bc

ไฟปรารถนา

book_age16+
478
ติดตาม
1.1K
อ่าน
ครอบครัว
จบสุข
ข่มขี่
แบดบอย
ชายจีบหญิง
สาสมใจ
วิทยาลัย
จากศัตรูกลายเป็นคู่รัก
like
intro-logo
คำนิยม

เขามีฝีปากและเสน่ห์ร้ายเหลือเป็นอาวุธ ส่วนเธอพกความอึ๋มมาเต็มพิกัด เขาหวังจัดการคนที่ริจะมาเป็นแม่เลี้ยงด้วยเสน่ห์ล้นเหลือ สั่งสอนให้เธอได้จดจำ แล้วใคร....จะหยุดความร้ายกาจของเขาได้ล่ะ!!!

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
Chapter 1 คุณชายแบดบอย
Chapter 1 คุณชายแบดบอย                           “กริ๊งงงงง”           เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นกลางดึก ปลุกชนินทร์ให้ตื่นจากการหลับใหล การที่เขากำลังง่วงงุนหากแต่เสียงรบกวนดังซ้ำอยู่นานนั้น ทำให้รู้สึกหงุดหงิดที่เวลาอันแสนสุขต้องถูกก่อกวน มือใหญ่เอื้อมไปควานหาต้นเหตุของเสียงอยู่นาน ก่อนจะนำมากดรับแล้วแนบไว้กับหูรอฟังเสียงจากคนปลายทาง           “อะไรนะ!”           เพียงปลายสายแจ้งข่าวบางอย่าง ชนินทร์ถึงกับหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เขาดีดกายขึ้นนั่งอย่างร้อนรนก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิดคนข้างกายเพื่อปลุกให้ตื่น…กมลพรรณกระพริบตาถี่ๆ อย่างงุนงงก่อนจะเหลียวมองไปรอบห้องขณะที่สมองกำลังปรับสภาพ เพียงสายตาสบเข้ากับใบหน้าที่บอกบุญไม่รับของสามีเมื่อยามแสงไฟสว่างโร่…ใจหายวาบ คิดไปถึงลูกชายสุดที่รักขึ้นมาทันที คงต้องมีเรื่องอะไรอีกแล้วแน่นอน           “ตำรวจที่โรงพักโทร.มา ลูกชายตัวดีของคุณอยู่ที่นั่น”           “ตาไมค์!”           “ขยันทำเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน ผมชักจะหมดความอดทนแล้วนะ” ชนินทร์แต่งตัวไปบ่นไปเพื่อรีบรุดไปโรงพัก เขากำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับพฤติกรรมเสเพลของลูกชาย เมื่อทางตำรวจแจ้งมาว่าลูกชายของเขามีเรื่องชกต่อยกันในผับแห่งหนึ่ง และตำรวจยังพบอาวุธปืนอยู่ในรถอีกด้วย เขาจึงอยู่เฉยไม่ได้รีบไปโรงพักเป็นการด่วน เพื่อเคลียร์เรื่องราวทั้งหมดให้จบๆ ไป           “มันน่าจะปล่อยให้นอนอยู่ในห้องขังจนถึงเช้า แล้วค่อยไปประกันตัว”           “รีบไปเถอะค่ะ ป่านนี้ลูกคงกำลังรอ โธ่…ไมค์กี้ลูกแม่ คราวนี้ไปมีเรื่องกับใครอีกละเนี่ย”           “จะรำพึงรำพันให้มันทำไม สร้างแต่เรื่อง”           “คุณพูดเหมือนไม่รักลูก จะดีจะชั่วยังไงตาไมค์ก็เป็นลูกของเรา ไม่เป็นไรค่ะ หากคุณจะตัดพ่อตัดลูกพรรณก็จะอยู่กับลูกสองคน เอาเงินของคุณเก็บไว้ให้ยายแยมสุดที่รักของคุณเถอะค่ะ เหอะ!”           “อย่าพาลถึงคนอื่นนะพรรณ”           “ก็มันจริงนี่คะ”           ชนินทร์เลือกที่จะเงียบ เมื่อบุคคลที่สามถูกลากมาเกี่ยว เขาต้องส่ายหัวให้กับความรักลูกจนเกินเหตุของภรรยา ขณะกำลังพากันมุ่งหน้าไปยังโรงพักในท้องที่ที่เกิดเรื่อง เขาเชื่อว่าการเลี้ยงดูนั้นมีส่วน ที่ทำให้ชลาธารมีนิสัยแบบนี้ ซึ่งคงถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อดัดนิสัยเสียๆ ของลูกชายเสียบ้าง หากรอให้สำนึกเองก็คงยาก เพราะมีมารดาคอยให้ท้ายนั่นเอง             บรรยากาศภายในโรงพักตึงเครียด ชลาธารนั่งกระสับกระ ส่ายอยู่นานแล้ว เขากำลังรอคนที่บ้านมาประกันตัวด้วยความเซ็งในอารมณ์ ปลายนิ้วแกร่งไล้บริเวณมุมปากที่บวมเจ่อเล็กน้อย หมัดของคู่กรณีทำเอาเขาถึงกับหมดหล่อไปเลยทีเดียว มันเป็นเรื่องตลกที่เขาต้องมาเจ็บตัวเพียงเพราะมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาพัวพัน เขาไม่ได้อยากหิ้วหล่อนไปขึ้นเตียง แต่เพราะผู้หญิงเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาเอง เมื่อเกิดการหึงหวงคู่กรณีจึงมาหาเรื่อง การที่เขาเป็นคนไม่ยอมใครง่ายๆ อยู่แล้ว จึงยั่วโมโหอีกฝ่ายจนเกิดการชกต่อยกันขึ้น เดือดร้อนไปถึงที่บ้านที่ต้องตื่นมากลางดึกเพราะเขาอีกครั้ง           ชายหนุ่มเขม่นตามองไปทางคู่กรณีอย่างเอาเรื่อง เมื่อเขาไม่ได้เจ็บแต่ตัว แต่เจ้าลูกชายสุดที่รักอย่างเฟอร์รารี่ที่มารดาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดต้องมาเสียหายไปด้วย เพราะฝ่ายตรงข้ามนำเหล็กทั้งท่อนมาทุบรถเขาจนกระโปรงหน้าบุบ โชคดีที่ตำรวจมาห้ามเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเขาคงชักปืนออกมายิงคู่กรณีเพราะความขาดสติ และอาจมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตอย่างแน่นอน           “ไมค์กี้!”           เสียงคุ้นหูพร้อมร่างที่ปราดเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ทำให้ชายหนุ่มยิ้มออก ลุกขึ้นแล้วโผเข้าไปกอดมารดาเอาไว้ด้วยความดีใจ ความรู้สึกเหมือนพระมาโปรด เพราะมันหมายถึงว่าเขาจะได้กลับบ้านไปนอนบนเตียงอันแสนนุ่มสบาย หวุดหวิดได้นอนในห้องขังหากไม่มีใครยอมมาประกันตัว           “ไอ้ไม้!”           “คุณพ่อ!”           เสียงตะคอกดังตามหลังพร้อมท่าทีเกรี้ยวกราดของบิดา ทำให้ชลาธารหน้าซีดเผือด กมลพรรณใจหายวาบเมื่อรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงรีบเอาร่างขวางไว้เพื่อเป็นปราการไม่ให้ชนินทร์เข้ามาถึงตัวลูกชายสุดที่รักของตนได้ เพราะลำพังแค่เห็นรอยฟกช้ำบนใบหน้าจนความหล่อลดน้อยลง หล่อนเองก็ตกใจมากเกินพอแล้ว หากจะต้องมาเจ็บตัวเพราะฝีมือของบิดาอีก งานนี้หล่อนจะไม่ยอมอย่างแน่นอน           “ลูกไม่รักดี ขยันสร้างแต่เรื่อง แกรู้มั้ยว่าพ่อแม่ลำบากแค่ไหน ที่ต้องตามมาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวที่แกได้ก่อเอาไว้ ไอ้ลูกเลว!”           “คุณ! ทำไมว่าลูกแรงขนาดนั้น คนอื่นเต็มโรงพักเลยเห็นมั้ย!”           “คุณพรรณ คุณเองก็ให้ท้ายลูกจนเสียคน เห็นมั้ย มันทำแต่เรื่องเสียเงินมาให้!”           ชนินทร์ชี้มือไปยังรถที่จอดอยู่หน้าโรงพักด้วยมืออันสั่นระริกจากความโกรธจนถึงขีดสุด จากที่ตอนออกจากบ้านมาเขาพยายามนับหนึ่งถึงร้อยอยู่ในใจ เพื่อควบคุมความโกรธไม่ให้แสดงออกต่อหน้าตำรวจและคนอื่นบนโรงพัก แต่เมื่อมาเห็นสภาพรถหรูราคาแพงลิบลิ่วที่บุบบี้ ทำให้เส้นแห่งความอดทนของเขาถึงกับขาดผึงทันที           “มีอะไรไปคุยกันที่บ้านสิ ลูกอายคนนะ”           กมลพรรณยังคงออกโรงปกป้อง ขณะนั้นทั้งโรงพักเงียบกริบเพราะความสนใจถูกเบนมาที่ครอบครัวนี้ แววตากรุ่นโกรธกวาดมองไปรอบกายก็พบว่าสายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมายังชลาธารเป็นจุดเดียว ที่เห็นเขาถูกบิดาด่าทออย่างรุนแรง และในขณะที่ไม่มีใครคาดคิด เสียงฝ่ามือฟาดเข้ากับซีกหน้าของคนที่ยืนนิ่ง มันแรงพอที่จะทำให้เขาถึงกับหน้าหันไปตามแรง           “ว้าย!”           กมลพรรณร้องเสียงหลง รีบผวาดันร่างของสามีออกห่างเพื่อห้ามทัพ ขณะที่ชลาธารยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตนด้วยความเจ็บที่แล่นพล่าน เจ็บตัวไม่เท่าไหร่ แต่ความเจ็บใจมีมากกว่าที่บิดาลงมือทำร้ายกันต่อหน้าคนอื่น แววตาแข็งกร้าวตวัดมองพลางขบกรามแน่น ชายหนุ่มจับจ้องใบหน้ากร้านโลกอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เขาก่อเรื่องขึ้นมา ไม่พ้นที่จะต้องเจ็บตัว           “ไอ้ไม้ มองหน้าฉันทำไม คิดจะสู้ยังงั้นรึ!”           “พอแล้ว! จะฆ่ากันให้ตายเลยรึไง”           “เอ่อ มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกันนะครับ”           ตำรวจรีบเข้าไปกันชนินทร์ให้แยกไปอีกทาง เมื่อเห็นว่าเรื่องราวเริ่มจะบานปลาย สองพ่อลูกถูกจับให้อยู่คนละมุมเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างสงบสติอารมณ์ให้เย็นลงมากกว่านี้ เพื่อที่จะได้ตกลงเรื่องค่าเสียหายกับคู่กรณีให้จบๆ ไป ต่างฝ่ายจะได้แยกย้ายกันกลับบ้าน ขณะที่กมลพรรณคว้ามือลูกชายมากุมพร้อมบีบเบาๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หล่อนก็พร้อมจะเคียงข้างคอยช่วยเหลือ ให้เขาได้รับรู้ว่าอย่างน้อยก็ยังมีแม่ที่รักในสิ่งที่เขาเป็น รักอย่างไม่มีเหตุผลและเงื่อนไข ไม่อยากให้เกิดปมด้อยขึ้นมาในใจ จากการที่คิดไปว่าบิดานั้นไม่เคยรักกันสักนิดเดียว               “ผมคิดว่า จะส่งตาไม้ไปอยู่ไร่เพื่อดัดนิสัย คุณว่าไง”           “หืม…”           กมลพรรณแทบสำลักน้ำที่กำลังยกขึ้นจิบ เมื่อจู่ๆ ผู้ร่วมโต๊ะอาหารก็เอ่ยออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย และไม่เคยเกริ่นเรื่องนี้กับหล่อนมาก่อน แววตาและสีหน้าจริงจังของคนพูด ทำให้หล่อนหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างนึกขำ ไม่เชื่อว่าเขาจะทำได้จริงอย่างที่ปากพูด ชลาธารคงจะต้องโวยวายลั่นบ้านหากถูกส่งไปที่ไร่ในตัวสะเมิง           “ขำอะไรคุณ ผมพูดจริงๆ นะ ส่งไปดัดนิสัยเสียบ้าง ไม่ไหวเลย มีแต่เรื่องผู้หญิงมาให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน”           “แน่ใจนะคะว่าไมค์กี้จะอยู่ได้ คนเคยอยู่กับแสงสีเสียง พรรณว่าเลิกคิดไปเลยค่ะ ยังไงก็ไม่มีทาง”           กมลพรรณรู้ในอิทธิฤทธิ์กันดีว่าลูกชายนั้นไม่ชอบการถูกบังคับ และไม่ชอบความยากลำบากใดๆ ทั้งสิ้น แต่ชนินทร์ได้ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป เขาจึงยืนยันเจตนาเดิม ไม่ยอมฟังคำทัดทานของภรรยา…คนที่รักและหวงลูกชายโอเวอร์อย่างภรรยาของเขา แน่นอนว่าหล่อนจะต้องออกโรงปกป้อง เขาจึงมองไม่เห็น ประโยชน์ที่จะปรึกษากันอีกต่อไป           “ให้มันรู้กันไปว่าผมจะบังคับลูกตัวเองไม่ได้ ตั้งแต่เรียนจบกลับมาก็ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เอาแต่ดื่มเหล้าเคล้านารี เที่ยวหัวหกก้นขวิด ปล่อยไปแบบนี้ชักจะไม่ได้การ”           “คุณก็สอนงานในบริษัทให้ก็ได้นี่คะ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปทำอะไรขนาดนั้น”           “ผมแค่อยากให้เขาไปเรียนรู้ความยากลำบากบ้าง ไปดูว่าคนที่ทำงานแลกเงินเดือนนั้นกินอยู่อย่างไร ใช้ชีวิตยังไง ให้ไปลองปลูกผักปลูกพืชกินเองดูบ้างซิ ผมจะดัดนิสัยโดยการจ่ายเงินเดือนให้เหมือนพนักงานทั่วไป เผื่อจะคิดอะไรได้บ้าง ไม่ใช่ใช้เงินไปวันๆ อยู่อย่างทุกวันนี้”           “แต่พรรณไม่เห็นด้วย ทำไมจะต้องให้ลูกไปลำบากลำบน ไปตากแดดตากลมที่ไร่ พนักงานจะคิดยังไงถ้าคุณทำแบบนั้น ตาไมค์จะไม่อับอายแย่เหรอคะ เป็นถึงลูกชายเจ้าของบริษัทแต่กลับต้องถูกเนรเทศไปอยู่ไร่”           “ก่อนจะมีอยู่อย่างทุกวันนี้ ผมก็ขึ้นมาจากความยากลำบากมาก่อน คุณลืมไปแล้วหรือไง แน่นอนว่าทุกคนจะต้องเรียนรู้จากศูนย์ก่อนเสมอ การที่ตาไม้ได้ไปเรียนรู้งานตั้งแต่กระบวนการแรก กว่าที่ส่วนหนึ่งของวัตถุดิบจะป้อนมาถึงโรงงาน จะเป็นผลดีสำหรับตัวเขาในอนาคต เป็นการปูทางก่อนจะมานั่งแท่นกุมบังเ**ยนแทนผมได้”           การที่ชนินทร์ยกเหตุผลร้อยแปดขึ้นมาอ้าง ทำให้กมลพรรณหมดคำพูดที่จะเถียงด้วย ได้แต่คิดโต้แย้งในใจ ไม่อยากขัดใจเพราะจะเป็นการทำให้ทะเลาะกันเสียเปล่าๆ เพราะอย่างน้อยหล่อนก็ยังนับถือเขาในฐานะหัวหน้าครอบครัว