“ถึงแล้วก็รีบลงไปสิ” รถยนต์สีขาวของฮันนี่ขับเข้ามาจอดที่คอนโดหรูใจกลางเมือง คอนโดสูงตระหง่านที่อยู่ตรงหน้าบ่งบอกได้ถึงฐานะผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรื่องนี้ฮันนี่ไม่ได้แปลกใจเลยสักนิด หากวายุจะพักอยู่ที่คอนโดนี้
“......”
“อ้าว!! รีบลงไปสิ ฉันรีบมาก” ฮันนี่กัดฟันกรอดเอ่ยไล่วายุให้รีบลงจากรถของเธอ เมื่อชายหนุ่มหันหน้ามามองเธอด้วยใบหน้านิ่ง
“ต่อไปนี้ ผมจะอยู่กวนประสาทเธอ” น้ำเสียงเรียบเฉยเอ่ยพูดเนือย ๆ บอกกับหญิงสาวด้านข้างของตัวเอง สายตายังคงจับจ้องใบหน้าของเธอแทบไม่ละสายตา
“ไอ้!!” ฮันนี่ปรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง นิ้วเรียวยกขึ้นชี้หน้าวายุด้วยความไม่พอใจปนความโมโหกับผู้ชายคนนี้
“คิดดี ๆ ก่อนพูด อย่าใช้อารมณ์ เพราะผมไม่ชอบคนพูดหยาบ” น้ำเสียงทุ้มต่ำติดดุของวายุเอ่ยเตือนหญิงสาวที่เกือบเผลอพูดคำหยาบใส่เขา ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่ชอบเท่าไรนัก
จนทำให้ฮันนี่หยุดการกระทำของตัวเอง เพราะเธอเองพอจะรู้จักนิสัยใจคอของวายุอยู่ไม่น้อย และเธอก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแค่ขู่
เมื่อฮันนี่กลับมาเจอวายุอีกครั้งในรอบสองปีกว่า ทำให้เธอรับรู้ได้เลยว่า ผู้ชายคนนี้ดูโตขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก วายุที่เคยเป็นเด็กวัยรุ่นตอนนี้กลับดูโตเป็นหนุ่มจนแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยเล่า ฉันจะพูดยังไงมันก็เรื่องของฉัน” น้ำเสียงกระเง้ากระงอดตอกกลับวายุที่นั่งกอดอกจ้องมองใบหน้าสวยบึ้งตึงเหมือนกำลังอยากหักคอเขาอยู่ไม่ปาน
“ถ้ากล้าก็ลองดู” ประโยคเรียบเฉยที่คนฟังอย่างฮันนี่สัมผัสได้ถึงประโยคข่มขู่แฝงอยู่ในนั้น
“นี่นายวายุ ฉันถามจริง ๆ นะ นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่” ความอดทนอดกลั้นของฮันนี่เริ่มหมดลง เธอเริ่มกลับมามีสติอีกครั้ง
หลังจากที่สติของฮันนี่แทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหลังจากที่เห็นหน้าของวายุ เพียงแค่เห็นหน้าของผู้ชายคนนี้ทุกอย่างรอบตัวกลับอื้ออึ้งแทบคิดอะไรไม่ออก
“จะรู้ไปทำไม?”
“นายจะมากวนตีนฉันเรื่องอะไร ? ฉันไปทำอะไรให้นาย” ฮันนี่เองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมวายุถึงได้กลับเข้ามาวอแวในชีวิตของเธอ ชีวิตที่เริ่มสงบสุขของเธอกลับหายไปเมื่อได้เจอหน้าของผู้ชายที่ชื่อวายุ
“หึ!! จำไม่ได้” เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้น เพียงแค่วายุได้ยินประโยคคำพูดของฮันนี่กลับทำให้เขารู้สึกว่าหญิงสาวไม่ได้รู้สึกผิดในสิ่งที่เธอกระทำเอาไว้กับเขาเมื่อในอดีตที่ผ่านมา
“สิ่งที่ฉันจำได้คือ นายนั่นแหละที่เป็นคนกระทำฉันต่างหาก ลงไปจากรถฉันได้แล้ว”
“พูดอะไรของเธอวะ?” เสียงเข้มเอ่ยถามหญิงสาวด้วยความไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ฮันนี่ต้องการสื่อเลยสักนิด เขานี่เหรอ ? ทำเธอ!! เป็นเธอเองไม่ใช่เหรอที่ทำให้เขาเสียใจแทบบ้าเมื่อสองปีก่อน
“ลงมา!!” ร่างบางของฮันนี่เดินลงจากรถอ้อมไปเปิดประตูฝั่งคนขับ ก่อนที่เธอจะกระชากร่างสูงของวายุให้ลงจากรถของตัวเอง
ฮันนี่โมโหไม่น้อยเมื่อเห็นใบหน้างุนงงของวายุ ชายหนุ่มไม่ได้สำนึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองกระทำเธอในอดีตที่ผ่านมาเลยสักนิด แถมยังกล่าวหาเธออีกต่างหาก
“เฮ้ย!! เดี๋ยวล้ม” ร่างบางฉุดกระชากร่างสูงให้ลงจากรถของเธอโดยไม่ทันระวัง เกือบหงายหลังล้มลงกับพื้นแต่ดีที่วายุรั้งเอวบางเอาไว้ได้ก่อน
“ฉันจะเป็นยังไงก็เรื่องของฉัน” ฮันนี่สะบัดร่างสูงให้ห่างจากตัวเธอ ก่อนที่เธอจะรีบเดินขึ้นรถ และรีบขับออกไปจากคอนโดของวายุด้วยความเร็วตามอารมณ์กรุ่นโกรธของเธอ
“เธอหมายความว่าอะไรกันแน่?” เสียงทุ้มต่ำพึมพำกับตัวเอง สายตาของวายุยังคงจับจ้องไปยังรถยนต์ที่ตีไฟเลี้ยวออกจากคอนโดของเขาไปอย่างรวดเร็ว
คิ้วเข้มขมวดกันเป็นปมสงสัยไม่น้อยกับประโยคคำพูดของหญิงสาว บวกกับใบหน้ากรุ่นโกรธของเธอเหมือนอยากฆ่าเขาให้ตายคามือเธอ
เสียงเพลงดังกระหึ่มภายในผับที่มีเหล่านักศึกษามหา’ลัยดังเข้ามาใช้บริการ ซึ่งผับนี้จัดเป็นผับชื่อดังของกลุ่มวัยรุ่นอีกหนึ่งผับก็ว่าได้
เมื่อร่างสูงโปร่งของวายุในชุดเสื้อยืดและกางเกงยีนสีดำที่แสนจะธรรมดา แต่ราคารวมถึงแบรนด์เสื้อผ้าแทบไม่ต้องพูด เพียงแค่วายุปรากฏตัวขึ้นสายตาของสาว ๆ ภายในผับหันมามองชายหนุ่มลูกครึ่งใบหน้าหล่อเหลาเป็นตาเดียว
“กว่าจะมาได้นะมึง” คูเปอร์ที่นั่งดื่มอยู่ก่อนแล้วเอ่ยทักทายวายุด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดันเพื่อนรักของตัวเองที่มาช้าทั้งที่ไม่มีภาระอะไรใด ๆ เหมือนเพื่อนอีกคน
“ไอ้ฉลามล่ะ” วายุถามหาฉลามด้วยน้ำเสียงและท่าทางสบาย ๆ ก่อนที่ร่างสูงจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามคูเปอร์
“ป้อนนมให้เมียก่อนนอน เดี๋ยวมันก็ตามมา”
“อืม” เป็นอันรู้กันเรื่องอาการติดเมียของฉลามที่เพื่อนในกลุ่มทราบดี พวกเขาเริ่มชินกับเรื่องแบบนั้นจนไม่ได้ถามอะไรให้มากความ ถึงแม้จะถามอะไรไปก็คงไม่ได้คำตอบจากฉลามอยู่ดี
“ว่าแต่มึง ทำไมไม่เอารถกลับคอนโดวะ” คูเปอร์เงยหน้าจากแก้วเหล้าขึ้นมาสบตากับวายุที่กำลังกระดกเหล้าสีอำพันเข้าปากพรวดเดียวหมดแก้ว
“ขี้เกียจขับ” วายุตอบกลับคูเปอร์ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับแก้วเหล้าที่อยู่ในมือต่อ
“แต่ละคำตอบที่กูได้จากมึง กูปวดประสาทฉิบหาย” คูเปอร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเอือมระอา เขาส่ายศีรษะเบา ๆ กับคำตอบที่กวนประสาทของเพื่อนรัก
“มึงก็อย่ารู้เรื่องคนอื่นมากสิวะ” คูเปอร์เป็นผู้ชายช่างถามจนเหมือนกำลังจับผิด ซึ่งคนที่มีพิรุธอย่างวายุไม่ชอบอยู่แล้วที่ถูกถามเซ้าซี้มากความ
“นี่มึงหาว่ากูเสือก!!” ใบหน้าและน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเอ่ยถามเพื่อนให้มั่นใจอีกครั้งโดยที่ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“เออสิวะ” วายุตอบกลับคูเปอร์ด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว ไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะตอบคำถามเพื่อนรักของตัวเอง
“สรุปไอ้ฉลามไม่มาแล้วเหรอวะ?” หลังจากที่นั่งดื่มไปได้สักพัก วายุจึงเอ่ยถามหาเพื่อนรักอีกคนด้วยความอยากรู้และคำตอบที่ได้จากคูเปอร์ ทำให้ร่างสูงพยักหน้ารับรู้โดยไม่ได้ถามอะไรต่อให้มากความ
“เมียมันไม่สบาย”
“อืม”
“ไอ้วายุสาวสวยกลุ่มนั้นกำลังมองมึงว่ะ” ตาเจ้าเล่ห์ของคูเปอร์หันไปมองสาวสวยที่นั่งอยู่โต๊ะด้านข้างของพวกเขาซึ่งอยู่ห่างไม่ไกลนัก และสายตาของสาวสวยคนนั้นกำลังจับจ้องมาที่วายุแทบไม่ละสายตา
“แล้ว?” หางคิ้วขวาเลิกขึ้นเป็นเชิงถามคูเปอร์ด้วยความไม่เข้าใจความหมายที่เพื่อนของตัวเองกำลังสื่อออกมา
“ไม่สานต่อวะ? หัดหาความสุขให้กับตัวเองบ้าง” คูเปอร์หนุ่มเจ้าชู้ประจำกลุ่มเอ่ยบอกกับวายุด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม
“ไม่!! เรื่องแบบนี้กูขอบาย”
“เหอะน่า เอาหน่อย อีกอย่างมึงก็โสดจะกลัวอะไร” วายุมีเรื่องที่คล้ายคลึงกับฉลามอยู่บ้าง แต่เรื่องที่เหมือนกันของทั้งสองคือเรื่องผู้หญิง เพราะเพื่อนของพวกเขาทั้งสองไม่สันทัดเรื่องแบบนี้ หรือพูดง่าย ๆ คือไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงหน้าไหนสักคน
“กูไม่ได้กลัว แต่กูไม่ชอบ”
“ไม่ทันละ กูเรียกสาวสวยมาให้มึงละ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของคูเปอร์ เขาสอดสายตาท้าทายมองเพื่อนรักด้วยแววตาขบขัน
“มึงเรียกมา มึงก็รับผิดชอบเองดิ” ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมกับเดินออกจากผับทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องโวยวายหรือแม้แต่จะหันกลับมามองคูเปอร์เลยสักนิด รวมไปถึงสาวสวยที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาซึ่งหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้ย!! ไอ้วายุ มึงจะหนีเหมือนคนกลัวเมียแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย”