Chapter 9 : ก็คนมันหลงเด็ก
ในชุดนักศึกษาชุดเดิมนั้นเขาไม่ได้ขอให้เธอเปลี่ยนพอเจ้าตัวมีสายเข้า บรรดาเพื่อนฝูงรุมโทรหายิก ๆ เขาจึงปิดมือถือของตัวเองเพื่อนั่งรอเธอพูดคุยกับเพื่อนเรื่องรายงานไปเพลิน ๆ บนโซฟาตัวเดี่ยวหน้าเตาผิงที่มีไว้แค่ตั้งโชว์สำหรับเมืองร้อน
ได้ยินภาษาทางการแพทย์การเรียกชื่อยาหลายชนิด ซึ่งเธอทำผิดไปหลายหน้ากระดาษ ไอรีนรู้สึกเสียหน้าราคาคุยอยู่ไม่น้อย เพราะคุณท่านชอบบอกใครต่อใครว่าเธอเรียนเก่งความจำดี
“เออ ๆ แค่นี้ก่อนนะแก ฉันอยู่บ้านเจ้านายมาช่วยแม่ทำงาน พรุ่งนี้ฉันทำให้ใหม่ละกัน เดี๋ยวไปเช้าหน่อย”
หญิงสาววางสายจากเพื่อนร่วมคลาสคนสนิทก่อนหันไปทางเก้าอี้ตัวโซฟากำมะหยี่สีแดงตัวข้าง ๆ กัน เขาเอี้ยวตัวมาทางเธอที่มัวแต่คุยโทรศัพท์จนลืมไปว่านั่งอยู่ในห้องหนังสือกับผู้ชายสองต่อสอง เธอรีบยกมือเร็วพอ ๆ กับถูกปราม
“ไม่ต้องไหว้... จะไหว้ทำไมบ่อย ๆ เล่า เธอเห็นอาเป็นศาลพระภูมิหรือไง?”
“ขอโทษค่ะ รินวางตัวไม่ถูก กลัวจะถูกคุณอาว่า... วันนั้นคุณอาบ่นว่าริน...”
เห็นท่าทางนั่งคอตกของเธอแล้วชายหนุ่มคงรู้สึกผิดที่เคยพูดจาไม่ดี เขาพอทำใจได้บ้างแล้วเรื่องบิดาที่ลาจากโลกไปก่อนวัยอันควร หลังไว้ทุกข์มาหลายวัน
“อาว่าอาต้องขอโทษมากกว่า วันนั้นอาคงอารมณ์ไม่ดี วันนี้ต้องท่องหนังสือไหมล่ะ สอบเป็นยังไงบ้าง?”
“ดีค่ะ พอทำได้อยู่ แต่พักหลัง ๆ งานยุ่ง... ส่งงานผิดไปเยอะค่ะ”
“ทำไมล่ะ? งานเยอะไปหรือ...”
“ปละเปล่าค่ะ!” เธอยกมือโบกไปมาด้วยความตกใจเกรงว่าจะไม่มีงานทำ สำหรับเขาก็แค่ห่วง
“ถ้างานมันเยอะไปบอกอานะครับ มาปรึกษาได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเดือน ที่บริษัทเรามีนักศึกษาหลายคนอยู่ในโครงการ Learn&Earn เรื่องเรียนควรต้องมาก่อนนะถ้าเรื่องเงินไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก”
ศรัณย์วริศเห็นว่าครอบครัวเธอไม่ได้ลำบากขนาดกัดก้อนเกลือกิน หญิงสาวเองก็มีทรัพย์สินส่วนตัวหลายอย่างด้วยอายุเท่านี้ เขายังมีอีกเรื่องสำคัญ
“เอ้อ... อาว่าจะถามเธอหน่อย... เรื่องสัญญาพรีเซนเตอร์ที่จะต้องเซ็นปีต่อปี ปกติแม่เราเป็นคนเซ็นให้ ปีนี้เธอจะเซ็นต่อไหม?”
“เซ็นค่ะ รินคงไม่ไปทำงานบริษัทอื่น รินต้องเรียนหนังสือให้จบก่อนค่ะ” เธอตอบโดยไม่ต้องคิดเลยถึงต้องมาเปลี่ยนเจ้านายคนใหม่ไม่ทันตั้งตัว
ใต้ขนตางามงอนเป็นแพ ดวงตาคู่สวยกวาดมองรอบกาย ความกว้างของห้องหนังสือ ฟิกเกอร์การ์ตูนมังงะห้องเดียวมากกว่าห้องนอนห้องนั่งเล่นในบ้านเดี่ยวราคาล้านต้น ๆ อย่างบ้านเธอเสียอีก ปกติบรรดาแม่บ้านได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องนี้แค่เดือนละครั้งเพื่อคอยกำชับสั่งนักทำความสะอาดฟิกเกอร์การ์ตูนว่าพวกเขาต้องทำความสะอาดชิ้นไหนยังไง
ท่านทากะมีลิสต์รายละเอียดยิบย่อยในกระดาษยาวเป็นหางว่าว สำคัญที่สุดคือบางชิ้นห้ามแตะ! ท่านจะทำความสะอาดมันเองหรือมานั่งจ้องหน้าตาต่อตาจนขนลุกกันไปเลยทีเดียว
ไอรีนกำลังนึกถึงนิสัยแปลก ๆ ของเจ้าของบ้านหลังนี้ ไม่รู้ว่าลูกชายของเขาเป็นยังไง เธอแค่ต้องวางตัวให้ดีและระวังเพื่อไม่ให้แม่เดือดร้อนในภายหลัง กลายเป็นเขามาง้อเธอเสียอย่างนั้น
“คือวันก่อนอางานยุ่งมาก ๆ ยุ่งขนาดไม่ได้กินข้าวตั้งแต่หกโมงเช้ายันห้าโมงเย็น เลขาฯ เอาข้าวมาวางไว้น่ะ อายังไม่มีเวลาจะกินมัน แต่ว่าอยากคุยด้วยเลยไปหาที่สตูดิโอ แล้วอาต้องรีบกระโดดขึ้นรถไปเข้าประชุม... ไม่ทันได้บอก...”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณอา รินก็ยุ่ง ๆ รินลืมถามเหมือนกัน” หญิงสาวเกือบจะก้มหน้าลงมองพื้นแต่รู้ว่าเขาไม่ชอบ โทนสีห้องออกสีเขียวให้ความรู้สึกอบอุ่นเช่นเดียวกับแววตาของเขาที่นั่งเอียงตัวมาทางเธอ
“วันนั้น... อาหงุดหงิดนิดหน่อย แล้วอาเป็นพวกบ้ามังงะเหมือนโอโต้ซัง อาไม่อยากให้รินมองว่าอาเรื่องมากหรือว่าอาไม่ชอบรินนะครับ”
ดูแล้วก็ท่าจะชอบด้วยซ้ำไป! คุณอาเป็นฝ่ายเลิ่กลั่กเสียอาการยกมือขึ้นปัดปอยผมบนหน้าผาก เขาเป็นคนนิ่งแต่ตอนนี้เหมือนมือไม่อยู่เป็นที่ทาง
“ค่ะ รินเข้าใจ เป็นเรื่องปกติโอตาคุค่ะ รินจะพยายามรักษาภาพพจน์ตัวละครเวลาอยู่กับคุณอาแล้วกันนะคะ”
“ไม่ต้อง!” เขาโพล่งออกมา ก่อนปรับน้ำเสียงอ่อนลง “ไม่ต้องแล้ว เราเป็นเราเป็นแบบนี้แหละดี มันไม่ใช่เวลางานทำตัวสบาย ๆ นะ”
ไอรีนค่อนข้างงงกับเขาอยู่แต่ไม่ทันได้ทักถามว่าเขาจะเอาแบบนั้นจริง ๆ เหรอ? ให้เธอเป็นเธอ ชายหนุ่มวกกลับมาเข้าเรื่องเดิมซึ่งยังคุยไม่จบ
“เอ้อ... ถ้าอนาคตรินอยากไปรับงานที่อื่น อาว่าเธอคงไปได้ไกลกว่านี้ ของเก่ามันเป็นสัญญาเอาเปรียบพรีเซนเตอร์มาก... อาจะให้ฝ่ายกฎหมายเขาดูสัญญาอีกทีนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณอา แต่รินโอเคกับสัญญานะคะ ถ่ายแบบได้แค่บริษัทเดียวให้รักษาภาพลักษณ์ความน่ารัก เพอร์เฟคสไตล์ไอรีน ใส ๆ” เธอเกือบทำท่าอาโนเนะใส่เขาด้วยอีกแต่แค่ยิ้มไปเพราะคิดว่ามันไม่เหมาะ
อันที่จริงบริษัทนี้มีตัวละครตั้งเยอะแยะที่เธอเป็นพรีเซนเตอร์ บริษัทลูกในเครือมีงานอย่างอื่นเธอก็ไปถ่ายแบบ เธอดันมาดังและแจ้งเกิดแค่กับตัวไอรีน ไอซาว่า ลูกคุณหนูกิริยามารยาทงามทุกกระเบียดนิ้ว เทียบไม่ได้กับตัวเธอที่วัน ๆ มีแต่เรียนกับทำงาน
“อาว่าต้องแก้แน่ ๆ ล่ะ... อืม แล้วนี่ทำไมไม่เอาเวลาว่างไปอ่านหนังสือ ยังมาช่วยแม่ทำงานอีก”
“แม่รินบ่นปวดขาบ่อยค่ะ ช่วงนี้แม่ขี้ลืมด้วยรินเป็นห่วง รินเลยมาช่วยดูแลแม่อีกแรง งานจะได้ไม่มีปัญหาค่ะ”
ศรัณย์วริศไม่อยากก้าวก่ายเธอจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะห่วง
“มีอะไรให้อาช่วยก็บอกนะ โอโต้ซังฝากไอรีนไว้กับอาก่อนเสีย อาต้องมาดูแลเราอยู่แล้ว... ต่อหน้าอาก็... ไม่ต้องเป็นไอรีนแล้วเป็นเธอนี่ล่ะ อนาคตคนขายยา”
มันเป็นเรื่องเศร้าที่ทำให้ใจชื้น เธอคงไม่รู้ว่าพ่อของเขาจะตายยังนึกถึงไอรีน...
ทีแรกที่พบกันนั้นเขาคงโกรธ... น้อยเนื้อต่ำใจแต่พอมาคิด ๆ ดูอีกที เธอไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยกับการตัดสินใจฝ่ายเดียวของท่านประธาน เขาคงอยากหยอกแหย่เธอให้กลัวจนตัวงอจะได้ข่มได้ง่าย ๆ หรือไม่ก็... เล่นสนุกกับเธอเสียหน่อย
“ขอบคุณค่ะคุณอา แต่... เภสัชกรนะคะ เภสัชกร”
“ครับ เภ-สัช-ชะ-กร” เขาย้ำทีละคำให้สาวน้อยเลิกงอน แล้วยิ้มให้เธอพร้อมความรู้สึกบางอย่าง แสงอาทิตย์อ่อนเป็นใจกระทั่งแก้มขาวนวลที่กลายเป็นสีซับเลือดทำหนุ่มวัยสามสิบสี่ใจสั่น...
สีหน้าเหนื่อยล้าของเธอยังคงงดงาม เปลือกตาขาวนวลกะพริบปรือปรากฏนัยน์ตาสีสดสวยสีมรกตสะท้อนแสงจากโคมไฟแชนเดอเรียยามโพล้เพล้
“เราจะไปทำรายงานไม่ใช่เหรอ? รีบหรือเปล่าล่ะ อาเดินไปส่งได้นะ”
แต่ถ้าไม่รีบ กินข้าวเป็นเพื่อนก่อน คุยเป็นเพื่อนอาสักเดี๋ยว...
ศรัณย์วริศเก็บถ้อยคำนั้นไว้ในใจ ต่อให้เขาจะถูกชะตาสาวความคิดดีอย่างเธอสักเท่าไร เช่นเดียวกับตัวเธอ
ที่เคยรู้สึกไม่ดีกับเขาแต่ตอนแรกกลับมาพบหน้ากันอีกราวกับว่ามันไม่เคยเกิด เธอไม่ใช่คนคิดมากมายอะไร
“งั้นรินกลับบ้านพักแม่บ้านก่อนนะคะ” ตอบแล้วเธอจึงลุกขึ้นยืนประจวบเหมาะพอดีที่คนตัวสูงกว่าลุกพร้อมกัน หัวเข่าของเขาชนเข้ากับเข่าเธอจนโทรศัพท์จอใหญ่เกือบหล่น เป็นโชคดีของไอรีนที่มีคนรับไว้ทันทั้งมือถือและมือของเธอ
“ขอโทษค่ะคุณอา!” เธอสะดุ้งพลันดึงมือออกจากเขาที่ยื้อกลับเข้าหาตัว
อุบัติเหตุเป็นใจ ไอรีนไม่ต้องเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ แต่คุณอานี่สิจะเอายังไง!
ในระยะใกล้แค่รับรู้ถึงเสียงลมหายใจ เสื้อยืดสีขาวสะอาดติดกลิ่นหอมอ่อนของโคโลญจน์บุรุษร้อนแรง สุภาพ เย็นสบาย เขากระชับจับมือเล็กไว้แน่นอย่างถือวิสาสะ เธอจึงไม่กล้าปฏิเสธแต่ไล่สายตามองไปตามเคราเขียวครึ้ม ด้วยความที่ไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายถึงขนาดนี้
“ใจเย็น ๆ นะครับตั้งสตินิด เดี๋ยวของมันจะหล่นอีกนะ”
“ไม่ได้ค่ะรินตัวเหม็น” บอกทันที ชายหนุ่มทำจมูกฟึดฟัดโน้มตัวลงหาเส้นผมสีบรอนด์ทองอมน้ำตาลด้วยความหวังดีของเขาจริง ๆ
“ไม่เหม็นนี่... ก็หอมอยู่นะ...”
ไหน ๆ ก็ดมมาถึงผมแล้วเขาอยากให้แน่ใจจึงซุกปลายจมูกไว้เหนือหน้าผากเนียนโดยสัญชาตญาณสักอย่างของตน เขาดันเพิ่งนึกออกเองว่าลืมตัว!
ตาคมเบิกโพลงพอสาวน้อยเอี้ยวตัวหลบเขาพร้อมสีหน้าตัดพ้อ
“คืออาไม่ได้... ไม่ใช่... すけべ - sukebe”
“รินไม่ได้ว่าอะไรคุณอาเลยสักคำนะคะ”
ในฐานะลูกจ้าง ไอรีนไม่กล้าต่อว่ามือคุณอาไหนจะจมูกซุกซน ตัวเขายังทำไขสือ
“มันเรียกว่าอะไรนะภาษาไทย? อาลืม...”
“ลามก... ตาแก่ลามก”
“ออ... นั่นสิ อาแก่ลามก แต่ว่าอาเปล่าเป็นนะครับ อาแค่ดมให้ว่ามันไม่เหม็น” แถมเขายังไม่ยอมปล่อยมือนุ่มนิ่มของเธอซึ่งไม่ได้ทำความสะอาดมากมายเหมือนคุณแม่ รายนั้นคงหยาบกร้านตามอายุวัยด้วย เขาหยิบยกมันขึ้นมาอีกรอบให้แน่ใจ สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
“อืมไม่เหม็นนะ มีกลิ่นสบู่เพราะว่าเพิ่งล้างมือมา”
แม่บ้านสาวได้แต่ยืนนิ่งในท่าทางเป็นแมวหงอด้วยความที่ทำตัวไม่ถูก ไอโฟนสิบของเธอร้อนเหมือนแบตเตอรี่ใกล้ระเบิด! เพราะคุณอาดมไม่เลิก
“ขอโทษทีครับ... โทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ ไม่เลย...”
ศรัณย์วริศรีบบอกแล้วปล่อยสาวน้อยในชุดนักศึกษาอย่างเสียอกเสียดาย ก่อนที่เขาจะเดินนำเธอไป พร้อมลอบยิ้มกรุ้มกริ่มราวจิ้งจอกเจ้าเล่ห์