ความคิดบางอย่างจึงไม่อยากจะไปก้าวก่ายอะไรมากนัก อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ เมื่อรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากนำเรื่องนี้ไปบอกชลาธาร           “ตามใจคุณก็แล้วกัน คุยกันเองเถอะค่ะ ถ้าตาไมค์โวยวายขึ้นมาพรรณจะไม่ยุ่งเลย”               เมื่อนอนคิดมาหลายคืนด้วยความกลัดกลุ้ม ชนินทร์คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องตัดสินใจ จึงหาโอกาสเหมาะเพื่อคุยเรื่องนี้กับชลาธาร ซึ่งจริงๆ แล้วส่วนหนึ่งของความคิดนี้มีแรงจูงใจบางอย่างที่ทำให้เขาตัดสินใจขีดทางเดินให้ลูก แม้จะเหมือนเผด็จการแต่แท้จริงแล้วมันคือความหวังดี เขาจำเป็นต้องเลือกเส้นทางนี้ ซึ่งอาจจะทำให้ชลาธารไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ชนินทร์ก็หวังอยู่ลึกๆ ว่าเส้นทางที่ได้เลือกจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดแล้ว                    “คุณพ่อเรียกผมมาพบ มีเรื่องอะไรเหรอครับ”           ชลาธารเดินทำหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามาในห้องทำงานของบิดา หลังจากชายหนุ่มถูกแม่บ้านไปตามขณะที่ยังไม่โงหัวขึ้นมาจากที่นอนด้วยซ้ำ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำเอาเขาปวดหนึบหนับบริเวณขมับทั้งสองข้างจนไม่อยากจะขยับกาย แต่การที่บิดาให้คนไปตามมาพบ เขาจึงต้องโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำเพื่อทำร่างกายให้สดชื่น ก่อนพาร่างไร้เรี่ยวแรงและใบหน้าที่อิดโรยมาพบท่านตามคำสั่ง           ชนินทร์ละสายตาจากหนังสือตรงหน้า เหลือบมองหน้าหล่อๆ แสนซีดเซียวแล้วอดที่จะส่ายหัวออกมาไม่ได้ ขณะที่ชลาธารทำเป็นไม่ใส่ใจ ชายหนุ่มเดินเลี่ยงไปนั่งลงบนอาร์มแชร์หนานุ่ม สายตาคู่คมมองผ่านกระจกกรองแสงออกไปด้านนอก พลางใช้ปลายนิ้วนวดคลึงขมับเมื่อยังไม่หายมึนงง จนผู้เป็นพ่ออดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ กับท่าทีที่แสดงออกมา           “เมื่อคืนกลับดึกล่ะสิ…”           “ครับ…”           “เพลาเรื่องเที่ยวลงบ้างก็ได้นะ พ่อคิดว่าไม้น่าจะหันมาสนใจงานบ้าง”           ปลายนิ้วแกร่งที่กำลังหมุนวนอยู่ตรงบริเวณขมับหยุดการเคลื่อนไหวแทบจะในทันที เมื่อถ้อยคำระคายหูเอ่ยออกมากระทบใจ สายตาคู่คมตวัดมองไปที่บิดาอย่างไม่พอใจ การที่ท่านเอ่ยออกมาแบบนั้น เท่ากับว่าเขากำลังถูกตำหนิ มันหมายถึงว่าเขาไม่เคยเข้าไปช่วยงานที่บ้านเลยสักครั้ง ซึ่งความเป็นจริงเขาคิดว่ามันไม่ใช่ เขาอยากทำแต่ไม่ได้รับโอกาสมากกว่า สิ่งที่บิดาคิดดูเหมือนจะสวนทางกับเขาตลอดเวลา ความไม่ลงรอยทางความคิดทำให้เขารู้สึกเบื่อ จนหาวิธีผ่อนคลายด้วยการออกไปพบปะเพื่อนฝูงอยู่เป็นประจำ                  “คุณพ่อพูดเหมือนผมไม่เคยทำเลยนะครับ ทั้งๆ ที่ผมก็พยายามที่จะเรียนรู้งาน อยากจะลองทำอะไรได้ด้วยตัวเอง แต่กลับให้ผมไปเรียนงานกับพนักงานในบริษัท ทำไมคุณพ่อถึงไม่ยอมที่จะถ่ายทอดด้วยตัวเอง จะต้องให้คนอื่นมาสอนผมทำไม”           “ทำไมล่ะฮึ มันน่าอายตรงไหน คนที่สอนงานเขาก็เป็นถึงระดับผู้จัดการ ไม่เห็นจะเสียศักดิ์ศรีตรงไหน คิดมากไปมั้ย”           “แต่ผมเป็นลูกคุณพ่อนะครับ เป็นลูกเจ้าของบริษัท ไม่ใช่พนักงานในบริษัท”           “แต่ฉันเป็นพ่อ มีสิทธิ์ที่จะสั่งอะไรก็ได้”                            “หึ โดยการดูถูกความสามารถของผม ไม่ยอมมอบตำแหน่งอะไรให้บริหาร ทำไมครับ คิดจะเก็บสมบัติไว้ให้เมียน้อยคุณพ่อเหรอครับ อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ!”           “ตาไม้! พูดอะไรออกมา”                        ชลาธารเริ่มเสียงดัง เมื่อความขัดแย้งทางความคิดเริ่มต้นขึ้น การที่เขาพาดพิงไปถึงบุคคลที่สามในทางเสียหาย โดยที่หล่อนไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ทำให้ชนินทร์ถึงกับโกรธจนควันออกหู ดูท่าว่าการเจรจาในวันนี้ทำท่าจะล้มเหลวเสียแล้ว ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง เมื่อยามสองพ่อลูกมาเผชิญหน้ากัน           “ผมรู้นะครับว่าการที่คุณพ่อไปดูงานที่ไร่ในเชียงใหม่บ่อยๆ เพราะอะไร ผมไม่เชื่อว่าจะแค่ไปดูงานอย่างเดียวแน่ แต่ไปนอนกกเมียน้อยที่ไร่เสียมากกว่า คิดจะคว้าผู้จัดการไร่ที่นั่นมาทำเมียอีกคน ไม่อายคนงานบ้างเหรอครับ ป่านนี้คงซุบซิบนินทากันไปทั่ว”           “ไอ้ไม้! ใครมันปากพล่อยเอาอะไรมากรอกใส่หูแก”           “แทงใจดำหรือครับ!”           “มันจะมากไปแล้วนะ!”           ชนินทร์ทุบโต๊ะปัง ถ้อยคำดูถูกและแววตาถือดีที่จับจ้องมาทำให้เขาโกรธจนหน้าแดงก่ำ เมื่ออีกฝ่ายกล้าต่อปากต่อคำซ้ำยังพาดพิงไปถึงบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย เขารู้ดีว่าลูกชายตัวดีกำลังหมายถึงผู้จัดการไร่คนสวยที่ดูแลไร่สตรอว์เบอร์รี่และผลไม้อีกหลากหลายชนิดของเขาอยู่ที่เชียงใหม่ การที่เขารักและเอ็นดูหล่อนมากไป ดูเหมือนจะทำให้ชลาธารไม่พอใจเป็นอย่างมาก           ชลาธารกระตุกยิ้มมุมปากแลดูคล้ายเย้ยหยัน แววตาของชายหนุ่มที่แสดงให้ได้เห็น คนมองรับรู้ได้ถึงความเกลียดชังเมื่อยามเอ่ยถึงเธอ แง่มุมด้านดีของจันทร์กะพ้อถูกนำมาถ่ายทอดบ่อยครั้งจนชลาธารพานอคติทั้งที่ยังไม่เคยพบตัวจริง คิดไปไกลว่าความสัมพันธ์ของผู้จัดการสาวกับบิดาของเขานั้นจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน           “ฉันจะส่งแกไปเรียนงานที่นั่น โดยให้หนูแยมเป็นพี่เลี้ยงและสอนงานในไร่ให้ งานนี้ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะนับจากวันนี้ไป ฉันจะ ไม่ใจดีกับแกอีกต่อไป!”           “อะไรนะ!”           ชายหนุ่มลอบกำมือแน่นอย่างลืมตัว เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาจังจริงของบิดา แววตาแข็งกร้าวที่จับจ้องมา สบประสานเข้ากับแววตาถือดีและเย่อหยิ่งอย่างไม่มีใครที่จะยอมลงให้กันก่อน การที่บิดาต้องการเช่นนั้น ทำให้ลมหายใจของชลาธารร้อนผ่าวด้วยความกรุ่นโกรธ เขารับไม่ได้หากจะให้ไปเป็นเบี้ยล่างของผู้หญิงที่ใจของเขาเกลียดยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ งานนี้คงต้องพังกันไปข้างหนึ่งแน่นอน หากเขาไปเยือนที่นั่นขึ้นมาจริงๆ                         “ไปสงบสติอารมณ์ให้หายบ้า แล้วค่อยมาคุยกัน”           “ผมไม่ยอม! คุณพ่อจะให้ผมไปเป็นลูกน้องเธอ ผู้หญิงแบบนั้นเนี่ยนะ ที่จะอวดดีมาสอนคนอย่างผม หึ ตลกสิ้นดี”           “มันไม่ตลก ฉันพูดจริง”           “เธอคงยังไม่รู้จักผมดีพอ เป็นใครถึงกล้าที่จะมาอยู่เหนือผม ผมว่าคุณพ่อคิดผิดที่จะให้ผู้หญิงแบบนั้นมาวุ่นวายกับผม ถ้าอย่างนั้นเตรียมม้วนเสื่อกลับบ้านไปได้เลย”           “อย่าดูถูกเธอให้มันมากนัก”           “ผมจะไม่ยอมให้ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียน้อยพ่อตัวเอง มาสั่งสอนอะไรผมเด็ดขาด ผมมีแม่เพียงคนเดียว และผมก็จะไม่ยอมไปไหนทั้งสิ้น ให้มันรู้กันไป ว่าคุณพ่อจะบังคับผมได้!”           “แกจะไปไหน กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ!”           ชนินทร์ตะโกนไล่หลังเมื่อร่างสูงผลุนผลันออกจากห้องไปด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว ก่อนที่บานประตูจะถูกดันให้ปิดใส่หน้าเขาอย่างแรง ดูเหมือนว่าเสียงของเขาไม่มีพลังมากพอที่จะดึงรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ได้ จึงทำได้เพียงเดินพล่านไปมาภายในห้องเพื่อข่มอารมณ์ให้เย็นลง อดที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้มไม่ได้ ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร เรื่องที่เขากับชลาธารคุยกันดีได้ไม่กี่คำ สุดท้ายก็ต้องลงเอยด้วยการทะเลาะกันแทบทุกครั้ง           “แกท้าทายฉันเองนะ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.1K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
14.4K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.8K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
39.5K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.6K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook