Chapter 4
เสน่หามัดใจ (1)
ชลาธารสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อทุกอย่างจบลงเพราะมารผจญมาขัดจังหวะ สายตาคู่คมจับจ้องไปยังบานประตูเมื่อกำลังตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะเดินไปเปิดประตู แล้วหากคนข้างนอกพรวดพราดเข้ามาเห็นสภาพของจันทร์กะพ้อในตอนนี้ มีหวังจะต้องเคลียร์กันยาวแน่นอน การที่เขาชะงักไปเพราะกำลังอยู่ในช่วงละล้าละลัง ทำให้จันทร์กะพ้อได้โอกาส หญิงสาวรวบรวมกำลังทั้งหมดผลักไปที่แผงอกกว้างอย่างแรงจนอีกฝ่ายเซไปเล็กน้อย ก่อนที่จะรีบวิ่งถลาไปเปิดประตู
“แยม!”
ปกรณ์ตกใจเล็กน้อย เมื่อน้องสาวของตนวิ่งสวนออกมาด้านนอกแล้วไปหลบอยู่ด้านหลัง ราวกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ร่องรอยหยาดน้ำตาที่ยังไม่แห้งเหือดไปจากดวงตาทั้งสองข้าง ทำให้ชายหนุ่มตวัดสายตามองชายหนุ่มที่อยู่ในห้องอย่างไม่เป็นมิตรทันที
“แยม! เกิดอะไรขึ้น”
“พี่ใหญ่…เอ่อ”
จันทร์กะพ้อกระอึกกระอัก สองจิตสองใจว่าจะบอกความจริงหรือจะโกหก กลัวว่าเหตุการณ์จะรุนแรง ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่เป็นผลดีกับพี่ชายเธอ ซ้ำยังจะอายพนักงานที่กำลังมองมาอย่างสนใจด้วย ขณะที่ชลาธารทำเป็นไม่ใส่ใจกับผู้มาใหม่ ชายหนุ่มเดินยิ้มกริ่มเฉียดผ่านหน้าสองพี่น้องไป จงใจสบตากับปกรณ์อย่างท้าทาย เมื่อเห็นท่าทีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จันทร์กะพ้อจึงตัดสินใจโพล่งออกมาด้วยความเสียใจและอัดอั้น ที่ต้องมาถูกลวนลามโดยที่อีกฝ่ายไม่คิด
จะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นแม้สักนิด
“พี่ใหญ่ พาแยมกลับบ้านที”
“เกิดอะไรขึ้น แล้วร้องไห้ทำไม”
“แยมอยากกลับบ้าน”
“คุณไม้เขาทำอะไร”
ปกรณ์เอ่ยถามพลางหันไปทางชลาธารที่กำลังจะเดินออกไปจากออฟฟิศ ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มรีบสาวเท้าตามไปดักหน้าอีกฝ่ายเอาไว้ สายตาจับจ้องมองใบหน้าเย่อหยิ่งถือดีของลูกชายเจ้าของไร่อย่างเอาเรื่อง ชายหนุ่มคิดเอาไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาจะต้องคาดคั้นเอาความจริงให้ได้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองเข้าไปทำอะไรในห้อง น้องสาวของเขาจึงมีสภาพอย่างที่เห็น
“คุณไม้ หยุดก่อนครับ”
ชลาธารชะงักฝีเท้าเมื่อถูกขวางเอาไว้ หรี่ตามองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า รอยยิ้มหยันผุดขึ้นทันใดเมื่อคิดไปถึงว่า คนเป็นพี่น้องกันจะต้องรู้เห็นในพฤติกรรมกันชนิดหมดไส้หมดพุง และชายหนุ่มตรงหน้าอาจจะรู้เห็นเป็นใจยุยงอยู่เบื้องหลังให้น้องสาวเอาตัวเข้าแลกเพื่อเงินก็เป็นได้ เมื่อใจเชื่อเช่นนี้ อคติจึงบังเกิดในใจ สื่อผ่านแววตาที่จ้องตอบกลับมาอย่างไม่เป็นมิตร
“คุณทำอะไรแยม เธอจึงร้องไห้ออกมาแบบนั้น”
คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ท่าทียียวนกวนประสาทและรอยยิ้มหยัน ช่างไม่ถูกชะตาปกรณ์เอาเสียเลย หากไม่ติดว่าเป็นลูกชายเจ้าของไร่ เขาคงซัดปากให้หายซ่าไปสักทีสองทีแล้ว ปกรณ์คิดขณะลมหายใจเริ่มจะร้อนผ่าว เพราะดีกรีความร้อนในใจที่พุ่งสูงจนแทบจะระเบิดออกมา
“คุณไม้ ผมถามดีๆ นะ คุณทำอะไรน้องสาวผม”
“เปล่านี่ครับ ไม่ได้ทำอะไร”
“ผมไม่เชื่อ”
“ผมไม่ได้ทำอะไร ก็แค่จูบน้องสาวคุณ”
“อะไรนะ!”
“ก็น้องสาวคุณน่า…ชะมัด ผมก็เลยอดใจไม่ไหว”
“คุณทำอะไรลงไป รู้ตัวบ้างมั้ย!”
“ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร เพราะมากกว่าจูบน้องสาวคุณก็เคยผ่านมันมาแล้ว แค่นี้คงไม่บุบสลายมากไปกว่าเดิมหรอกนะครับ รึจะเถียง”
“ไอ้…”
พลั่ก!
หมัดหนักๆ สวนเข้าไปที่ใบหน้าคมคร้ามอย่างแม่นยำ เมื่อถ้อยคำดูถูกรุนแรงถูกพ่นออกมาจากปาก ชลาธารถึงกับเซไปเล็กน้อยเพราะหมัดนั้นแรงใช่เล่น ความเจ็บที่แล่นปราดเข้ามาทำให้ชายหนุ่มไม่ยอมยืนนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายได้กระทำฝ่ายเดียว เขาจึงสวนกลับไปเช่นเดียวกัน ความโกลาหลเกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างแลกหมัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความตกใจของพนักงาน ที่พากันกรูเข้ามาห้อมล้อมหวังจะห้ามทัพ ก่อนจะเจ็บตัวกันไปมากกว่านี้
“พี่ใหญ่ พอเถอะ อย่ามีเรื่องกันเลย!”
จันทร์กะพ้อเป็นคนแรกที่เสี่ยงตายปราดเข้าไปรั้งพี่ชายของตนเอาไว้ แต่ไม่อาจสู้แรงที่มีมากกว่าได้ เมื่อปกรณ์โกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาจึงไม่สนใจสิ่งรอบกายอีกต่อไป ชายหนุ่มสลัดพันธนาการของน้องสาวออกอย่างแรงจนหล่อนเซถลา อารมณ์ที่เดือดพล่านของทั้งสองยามนี้ยากจะดับลงได้อย่างง่ายดายเสียแล้ว
ชลาธารทำท่าจะเข้ามาซ้ำ จันทร์กะพ้อจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปรั้งร่างของเขาแทน ขณะที่ขวัญชนกได้เข้ามาช่วยอีกแรงหนึ่ง หล่อนจับปกรณ์เอาไว้ โดยมีพนักงานชายอีกคนมาขวางกลาง เพื่อแยกทั้งสองออกจากกัน
“คุณไม้ ฉันบอกให้หยุด!”
“มีสิทธิ์อะไรมาห้ามผม พี่ชายคุณทำร้ายผมก่อนนะแยม!”
“แยม ไปกอดมันไว้ทำไม ออกมาให้ห่างมันเลยนะ!”
“แต่…เขาจะทำร้ายพี่ใหญ่นะคะ”
“พี่บอกให้ออกมา!”
ปกรณ์ตะคอกเสียงดังลั่น เขาโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ถูกขวัญชนกกอดเอาไว้จนแน่นจากทางด้านหลัง เพื่อไม่ให้เขาได้เขาถึงตัวชลาธาร ซ้ำยังไม่พอใจที่น้องสาวของตนโอบกอดร่างของคู่กรณีเอาไว้เพื่อรั้งให้ออกไปจากตรงนี้ ขณะที่ชลาธารเองก็พยายามแกะท่อนแขนของจันทร์กะพ้อออกจากร่างของตน
“เดี๋ยว มีอะไรกัน!”
“ว๊าย! ตาไมค์”
น้ำเสียงแสดงถึงความตกอกตกใจดังแทรกขึ้น ทำให้ทุกคนชะงักและหันไปทางต้นเสียงเป็นตาเดียวกัน จันทร์กะพ้อรีบคลายอ้อมแขนออกจากร่างชลาธารแล้วถอยห่าง คุณนายกมลพรรณถึงกับหน้าซีดเผือดราวไก่ต้มเมื่อเห็นรอยช้ำและเลือดตรงบริเวณมุมปากของลูกชายสุดที่รัก มือขาวอวบยกขึ้นทาบอกรีบปราดเข้ามาใกล้ พร้อมสายตามที่มองไปรอบๆ อย่างคาดคั้นเอาคำตอบ ว่าใครที่เป็นคนก่อเหตุในครั้งนี้
การที่จันทร์กะพ้อเอาแต่ยืนก้มหน้า และพี่ชายของหล่อนก็มีสภาพไม่ต่างกับชลาธาร ทำให้กมลพรรณคิดเอาเองว่าต้องเป็นผู้จัดการไร่คนสวยอย่างแน่นอน ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดเรื่องในวันนี้ ยิ่งตอกย้ำความเกลียดชังให้เพิ่มขึ้นในใจอีกเป็นทวีคูณ เนื่องจากหล่อนไม่เคยมองผู้จัดการไร่สาวในแง่ดีอยู่แล้ว
“แยม เกิดอะไรขึ้น!”
