“เอ้อ...ค่ะ” ทิพชยาพยักหน้าหากก็อดที่จะรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ ก็แค่มาขอพบแขกที่เข้าพักในโรงแรม ถึงจะเป็นโรงแรมหรูหราก็เถอะไม่น่าจะต้องมีขั้นตอนมากมายแบบนี้ หญิงสาวเหลือบมองพนักงานโรงแรมที่ดูบัตรประจำตัวของเธออย่างละเอียดก่อนยกหูโทรศัพท์ขึ้นและพูดด้วยภาษาฝรั่งเศสซึ่งเธอเองฟังไม่ค่อยถนัดนัก สักครู่เขาจึงวางหูโทรศัพท์และคืนบัตรให้เธอ
“ขอเชิญคุณทิพชยาไปรอที่นั่งทางโน้นก่อนนะครับ สักครู่จะมีคนมาพาคุณไปพบกับคุณรอชนีเชนโกที่ห้องพัก”
หญิงสาวจำต้องทำตามพนักงานโรงแรมด้วยการไปนั่งรอที่ซึ่งมีเก้าอี้ไว้รองรับแขก อย่างไรก็ดีเธอก็เบาใจไปเปลาะหนึ่งว่าโคเลสนิกยังอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหน เธอนั่งอยู่ที่นั่นนานกว่าครึ่งชั่วโมงและเกือบจะงีบหลับไปบนเก้าอี้ตัวยาวหากไม่ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณคือมิสไนต์ ใช่ไหมครับ?”
เสียงทุ้มกังวานนั้นทำให้ร่างเล็กสะดุ้งตื่น หญิงสาวซึ่งอยู่ในชุดกระโปรงสีพาสเทลเงยหน้าขึ้นมองชายร่างใหญ่ในชุดสูทที่เข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ ๆ
“ค่ะ...ใช่...ฉันคือทิพชยา ไนต์”
“ผมเอเลียส...จะพาคุณไปพบกับคุณรอชนีเชนโกครับ”
เท่านั้นเองสติของหญิงสาวก็กลับคืนมาเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ คนของโคเลสนิกมารับเธอ เขาคงเป็นบอดี้การ์ดเพราะดูจากรูปร่างกำยำสูงใหญ่และท่าทีอันสุขุมที่แสดงออก
ทิพชยาไม่รอช้า หญิงสาวรีบเดินตามชายร่างสูงใหญ่ไปยังลิฟท์ซึ่งพาเธอไปยังชั้นบนสุดของโรงแรม จู่ ๆ ความประหม่าก็เข้าจู่โจมความรู้สึกของหญิงสาว เธอคิดว่าเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วแต่ความตื่นเต้นก็เกือบจะทำลายทุกอย่างเมื่อหญิงสาวก้าวตามชายผู้นั้นมาหยุดหน้าห้องพักของคนที่เธอตั้งใจมาพบ
“เชิญคุณทิพชยาด้านในครับ ผมรายงานให้นายของผมทราบแล้วว่าคุณต้องการมาพบเขา”
น้ำเสียงของเขาเนิบลง ชายร่างใหญ่อายุน่าจะอยู่ที่ราว ๆ สามสิบก้มศีรษะลงก่อนเปิดประตูให้ร่างบอบบางก้าวเข้าไปด้าน ทิพชยาตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้ความประหม่าจะแล่นพล่านขึ้นมาหากเธอก็ต้องควบคุมร่างกายไม่ให้สั่น
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีพาสเทลสืบเท้าในรองเท้าส้นแบนเข้าไปภายในห้องพักอันโอ่โถง การตกแต่งภายในนั้นเต็มไปด้วยงานศิลปะลานตาทั้งภาพวาดและเฟอร์นิเจอร์อันหรูหรา ทิพชยากวาดสายตาไปรอบ ๆ ก่อนที่เสียงทุ้มกังวานจะดังมาจากอีกฟากหนึ่งของห้องโถงใหญ่
“สวัสดี...แทมมี่”
ร่างเล็กหันไปตามเสียงนั้น ดวงตาคู่งามฉายประกายระยิบระยับเมื่อเห็นว่า ใคร ที่ยืนอยู่ที่ประตูทรงโค้ง ร่างสูงใหญ่ผึ่งผายและหล่อเหลาบาดจิตในชุดสูทสีน้ำเงิน เรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตส่องประกายขับความคร้ามเข้มคมคายบนใบหน้าของโคเลสนิก รอชนีเชนโก หนุ่มเชื้อสายรัสเซียผู้มีรอยกดลึกที่สองข้างแก้มยามแย้มยิ้มทว่าเขากลับมองมาด้วยความเรียบเฉย
“สวัสดีค่ะ...คีธ...ฉันนึกว่าคุณจะจำฉันไม่ได้แล้วเสียอีก”
“ใครจะไม่รู้จักคุณ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่ากล่าวพลางยกยิ้มมุมปากซึ่งหญิงสาวไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่านั่นหาใช่รอยยิ้มที่เป็นมิตร
“ทิพชยา ไนต์ ลูกสาวยาซาโน่ ไนต์ โปรโมเตอร์ใหญ่ที่ใคร ๆ ก็รู้จักเขาดี”
“คุณสบายดีนะคะคีธ...ฉันไม่ได้พบคุณสองปี...เอ้อ...คุณดูเปลี่ยนไปมากเลยล่ะค่ะ”
ทิพชยาแทบไม่ได้สังเกตอากัปกิริยาของอีกฝ่าย เธอมัวใส่ใจอยู่กับความประหม่าและควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น โคเลสนิกมองหญิงสาว วันนี้เขาได้เห็นหน้าสาวน้อยวัยสิบแปดคนนั้นหลังจากที่ไม่ได้เจอเธอมาสองปี หลังจากที่เขาต้องหลีกลี้หนีจากอเมริกากลับไปยังรัสเซียเพื่อรักษาบาดแผลลึกซึ่งจนถึงบัดนี้เขาก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดสาหัสที่ฝังอยู่ในเลือดเนื้อ บาดแผลใหญ่ที่พ่อของเธอผู้นี้ฝังมันเอาไว้ในวิญญาณของเขา
“เราทุกคนต่างก็ต้องเปลี่ยนแปลง แม้แต่คุณก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนแทมมี่ที่ผมเคยเห็นเมื่อสองปีก่อน”
เขาว่าพลางก้าวไปหยุดที่เก้าอี้หลุยส์ตัวใหญ่และทิ้งตัวลงนั่งไขว่ห้างในขณะที่ดวงตาคู่คมจ้องหญิงสาวตรงหน้าไม่วาง
“ฉันไปเรียนต่อด้านการออกแบบเสื้อผ้าที่ลอนดอนน่ะค่ะ ฉันเพิ่งกลับอเมริกาเมื่อไม่กี่วันมานี้”
ร่างบอบบางเริ่มรู้สึกอึดอัด เธอจะเริ่มต้นทุกอย่างแบบไหนดี หัวใจของเธอว้าวุ่น ไม่ใช่แค่เรื่องที่เธอต้องมาเป็นธุระให้บิดาสำเร็จลุล่วงในวันนี้ แต่เธอยังต้องเผชิญกับความรู้สึกรุมร้อนที่แล่นพล่านขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ถึงแม้ตอนนี้โคเลสนิกจะผันตัวเองมาเป็นโปรโมเตอร์ใหญ่ ทว่าคราบของความเป็นนักมวยในตัวเขาก็ยังคงเปล่งรัศมีแรงกล้า ทั้งใบหน้าหล่อเหลานั้น ดวงตาสีน้ำตาลแกมทองแดงสะท้อนประกายดุจอำพันกร้าวกล้าที่แทบจะสยบความมุ่งมั่นของเธอได้ราบคาบ เรือนร่างสูงใหญ่กำยำที่ชุดสูทหรูระยับไม่อาจปกปิดมัดกล้ามทุกมัดภายใต้นั้นได้
“นั่งสิ” ชายหนุ่มกล่าวสั้น ๆ น้ำเสียงของเขาเริ่มดุดันหากก็ยังไม่เป็นที่สังเกตของหญิงสาวที่ยืนเก้ออยู่ดี ทิพชยานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเขา เห็นโคเลสนิกชัดเจน ใบหน้านั้นใช่จะอยู่ในดวงตาของเธอแต่ยังติดลึกอยู่ในความรู้สึกเสมอ
“ปกติผมจะไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบในช่วงเวลาพักผ่อน ตารางงานของผมแน่นมากจนแทบจะหาเวลาว่างไม่ได้”