที่ทำตารางการให้คะแนนไว้และเริ่มอธิบายรายวิชา
“ค่ะ ระหว่างที่เรารอคอมอาจารย์ขออธิบายรายวิชาก่อนนะคะ ใครจะถ่ายรูปถ่ายไว้นะคะ การให้คะแนนก็คือมาเรียน 10 คะแนน คะแนนงาน 60 คะแนน แล้วคะแนนสอบ 30 คะแนน ตรงนี้สำคัญครูเลยจะถามเราว่าเราจะสอบแบบอัตนัยหรือปรนัยคะ ปรึกษากันได้หลังจบคาบเรียนอาจารย์จะถามจะได้เข้าใจตรงกัน ส่วนในการขาดเรียนของอาจารย์ขาดได้ 4 ครั้งคือสูงสุด สายสามครั้งเท่ากับขาดหนึ่งครั้งนะคะ ใครที่มีเหตุจำเป็นมาบอกอาจารย์ได้และอาจารย์จะสร้างกลุ่มไลน์สำหรับวิชานี้ใครจะลาไปไหนสามารถบอกมาในกลุ่มได้เลยนะคะ”
“ค่ะ”
ผมมองยัยตัวแสบตรงหน้าที่ไม่บอกก็ไม่อยากจะเชื่อนะเพราะดูสอนแบบเหมือนเคยสอนมาแล้วทั้งๆที่เพิ่งจะเริ่มทำงาน
“อะ โอเค วิชานี้เราจะใช้โปรแกรม อิลลัสเตรเตอร์ (Ai) กดเปิดโปรแกรมได้เลยค่ะ แล้วแต่ละรายชั่วโมงอาจารย์จะทำชีทมาแจกนะคะเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาจดเดี๋ยวของวันนี้อาจารย์จะเอามาให้ย้อนหลัง แล้วชีทเก็บไว้นะคะมีค่าตอนสอบ”
“ค่ะอาจารย์”
“อะ โปรแกรมมาแล้วเรากด Ctrl+N ค่ะ เพื่อที่จะสร้างขนาดอาร์ตบอร์ดหรือขนาดหน้ากระดาษของงานนะคะ แล้วมีอีกหนึ่งวิธีคือไปที่ File แล้ว เราจะเห็น คำว่า New สามารถทำได้สองวิธีนะคะแต่อาจารย์แนะนำวิธีแรกแล้วทุกครั้งของการทำงานเราเพิ่มลดแก้ไขตรงไหน อาจารย์แนะนำให้ กด Ctrl+S ไปจนกว่างานจะเสร็จนะคะไม่อย่างนั้นอาจจะมีคนเสียน้ำตา”
“หึหึ”
ฉันหันไปบอกเด็กๆในห้องทุกคนก็พากันหัวเราะออกมา
“อะ การสร้างภาพหรือออกแบบงานในโปรแกรมนี้จะเรียกว่าเป็นภาพแบบเวคเตอร์ ใครรู้บ้างว่าคืออะไร”
“เป็นภาพที่ย่อขยายแล้วไม่แตกค่ะ”
“ใช่ค่ะ แต่อาจารย์ขออธิบายในส่วนของรายละเอียดเพิ่มเติมนะคะ ภาพแบบเวคเตอร์ เป็นภาพที่สร้างด้วยส่วนประกอบของเส้นในลักษณะต่าง ๆ และคุณสมบัติเกี่ยวกับสีของเส้นนั้น ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างจากการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เช่น รูปของกล่องนมก็จะมีเส้นต่างๆที่นำมาต่อกันจนเป็นรูปร่างทำให้เวลาเราย่อหรือขยายไปแค่ไหนเส้นก็จะไม่แตกซึ่งจะต่างจากภาพภาพแบบบิทแมพ หรือเราอาจจะเรียกว่าภาพแบบราสเตอร์ (Raster) ก็ได้เหมือนกันนะคะ ซึ่งภาพบิทแมพเป็นภาพที่เกิดจากจุดสีที่เรียกว่าพิกเซล (pixels) ซึ่งเรียกต่อกันเป็นรูปร่างบนพื้นที่ ที่จะมีลักษณะเป็นตาราง (กริด) แต่ละพิกเซลจะมีค่าของตำแหน่งและค่าสีของตัวเอง ภาพหนึ่งภาพจะประกอบด้วยพิกเซลหลาย ๆ พิกเซลรวมกัน และแน่นอนว่าถ้าเราขยายไปใกล้เท่าไหร่เราจะเห็นเป็นพิกเซลที่เรียงต่อๆกัน อันนั้นคือตัวอย่างนะคะ”
ฉันสอนเด็กๆใช้เครื่องมือไปด้วยอย่างช้าๆเพราะบางคนตามไม่ทันเลยค่อยๆไปแล้วก็เดินดูไปด้วยพอทุกคนเริ่มจะเข้าใจเครื่องมือแล้วก็สั่งงานนักเรียน
“อะทุกคนคะ งานชิ้นแรกนะคะ ให้ทุกคนหาตัวการ์ตูนหนึ่งตัวที่ทุกคนชอบจากนั้นนำมาดราฟและลงสีให้เหมือนต้นฉบับ อ๋อ แล้ววิชาของอาจารย์อาจารย์จะทำช่องส่งงานไว้ในโฟลเดอร์ทางเมลนะคะ อาจารย์จะแชร์โฟลเดอร์และเพิ่มเมลพวกเราเข้าไปเพราะถ้าเก็บไว้ในงานหายแน่ๆ หรือจะเอาทางคลาสรูมดี”
“คลาสรูมค่ะ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวอาจารย์สร้างคลาสแล้วทุกคนก็เอางานอัพไว้นะคะวันนี้ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นถ้าใครเสร็จจะส่งเลยก็เรียกอาจารย์ได้เลยค่ะเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงถ้าไม่เสร็จให้ส่งสัปดาห์หน้าได้แต่ต้องเอาให้ได้มากที่สุดนะคะ ใครมีอะไรติดขัดตรงไหนเรียกอาจารย์ได้ตลอดนะคะ”
“ค่ะอาจารย์/ครับอาจารย์”
“งั้นทำงานได้ค่ะ ใครจะเปิดเพลง ใครจะไปเข้าห้องน้ำ ใครจะไปซื้อน้ำอาจารย์อนุญาตนะคะแต่ไม่ออกข้างนอก แล้วรีบกลับมาทำงานกันนะคะที่รัก โอเค้”
“โอเคค่ะ อาจารย์ใจดีมากๆ พวกหนูขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำนะคะแล้วจะรีบกลับมาทำงานค่ะ”
เด็กตัวน้อยๆมากอดที่เอวฉันไว้พร้อมกับขอไปเข้าห้องน้ำฉันเลยยิ้มพร้อมกับใช้มือลูบที่หัวเบาๆ
“หึหึ จ้า”
ฉันเดินมาที่โต๊ะทำงานก่อนจะหยิบใบรายชื่อที่ไปขอมาแล้วก็เอามาเขียนวันที่เพราะจะเตรียมเช็คชื่อตอนท้ายชั่วโมงพอนึกขึ้นได้เลยส่งใบรายชื่อให้คนตัวสูง
“อันนี้ เขียนชื่อเล่นของทุกคนแล้วขอเบอร์โทรศัพท์ด้วยถ้ามีปัญหาช่วงฝึกงานจะได้ตามได้บางคนไม่ค่อยอ่านแล้วก็ตอบไลน์”
“เค”
ผมหยิบกระดาษนาดยัยตัวแสบมาก่อนจะเริ่มเขียนชื่อเพื่อนลงไปท้ายชื่อจริงในช่อง แต่พอเขียนได้สามคนเท่านั้นแหละความแตก
“ไหนบอกลายมือนายดูไม่ได้ไง”