“เอ่อ…”
การที่กมลพรรณคาดคั้นและยังมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ ทำให้จันทร์กะพ้อได้แต่กระอึกกระอักไม่กล้าพูด หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองชลาธาร ขณะสายตาคู่คมก็บังเอิญมองมาที่เธอเช่นกัน สายตาสองคู่จึงสบประสานกันนิ่งนาน ยากจะเดาว่าภายในใจของเขาและเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“เอ่อ…แยม…”
จันทร์กะพ้อนึกโกรธตัวเอง แทนที่จะโพล่งความจริงออกมาให้ทุกคนได้รับรู้ แต่เมื่อถูกบีบคั้นกลับไม่กล้าที่จะพูดอะไร ความอับอายต่อสายตาพนักงานและเกรงใจสายตาของชนินทร์ที่จับจ้องมา ทำให้หญิงสาวเลือกที่จะเงียบ นั่นยิ่งทำให้ปกรณ์ไม่พอใจ เขาจึงเป็นฝ่ายโพล่งออกมาแทน
“ไปถามลูกชายคุณสิครับ ว่าทำไมถึงเจ็บตัว”
คนพูดที่มีสภาพใบหน้าไม่ต่างกัน ทำให้คนมาทีหลังต่างมองใบหน้าชายหนุ่มทั้งสองสลับกันไปมา ถ้อยคำของเขาทำให้เจ้าของไร่อยากรู้ที่มาที่ไปยิ่งนักว่าชลาธารก่อเหตุอะไร ทำไมจึงบู๊ใส่กันเช่นนี้
“ตาไมค์ มีเรื่องอะไรกัน”
สายตาแข็งกร้าวของชนินทร์จับจ้องมาที่ใบหน้าลูกชายตัวดีอย่างเอาเรื่อง ใจของชนินทร์เอนเอียงไปทางปกรณ์อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะรู้ดีว่าปกรณ์นั้นเป็นคนสุภาพอ่อนโยน หากไม่มีเหตุให้ต้องขุ่นเคืองอย่างรุนแรง ชายหนุ่มคงไม่เหลืออดจนถึงขั้นเจ็บตัวกันทั้งสองฝ่ายเช่นนี้ ชนินทร์เชื่อว่าลูกชายตัวดีจะต้องแหย่รังแตนเล่นแน่นอน แตนจึงได้ต่อยจนมีสภาพอย่างที่เห็น
“แยมขอตัวนะคะ”
ท่ามกลางความอึดอัด จันทร์กะพ้อรีบเดินเลี่ยงหนีไปเพื่อหลีกหนีปัญหา รู้สึกอับอายสายตาของพนักงานที่กำลังจับจ้องมายิ่งนัก เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้อยากจะหายตัวไปจากไร่แห่งนี้ไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกต่อไป และคิดไปเองว่าเจ้าของไร่อาจจะเลิกจ้างตนเพราะพี่ชายตัวเองไปทำลูกชายเขาเจ็บตัวแบบนี้
“ไปคุยกันที่บ้านพัก!”
ชนินทร์รีบตัดบทเมื่อเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่สมควรให้คนนอกอย่างพนักงานในไร่มารู้เห็น แค่นี้ก็ถูกซุบซิบนินทามากพอ เขาปรายตามองไปทางลูกชายอย่างไม่พอใจ มาเหยียบไร่ได้วันเดียวก็ก่อเหตุขึ้นมาจนต้องเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต
“ไมค์กี้ เจ็บมากมั้ยลูก”
กมลพรรณยื่นมือไปแตะเบาๆ ที่มุมปากช้ำของลูกชาย มองรอยแผลนั้นด้วยแววตาอาทร ชลาธารฝืนยิ้มออกมา นึกไม่สบายใจที่เห็นมารดาต้องมากลุ้มใจไปกับตนอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มพยายามบอกตัวเองว่าที่เขากำลังทำอยู่นี่คือความถูกต้อง เขากำลังทำทุกอย่างเพื่อมารดา โดยการกีดกันผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นมือที่สามให้ออกไปจากครอบครัวของเขา ก่อนที่อะไรจะสายเกินไป