bc

เชลยรักพ่อเลี้ยงบ้านไร่

book_age18+
802
ติดตาม
3.8K
อ่าน
จบสุข
เจ้านาย
เบาสมอง
ฉลาด
ออฟฟิศ/ที่ทำงาน
friends with benefits
assistant
like
intro-logo
คำนิยม

สิ่งที่เมยาวีได้ทำไว้ต่อให้อีกสิบปีพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ไม่มีวันลืม ทรมาน กักขัง ทำร้ายจิตใจ สารพัดอย่างที่ต้องการจะเเก้เเค้นหญิงสาวเเต่เมื่อความจริงกระจ่างเหมือนตัวเองโดนลากไปตบกลางสี่เเยกต่อด้วยโดนค้อนปอนด์ทุบหนัก ๆ เขาเเก้เเค้นผิดคน...

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
ตอนที่ 1 ลักพาตัว
ตอนที่ 1 ลักพาตัว บรรยากาศเบื้องหน้าทำให้ผู้ที่คลั่งไคล้ธรรมชาติตัวยงถึงกับต้องสะกิดพี่วินให้จอดข้างทางสองมืออ้าออกกว้างสูดดมอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางป่าเขียวขจีเข้าจนเต็มปอด “เร็วเถอะคุณ เดี๋ยวก็มืดค่ำ” “จ้า” รอยยิ้มหวานจุดติดบนใบหน้าสองมือกระชับเป้ไว้แน่น เดินขึ้นวินมอเตอร์ไซค์อีกครั้งเป้าหมายคือหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่อีกหลายกิโลเมตรกว่าจะถึง ก่อนหน้านี้เธอเดินทางมากับรถประจำทาง แต่ระหว่างทางดันเกิดอุบัติเหตุขึ้นทำให้การจราจรติดขัดมาถึงตัวอำเภอ รถขึ้นเขาไปยังหมู่บ้านที่เธอจะไปก็ดันหมดแล้วเลยจำใจได้เหมาพี่วินให้มาส่ง ซึ่งพอถึงหมู่บ้านจะมีรถจากโรงแรมมารับไปพักผ่อนหย่อนใจในสถานที่ที่ไกลบ้าน ไกลผู้คนพาตัวเองมาให้ธรรมชาติบำบัด “พี่วินคะไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้” เธอกลัวความเร็วมากไม่ชอบเลยที่เห็นรถสวนกันไปมาด้วยความเร็วยิ่งถนนหนทางไม่ดีแบบนี้แล้วด้วย “หนูกลัวค่ะ” “กลัวอะไรล่ะแม่หนูลุงยังต้องไปวิ่งอีก” วินมอเตอร์ไซค์ไม่ผ่อนความเร็วลงสักนิดเดียว หญิงสาวจับสายสะพายเป้ไว้แน่นพยายามหรี่ตามองทางคดเคี้ยวในใจก็ลุ้นไปทุกโค้ง ผ่านไปหลายกิโลเมตรก็ยังไม่ถึงหมู่บ้านที่เธอต้องลงสักทีเป็นครั้งแรกที่คิดว่าการท่องเที่ยวตัวคนเดียวมันจะเดินทางลำบากขนาดนี้ ปี้บ ๆ ปี้บ ๆ “เฮ้ย!!” “กรี๊ดดดด!!” แสงไฟสาดส่องมาตรงหน้าวินาทีนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากแรงเหวี่ยงของมอเตอร์ไซค์ในจังหวะหักหลบรถบรรทุกหกล้อทำให้สองร่างพุ่งลงข้างทาง หญิงสาวนั่งด้านหลังลอยหวือออกจากเบาะท้ายด้วยความแรงและเร็ว แสงแดดยามสายสาดส่องเข้ามาผ่านช่องว่างของปีกไม้คนนอนบนฟูกเก่า ๆ เริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาลำแขนเขียวช้ำยกขึ้นมาบดบังแสงแดดเจ้าปัญหาแต่พอขยับตัวก็รู้สึกเหมือนกระดูกจะร้าวไปทุกส่วน กระพริบตาสองสามทีเพื่อปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงแดด มือข้างหนึ่งยกขึ้นมากุมหัวตัวเองไว้เพราะว่ามันปวดเหลือเกิน ใบหน้าเหยเกหันมองไปรอบ ๆ ปรากฏว่ามันเป็นบ้านไม้ไม่มีของตกแต่งอะไรเลยมีเพียงฟูกเก่า ๆ ที่ตนนั่งอยู่ในตอนนี้แล้วก็ผ้าห่มด้ายย้วยหนึ่งผืน ที่นี่ที่ไหน? “ตื่นแล้วเหรอ กินข้าวต้มแล้วก็กินยาแก้ปวดด้วย” เพล้ง! หญิงสาวสะดุ้งเมื่อถาดอาหารสเตนเลสถูกวางลงอย่างแรงต่อหน้าตัวเองระยะที่ใกล้กว่านี้คงวางลงบนขาเธอแล้ว “มองทำไม อยากโดนหรือไง!” หญิงร่างท้วมยกมือขึ้นสูงเมื่อเห็นคนเนื้อตัวเขียวช้ำสะดุ้งหดตัวหลบก็ได้แต่จุดยิ้มมุมปาก สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “ฉันอยู่ที่ไหนเหรอจ๊ะ” “ไม่ต้องอยากรู้ รีบกินก่อนที่จะอดไปอีกวัน” พูดจบก็หมุนตัวก่อนจะเดินออกไป หญิงสาวหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มเข้าปากแต่ก็ต้องคายทิ้งในทันทีมันเย็นชืดนอกจากนั้นยังเค็มมากจนเธอรับไม่ไหว “กระแดะ” เสียงเหน็บแนมดังมาเมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นกลับเข้ามาอีกครั้งสาวเจ้าก็ถอยหนีอย่างหวาดกลัว “กลัวเหรอ แม่มดอย่างเธอไม่น่ากลัวใครนะ” พูดจบก็ย่างสามขุมเข้ามาใกล้หยิบเม็ดยาขึ้นมายัดใส่ปากอีกคน “กินเข้าไปสิ คนอย่างเธอตายตอนนี้มันง่ายไป” “อื้อ! โอ๊ย แค่ก ๆ” ทั้งโดนจับยัดเม็ดยาตามด้วยกรอกน้ำใส่ปากหญิงสาวจึงไอหน้าดำหน้าแดงเพราะสำลักน้ำ “หน้าจับหักคอให้ตาย!” สะดุ้งเฮือกฮึบไว้แทบไม่กล้าไอออกมาเสียงดังด้วยซ้ำเริ่มถดถอยไปติดกับปีกไม้ความกลัวบวกกับความงุนงงกำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง “เมยาวีเธอมันนังแม่มด!” สายตาที่มีแต่ความโกรธแค้นทำให้หญิงสาวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตาด้วยซ้ำ “ฉันชื่อเมยาวีเหรอคะ?” “งั้นคิดว่าจะชื่ออะไร นางฟ้าเหรอ” เท่านั้นหญิงสาวก็ไม่กล้าถามต่ออีกแล้วหมายความว่า ‘เธอชื่อเมยาวีสินะ’ นั่นคือสิ่งที่เธอคิดออกในตอนนี้ความปวดหัวจี๊ดเข้ามาจนต้องเบ้หน้ายกมือสองข้างขึ้นมาจับหัวตัวเองไว้เหมือนมันกำลังจะระเบิด “นั่นใครเหรอพี่รัม” “แม่มดน่ะสิ” “เห็นมาเป็นเดือนล่ะ ประจำสวนไหนกันแน่” “มึงไม่ต้องไปสงสัยหรอกนังมด รีบกินรีบไปเถอะ” รัมภารีบแย้งขึ้นไม่อยากหายใจใต้ชายคาเดียวกับผู้หญิงจิตใจอำมหิตคนนั้น “ฉันก็สงสัยนี่จ๊ะ เห็นทำงานในไร่มาเป็นเดือนแล้ว” “แกนี่มัน ช่างเถอะอิ่มแล้วก็ไปทำงาน!” “เธอชื่ออะไรเหรอจ๊ะ” “เมยาวี ชื่อเล่นเมยมั้ง” “ดูผิวขาว ๆ นั่นสิจะทนได้เท่าไหร่กัน” “ไม่ใช่เรื่องของมึง รีบไป” รัมภาเดินไปก่อนคนงานรุ่นน้องเพราะมันเอาแต่ถามถึงผู้หญิงคนนั้นอยู่ได้ หญิงสาวนั่งอยู่โต๊ะด้านข้างได้ยินทุกอย่างแม้กระทั่งสิ่งที่คอยเฝ้าถามตัวเองมาตลอด ‘เธอชื่อเมยาวีหรือเมยนี่เอง’ เงยหน้ามองนาฬิกาแขวนไว้บนฝาผนังบ่งบอกว่าใกล้จะถึงเวลาเข้างานแล้วทั้งที่เธอพึ่งขึ้นมาจากไร่ได้แค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น ด้วยความรีบเร่งเพราะถ้าไปสายก็จะโดนหัวหน้างานดุด่า หญิงสาวไม่ชอบแบบนั้นเลย เพล้ง! “อ๊ะ!” คนที่พึ่งรู้ชื่อตัวเองหลุบตามองถาดข้าวกระจัดกระจายทั่วบริเวณที่ตัวเองยืนอยู่ ด้วยความไม่ระวังและความเร่งรีบของเธอทำให้ตอนที่ลุกขึ้นจากม้านั่งชนเข้ากับคนเดินสวนทางไปมา “ไม่มีตาหรือไงวะ!” ผู้ชายผิวแทนตัวใหญ่สะบัดน้ำแกงบนเสื้อตัวเองใส่ผู้หญิงตรงหน้า คนทำผิดได้เพียงแต่ยกมือขึ้นมาบดบังน้ำแกงแสบผิวนั่นไว้ย่อเข่าลงเก็บถาดอาหารของตัวเองปากก็ละล่ำละลักขอโทษขอโพยคนที่ตัวเองเผลอไปชนเข้า “น่าตบสั่งสอนจริง ๆ” หญิงสาวหดคอถอยหนีมองซ้ายขวาก็ได้แต่ใช้มือสองข้างของตัวเองหอบเศษกับข้าวกลับมาใส่ถาดตัวเองเร็ว ๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเอาถาดข้าวไปล้างตอนนี้ใกล้เวลาลงงานแล้ว หญิงสาวหดคอถอยหนีมองซ้ายขวาก็ได้แต่ใช้มือสองข้างของตัวเองหอบเศษกับข้าวกลับมาใส่ถาดตัวเองเร็ว ๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเอาถาดข้าวไปล้างตอนนี้ใกล้เวลาลงงานแล้ว “มาสายอีกแล้ว วันนี้เงินเดือนออกด้วยมาสายเกือบตลอดจะเหลือเงินเท่าไหร่” หัวหน้างานเห็นลูกน้องใหม่ของตัวเองก็อดที่จะด่าไม่ได้ หญิงสาวผู้พึ่งมาถึงได้แต่ก้มหน้างุดรับฟัง เธอมาสายเกือบทุกวันเพราะงานของเธออยู่ท้ายไร่ต้องเดินเป็นกิโลกว่าจะถึงคนงานคนอื่นเขามีรถจักรยานไม่ก็รถมอเตอร์ไซค์ส่วนเธอมีแต่รองเท้าเก่า ๆ ขาด ๆ แถมช่วงแรกหล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสวนอยู่ตรงไหนกว่าจะหางานของตัวเองเจอก็ไปถึงบ่ายแล้ว ที่ดินเป็นพันไร่แต่ต้องมางมหาเองว่าหน้างานตัวเองอยู่ที่ไหน หลังจากทำงานหามรุ่งหามค่ำจวบจนเวลาเลิกงานหญิงสาวก็รีบพาตัวเองวิ่งมาจากท้ายไร่สังเกตคนงานเอาว่าเขาเดินไปรับเงินกันที่ไหนแม้แต่เรื่องนี้หัวหน้างานยังไม่บอกเธอเลย พอมาถึงก็เห็นว่าไม่มีผู้คนแล้วแถมกำลังจะพับโต๊ะเก็บ “กว่าจะมาถึง” สายตาตำหนิทำให้หญิงสาวย่นคอหนีเดินประสานมือไว้ตรงหน้าก้าวเข้าไปหาบุคคลที่น่าจะเป็นคนจ่ายเงินคนงาน ไม่กล้าแม้จะเงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำจนได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าเงินยื่นมาตรงหน้าเท่านั้นน้ำตาหล่อนก็ไหลลงมาอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ “หักแล้วเหลือหมื่นกว่า ถ้าไม่อยากถูกหักเยอะก็อย่าทำลายข้าวของพังเข้างานให้ตรงเวลาด้วย” “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” รอยยิ้มแรกในรอบเดือนพร้อมกับน้ำตาแห่งความดีใจ “ไปพูดดีด้วยทำไมพ่อเลี้ยงมาได้ยินมึงจะได้หางานใหม่เอา” “อ้าวทำไมล่ะพี่” “คนนี้ห้ามทำดีด้วย!” “หา?” “เชื่อที่พูดแล้วจะได้ทำงานที่นี่ต่อ” หญิงสาวได้ยินทั้งหมดเพราะหล่อนยังเดินไปไม่ไกลเสียงนั้นก็ดังขึ้น รอยยิ้มแห่งความสมเพชในชีวิตของตัวเองพร้อมกับหยาดน้ำตาคำถามมากมายเกิดขึ้นไม่รู้จบ เธอเป็นใครกันแน่? ทำงานที่ไร่แห่งนี้มานานเท่าไหร่แล้ว? ทำไมคนที่นี่ถึงดูไม่ค่อยชอบเธอเอาเสียเลย? บ้านไม้ทรงโมเดิร์นขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนเขาบรรยากาศรอบด้านน่าอยู่ทิวทัศน์ที่เรียกว่าหาชมได้ยากมากในประเทศไทย แต่บ้านหลังนี้กลับตั้งอยู่กลางธรรมชาติใครบ้างจะไม่รู้ว่าบ้านหลังใหญ่โตนี้เป็นของตระกูลใด ‘ไร่พร้อมรัก’ เป็นไร่เกษตรแบบผสมผสานของพ่อเลี้ยง ‘อินทัช’ และแม่เลี้ยง ‘เรวดี’ ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่ได้ย้ายไปอยู่กับลูกชายคนเล็กที่ต่างประเทศแล้วเมื่อสองปีก่อนหลังจากลูกชายคนโตอย่าง ‘พ่อเลี้ยงสิงหราช’ ลูกชายคนโตของพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงกลับมาบริหารที่ไร่แล้วทุกอย่างมันอยู่ตัวกำไรเพิ่มพูนขึ้นเป็นเท่าตัว ชาวบ้านต่างขนานนามว่าไร่พร้อมรักเหมือนมีราชสีห์มาปกครอง ทั้งเจ้าเล่ห์ ฉลาดเป็นกรด ที่สำคัญใครก็รู้ว่าพ่อเลี้ยงสิงห์ดุแค่ไหน แต่ว่าหน้าตาอันหล่อเหลาเหมือนไม่ใช่มนุษย์มันกลับน่ามองแม้จะต้องแลกกับการได้รับสายตาตำหนิกลับมาก็เถอะ ร่างสูง 187 เซนติเมตร เดินออกมาจากห้องมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ ลำแขนแข็งแรงกำลังใช้ผ้าขนหนูซับที่ผมตัวเอง สายตาดุดันเพ่งมองไปยังไร่ส้มขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตาด้านล่างตีนเขาอาณาเขตกว่าสองพันไร่ครอบคลุมไปยังภูเขาเกือบสามลูกเป็นของไร่พร้อมรักทั้งหมด แต่ไร่พร้อมรักไม่ได้ทำแค่สวนส้มมีทั้งพืชผักผลไม้ตามฤดูกาลอีกด้วย ผิวสีแทนตามประสาคนทำงานตากแดดตากลมยกขวดครีมขึ้นมาบีบใส่มือก่อนจะทาไปตามร่างกายและซอกหลืบต่าง ๆ ที่มองไม่เห็นแม้จะเป็นชายชาตรีแต่การดูแลตัวเองนั้นเป็นเรื่องปกติ ชโลมผิวด้วยครีมราคาตามท้องตลาดเป่าผมเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาจากห้องนอนไปยังห้องทำงานชั้นหนึ่ง “สวัสดีครับพ่อเลี้ยง” ชาลี คือผู้จัดการไร่พ่วงด้วยตำแหน่งผู้ช่วยของพ่อเลี้ยงสิงห์ “อืม” คนพึ่งลงเครื่องกลับมาจากต่างประเทศพยักหน้าให้ลูกน้องคนสนิทเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้บุนวม “รายงานทางการแพทย์บอกว่าผู้หญิงคนนั้นมีภาวะความจำเสื่อมชั่วคราวครับ” ชาลีวางผลตรวจทั้งหมดลงบนโต๊ะต่อหน้าเจ้านายหนุ่ม สายตาคมดุเพ่งมองไม่ได้หยิบเอกสารพวกนั้นขึ้นมาอ่านเพราะคิดว่าไม่จำเป็นต่อให้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นจะตายมันก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่ดี “เอายังไงต่อครับ” “ฉันพึ่งจะเข้าใจประโยคที่ว่า สิบปีแก้แค้นก็ยังไม่สายชาลี” ชาลีกลืนน้ำลายลงคอดังอึกทั้งสายตาและน้ำเสียงบ่งบอกว่าพ่อเลี้ยงเตรียมการกว่าจะมีวันนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย อ้อยเข้าปากช้างมันจะรอดได้ยังไง มองไม่เห็นหนทางเลยจริง ๆ “ฉันจะไม่บีบทีเดียวหรอกชาลี ผู้หญิงแบบนั้นมันต้องค่อย ๆ บีบ ค่อย ๆ เฉือนเนื้อทีละแผลพร้อมกับเอาเกลือทา” ชาลีรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวเวลาปกติพ่อเลี้ยงสิงห์ก็ถือว่าเป็นคนดุ โหด อยู่เป็นทุนเดิมยิ่งได้มาเจออริเก่าเหมือนหนามแทงใจมากว่า 3 ปี แบบนี้แล้วความโหดของพ่อเลี้ยงที่แสดงออกมาเขาเองที่ทำงานมาด้วยหลายปีน้อยครั้งจริง ๆ ที่จะเห็นพ่อเลี้ยงสิงห์มีท่าทีน่ากลัวแบบนี้

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.9K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.7K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.2K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
39.8K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
14.7K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook