ตอนที่ 4 เผลอไผล
“ใช้ดีค่ะขอบคุณผู้จัดการนะคะ” หล่อนพยักหน้าตอบหงึกหงัก
“งั้นตามผมมาทางนี้ครับผมจะแนะนำว่าคุณต้องทำความสะอาดส่วนไหนบ้าง”
เมยาวีเดินตามหลังคุณชาลีหูก็ฟังสมองก็จดจำหลัก ๆ ก็คือ ทำความสะอาดโถงบ้าน ห้องครัว ห้องรับแขก ซักเสื้อผ้า รดน้ำต้นไม้ดอกไม้หน้าบ้าน ให้อาหารน้องหมาและทำอาหารเย็น ส่วนที่ห้ามไปเลยก็คือชั้นสองของบ้านและห้องทำงานชั้นล่าง หล่อนแอบคิดว่าเจ้าของคำสั่งกะจะเอาให้เธอตายเลยใช่ไหม แต่ก็แอบเข้าใจเขาเพราะเธอไม่มีเงินคืนเขาเลยต้องใช้แรงงานมันก็ถูกต้องแล้ว
“เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ”
“ค่ะ” เมยาวีพยักหน้าเบา ๆ กวาดตามองบ้านหลังใหญ่แล้วก็ได้แต่ลอบกลืนน้ำลายฝืด ๆ ลงคอ
“งั้นผมขอตัวไปทำงานให้พ่อเลี้ยงก่อนนะครับ”
คุณชาลีแยกตัวออกไปแล้วเมยาวีจึงเริ่มงานของตัวเองบ้างเหมือนกัน โดยรวมแล้วทำทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ปาไปเกือบสองชั่วโมงตอนนี้ก็เย็นแล้วแต่เจ้าของบ้านยังไม่กลับมาเลย เมยาวีมองอาหารบนโต๊ะพึ่งรู้ว่าตัวเองมีฝีมือด้านนี้ก็ตอนได้จับมีดเข้าครัวนี่แหละ
เพล้ง! เพล้ง!
“ออกไปจากบ้านนะ!”
เมยาวีขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเหมือนเสียงอะไรตกแตกเลยมุ่งตรงออกจากห้องครัวไปยังโถงบ้านแต่สิ่งที่เห็นทำเอาเธอตกใจอยู่ไม่น้อยพื้นห้องที่ทั้งขัดทั้งถูจนปวดหลังตอนนี้กลับมีแต่แป้งผงสีขาวกระจายตามพื้นเต็มไปหมด
“ออกไปนะ!”
เมยาวีหันไปมองตามเสียงก็เห็นเป็นเด็กชายตัวเท่าเอวเธอทำหน้าบูดบึ้งมองมาที่เธอด้วยสายตาเอาเรื่อง
“อย่าวิ่งค่ะ” รีบยกมือห้ามเด็กชายที่กำลังลากถุงแป้งทำขนมไปทั่วบ้านเพราะถ้าอยู่บนกระเบื้องขัดมันยิ่งจะลื่นมากกว่าเดิม
“โอ๊ย!”
“เป็นอะไรไหมคะ” เมยาวีสาวเท้าเข้าไปหาเด็กชายด้วยความเป็นห่วงพูดยังไม่ทันขาดคำก็ลื่นล้มลงไปต่อหน้าเธอ
“ไม่ต้องเข้ามา” สายตาเอาเรื่องมองเหยียดไปยังคนที่กำลังเข้ามาช่วยตัวเอง
“เจ็บตรงไหนไหมคะ” เมยาวีย่อเข่าลงใกล้ ๆ ไม่สนใจสายตาเหมือนรังเกียจที่กำลังมองมา “เป็นอะไรหรือเปล่า”
นายน้อยของไร่พร้อมรักหดคอถอยหนีฝ่ามือของผู้หญิงตรงหน้าแต่ด้วยระยะแล้วจึงหลบไม่พ้น
เมยาวีวางมือลงลงบนกลุ่มผมนุ่มเบา ๆ สายตาเพ่งมองว่าคนลื่นล้มเจ็บตรงไหนหรือเปล่าในจังหวะนั้นจึงไม่ได้เห็นตากลมโตของเด็กน้อยเบิกโพรงจากหดคอถอยหนีกลับกลายเป็นยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“พี่นางเงือก”
“หะ นางเงือก?” เมยาวีก้มหน้าลงไปสบตาแววตาดูจะตื่นเต้นคู่นั้นมันทำให้เธอคิดออกว่าเป็นเด็กคนเดียวกันกับที่เธอว่ายน้ำเข้าไปช่วย “หนูนี่เอง”
เด็กน้อยจากที่มีทิฐิล้นใจกลายเป็นฝ่ายดึงมือพี่นางเงือกในความคิดของตัวเองไว้แทน รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้า
“พี่นางเงือกจริง ๆ ด้วย”
“ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมคะ งั้นไปนั่งบนโซฟานะ” เมยาวีพยุงเด็กน้อยไปนั่งที่โซฟาก่อนจะเริ่มไปหาอุปกรณ์มาทำความสะอาดอีกรอบ
เด็กน้อยนั่งก้มหน้าจ๋อยประสานมือไว้ตรงหน้าขาสั้นไม่ถึงพื้นแกว่งไปมาอย่างใช้ความคิดยิ่งเห็นพี่นางเงือกต้องกลับมาทำความสะอาดใหม่อีกครั้งยิ่งรู้สึกผิดในใจ
“ให้ผมช่วยนะครับ...” เด็กน้อยโดดลงโซฟาแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันแล้ว ผู้เป็นพ่อดันพูดขึ้นเสียงดังจนพี่นางเงือกสะดุ้งโหยง
“เมยาวีตามมาที่ห้อง!”
คนโดนเรียกชื่อสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเก็บผ้าเปียกไว้บนขอบกะละมังใบเล็กลุกขึ้นยืนตามเจ้าบ้านไป
“อย่าไปเลยครับ” ชาลีคว้าแขนนายน้อยไว้ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบา ๆ
“แต่ผมเป็นคนทำ” เด็กน้อยช้อนตามองคนสูงกว่าตาละห้อยรู้สึกผิดอยู่ในใจ
“งั้นเรามาทำความสะอาดดีไหม พี่เขาออกมาจะได้ไม่เหนื่อยเพิ่ม”
เด็กน้อยมองตามร่างของพี่นางเงือกจนประตูห้องทำงานของผู้เป็นพ่อปิดลงก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ลุงชาลี จากนั้นก็ช่วยกันทำความสะอาดคราบแป้งโดยส่วนมากก็เป็นผู้ใหญ่ที่ได้ทำเยอะกว่าเด็กน้อยอย่างเขาก็มีหยิบจับช่วยบ้าง
เมยาวีเดินเข้ามาภายในห้องซึ่งเปิดแอร์เย็นฉ่ำแต่มันดูไม่เยือกเย็นเท่าบรรยากาศรอบตัวของพ่อเลี้ยงสิงห์ มือเล็กประสานกันไว้ตรงหน้าสายตามองต่ำไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองจริง ๆ แม้พ่อเลี้ยงสิงห์คือคนที่สาว ๆ ในไร่ต่างพร่ำหากันจะอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ก็ตาม
ปัง!
ร่างบางสะดุ้งตัวโยนเมื่อเจ้าของบ้านวางแฟ้มงานลงที่โต๊ะจนเกิดเสียงดัง ปากขบเม้มมือบีบกันไว้จนเหงื่อซึมทั้งที่บรรยากาศในห้องใกล้จะติดลบเต็มที่แล้ว
“ทั้งมีปัญหาในที่ทำงาน เข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ ทำแปลงผักเสียหาย งานบ้านก็ไม่ได้เรื่อง!”
“ขะ...ขอโทษค่ะ” จิกเล็บเข้าอุ้งมือตัวเองจนรู้สึกเจ็บแต่สิ่งที่ทำได้ก็คือขอโทษ “แต่เรื่องที่ทำงาน...”
“จะแก้ตัว?” สิงหราชถามกลับเสียงเรียบสายตาชิงชังไม่เปลี่ยนจ้องไม่หลบ
“ขอโทษค่ะ” ในเมื่อไม่คิดรับฟังต่อให้อธิบายไปก็มีค่าเท่าเดิมสินะ
“อย่าให้ได้ยินว่ามีปัญหากับเพื่อนร่วมงานอีก อย่าคิดว่าคนไม่เหลืออะไรอย่างเธอฉันจะเก็บหนี้ไม่ได้ เผลอ ๆ อาจจะได้กลายเป็นเมียพวกคนงานพวกนั้นก็ได้”
“!!!”
“อารมณ์แบบซื้อเธอมาให้คนงานฉันได้ปลดปล่อยดีไหม แบบนั้นยังพอทดแทนกับเงินที่ฉันเสียไปได้”
เมยาวีส่ายหน้าพรืดเธอยอมทำงานแบบไม่ได้พักดีกว่าต้องไปเป็นเมียพวกคนงาน เมยาวีช้อนตากลมโตขึ้นมองคนตรงหน้าเพียงนิดทำไมบุคคลเดียวที่มีภาพอยู่ในความทรงจำเขาต้องร้ายกับเธอขนาดนี้กัน
“ต่อให้ร้องไห้ฉันก็ไม่สงสาร เก็บน้ำตาเธอไปแสดงละครที่อื่นได้เลย ไม่เป็นงานสักอย่างแบบนี้ฉันก็มีแต่เสียกับเสีย” พ่อเลี้ยงสิงหราชเท้าเอวกลอกตามองเพดานอย่างใช้ความคิด “ฉันจะทำยังไงกับผู้หญิงแบบเธอดี”
ให้ความแค้นในอกมันคลายไปบ้างน้ำตาผู้หญิงตรงหน้ายังไม่สามารถเทียบได้กับน้ำตาคนงานในไร่ที่เสียไปได้เลย เขาไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ใช้ชีวิตสุขสบายเป็นแน่
“อย่าเอาเมยไปให้คนงานเลยนะคะ” สายตาเว้าวอนแทบจะคลานไปกราบเจ้าของบ้านแล้วจริง ๆ
“ฉันเกลียดเธอ ขยะแขยงผู้หญิงแบบเธอที่สุด”
“เพราะอะไรคะ?” เสียงนั้นแม้จะแผ่วไปแต่เหมือนกลั่นออกมาจากความรู้สึกด้านใน ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์เอ่ยถามแต่ในใจมันกำลังร่ำร้องว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจขนาดนี้กัน
สิ่งที่ตัวเองกำลังเจออยู่มันต่างจากตกนรกทั้งเป็นตรงไหน!
หรือนี่มันคือสิ่งที่พ่อเลี้ยงต้องการ?
เมยาวีก้าวถอยหลังในยามที่พ่อเลี้ยงย่างสามขุมเข้ามาใกล้แต่มันน่าจะช้าไปเพราะตอนนี้แผ่นหลังชนเข้ากับผนังเย็นเฉียบช่วงคอรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ซาตานร้ายกำลังบีบคอเธออย่างแรง
“เพราะอะไรงั้นเหรอ งั้นมาลองทุรนทุรายเหมือนคนในไร่เจอเป็นไงล่ะ” พ่อเลี้ยงหน้าตาบิดเบี้ยวเพราะความโกรธสายตาคมตวัดมองเหยียดชนิดที่เก็บความรู้สึกเกลียดชังไม่ได้มันแสดงออกมาทางสายตาทั้งหมด
“อึก จะ...เจ็บ!” พยายามแกะมือเขาออกเหมือนจะขาดใจตายจริง ๆ เพราะไม่สามารถหายใจได้เลย “แค่ก ๆ”
“มานี่!” คว้าหมับเข้าที่ข้อแขนกระตุกด้วยความแรงไม่ยั้งมือ
“ปล่อยเมยไปเถอะค่ะพ่อเลี้ยง ฮื่อ...เมยสัญญาจะตั้งใจทำงาน” พยายามยื้อตัวเองไว้ก็ไม่เป็นผลอ้อนวอนอย่างหมดหนทางจะสู้ก็ใช่ว่าเขาจะเห็นใจ ผู้ชายคนนี้โหดร้ายอย่างกับซาตาน
เมยาวีถูกโยนขึ้นมาบนฟูกแข็ง ๆ เนื้อตัวกระแทกแสบไปหมดยังไม่มีเวลาได้โอดโอยต้องหนีจากที่นี่เพราะดูเหมือนพ่อเลี้ยงจะขาดสติไปแล้วจริง ๆ แต่มีเหรอจะหนีได้เธอยังไม่ทันได้พลิกตัวไปไหนเพราะความจุกเสียดจากแรงเหวี่ยงพ่อเลี้ยงกระโดดมาคร่อมจากด้านบนมือจับปากไว้บีบให้อ้าออก
“อ้าปาก เธอต้องได้รับรู้ความรู้สึกทุรนทุรายอย่างที่ฉันได้เจอ”
“ฮื่ออ ปล่อยฉัน”
“ถ้าแค่นี้เธอเจ็บรู้ไว้ว่าคนในไร่พร้อมรักเจ็บกว่าเธอพันเท่า!”
สุดท้ายก็ต้องจำใจกลืนเม็ดยาบางอย่างลงไปเพราะพ่อเลี้ยงบีบปากอย่างไม่ออมแรงไม่กลัวว่ากรามเธอจะหักด้วยซ้ำ สายตาชิงชังจ้องมาไม่เปลี่ยนส่วนเธอได้แต่ร้องไห้เงียบ ๆ ในใจมันเจ็บไปทั้งเนื้อตัวจนพูดอะไรไม่ออก
“พ่อเลี้ยงเอาอะไรให้ฉันกิน” ความรู้สึกแปลก ๆ กำลังเกิดขึ้นกับร่างกายจนกลายเป็นคำถามขึ้นมาในหัว
มองคนผละออกไปล็อกประตูห้องก่อนที่เขาจะเอากุญแจไปไว้กับตัวหลบไปยืนจุดบุหรี่สูบอยู่ด้านนอกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ความรู้สึกร้อนรุ่มกำลังแทรกแซงตามความรู้สึกขนลุกเกรียวไปทั้งแขน ในวินาทีต่อมาความรู้สึกต้องการเพิ่มขึ้นจากศูนย์สูงขึ้นจนเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ ปีนป่ายซวนเซลงจากฟูกไร้ผ้าปูที่นอนไปยังห้องน้ำมาถึงก็เปิดน้ำชโลมตัวเพื่อดับความร้อนลุ่มในร่างกายทรุดกายลงนั่งที่พื้นเย็นเฉียบแต่มันแค่บรรเทาความต้องการมากมายยังไม่คลายลงสักนิดเดียว
พ่อเลี้ยงเดินเข้ามาภายในห้องนอนเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไม่อยู่บนฟูกแล้วแต่เสียงน้ำไหลก็พอจะรู้ว่าหล่อนไปอยู่ในห้องน้ำ เขาเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนฟูกแข็ง ๆ อยากรู้ว่าหล่อนจะทนฤทธิ์ยาได้สักเท่าไหร่กัน แม้ว่ายาตัวนี้ไอ้ชายคนงานในไร่เขามันบอกว่าไม่แรงมากเท่าไหร่แต่เขาก็อยากให้เมยาวีรับรู้ถึงความรู้สึกทุรนทุรายบ้าง
ในหัวไม่เคยคิดที่จะร่วมหลับนอนกับผู้หญิงคนนั้นเขาแค่อยากเอาคืนให้หนักกว่าสิ่งที่เธอเคยทำกับไร่พร้อมรักเมื่อเกือบสามปีก่อน ในเมื่อเธอความทรงจำจางหายก็ดีเหมือนกันเขาจะสร้างให้ใหม่เอาให้ลืมไม่ลงเหมือนเขาไปเลย
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงฤทธิ์ยาคงไม่แรงอย่างที่ไอ้ชายมันบอกคงไม่มีใครทนได้นานขนาดนี้แน่นอนเมื่อคิดว่าสั่งสอนพอเป็นพิธีเขาจึงเปิดกระปุกเอายาถอนไปให้ คนอย่างเขาไม่ฆ่ารวดเดียวให้ตายไวหรอกอย่างที่บอกมันต้องค่อย ๆ แล่เนื้อแล้วเอาเกลือทาไปนาน ๆ ถึงจะสาสมกับความแค้นในใจของเขา