Chapter 2
สงครามเย็น
อาคารสีขาวสะอาดตาที่ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าไร่เรือนลูกไม้ ซึ่งมีพื้นที่อยู่ในอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ คือสำนักงานและห้องทดลองวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาสายพันธุ์สตรอว์เบอร์รี่ของไร่เรือนลูกไม้ ซึ่งจะมีจันทร์กะพ้อ เจนกิจโสภา ผู้จัดการไร่สาวสวยวัยยี่สิบหกปีเป็นหัวเรือใหญ่คอยควบคุมดูแลที่นี่อยู่ โดยมีขวัญชนก ป้องรักษากิจ เพื่อนสนิทเป็นผู้ช่วย จันทร์กะพ้อเรียนจบทางด้านวิทยาศาสตร์การเกษตร ทำให้หล่อนมีความรู้ในเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์ และการนำเทคโนโลยีมาใช้ได้เป็นอย่างดี
ผลงานของหล่อนที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ สามารถพัฒนาเหล่าพืชผลจนได้ผลผลิตที่ดีควบคู่ไปกับปริมาณที่มากพอจะป้อนเข้าโรงงานได้ตลอดทั้งปี ทำให้ชนินทร์ให้ความไว้วางใจรักและเอ็นดูหล่อนเสมือนลูกแท้ๆ และดูเหมือนว่าเขาจะไว้วางใจหล่อนมากไป จึงมีความคิดที่จะหางานมาเพิ่มให้อีกหนึ่งชิ้น เป็นงานอันแสนท้าทายความสามารถเสียด้วย เพราะแค่ได้ฟังก็ถึงกับเหงื่อตกตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเลยทีเดียว
วันก่อนนายของจันทร์กะพ้อโทร.ทางไกลมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบดังเช่นปกติ แต่ที่ทำให้ตกใจนั่นคือเขาเปรยว่าจะให้หล่อนเป็นพี่เลี้ยงให้กับชลาธาร มหาดำรงทรัพย์ ทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าของธุรกิจในเครือมหาดำรงทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่หล่อนไม่เคยคาดคิดและไม่ได้ตั้งหลักมาก่อน การที่เขาจะส่งลูกชายมาที่นี่นับว่าเป็นฝันร้าย ถึงกับทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียว
ทำไมหล่อนจะไม่รู้กิตติศัพท์ในความร้ายกาจของเขา รู้จาก
คำล่ำลือของพนักงานบางคนที่เคยมาเยือนที่นี่ รวมทั้งเคยได้ยินคนงานสาวๆ ในไร่พูดกัน ชลาธารคือหนุ่มในฝันของพวกเธอเหล่านั้น แม้ดีกรีความร้ายเหลือของเขาจะทำให้หลายคนกลัว แต่เรื่องรูปหล่อพ่อรวยเขาก็ยังกินขาด จึงมีหลายคนที่หวังจะได้พบเจอกับเขาแม้เพียงครั้งก็ยังดี อยากที่จะได้รู้จักกับลูกชายเจ้าของไร่ แม้รู้ดีว่าเขาคงไม่ชายตาแลก็ตามที
แม้จะไม่เคยพบเห็นตัวเป็นๆ ของเขา และไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนเช่นไร แต่จันทร์กะพ้อก็หวาดหวั่นคิดไปไกลเสียแล้ว นึกตัดพ้ออยู่ในใจว่านายคิดอะไรกันแน่ จึงได้มอบตำแหน่งที่แสนจะหฤโหดนี้มาให้
“แยม ฉันได้ข่าวว่าคุณไม้เขาจะมาที่นี่เหรอ”
ขวัญชนกเอ่ยขึ้นขณะเดินมาดูเพื่อนที่กำลังเพลินอยู่กับงานตรงหน้า นั่นคือการทดลองแปลงสายพันธุ์สตอเบอร์รี่ เพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่อาจจะได้ผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพมากขึ้น เป็นที่ต้องการของตลาดและได้ราคาดี งานของจันทร์กะพ้อไม่มีวันจบสิ้น หล่อนชอบที่จะทดลองอะไรไปเรื่อยๆ รักและสนุกกับงานจึงอยู่ที่นี่โดยไม่คิดจะย้ายไปที่อื่นแม้จะมีคนเสนอเงินเดือนที่แพงกว่าก็ตามที
“ฉันก็ไม่รู้ว่ายังไง แต่คุณชนินทร์บอกว่าจะส่งลูกชายมาเรียนงานที่นี่ อะไรไม่ร้ายเท่ากับว่าจะให้ฉันคอยเป็นพี่เลี้ยง ไม่เอาด้วยคนหรอกนะฉันกลัวถูกไล่ตะเพิดกลับแทบไม่ทัน”
จันทร์กะพ้อทำจมูกย่น คิดเอาไว้ว่าจะมอบหน้าที่นี้ให้คนอื่น หากชลาธารต้องมาจริงๆ เพราะหล่อนไม่ชอบที่จะสอนอะไรใครด้วยไม่ใช่สิ่งที่ถนัด หล่อนก็คิดว่าคนอย่างเขาคงจะไม่ยอมเช่นเดียวกัน
“แล้วแกขัดคุณชนินทร์ได้หรือเปล่าล่ะ เขาเองก็เอ็นดูแกเหมือนลูกแท้ๆ จะปฏิเสธก็ยังไงอยู่”
“นั่นสิ นี่แหละ คือสิ่งที่ฉันลำบากใจสุดๆ”
“แต่ลูกชายเขาหล่อนะ แกไม่สนใจเหรอ ได้ใกล้ชิดผู้ชายที่สาวๆ ฝันถึง หล่อ รวย แกไม่ชอบเหรอ”
ขวัญชนกแสร้งทำตาหวานเยิ้มเมื่อเอ่ยถึงบุคคลที่สาม ด้วยต้องการจะแกล้งหยอกเพื่อน ความจริงหล่อนเองไม่ได้สนใจสักนิดว่าเขาจะหล่อหรือเป็นใครมาจากไหนเพราะมีคนอื่นให้สนใจมากกว่า และเขาคือคนที่ใช่ แต่ก็ไม่รู้ว่าหล่อนจะคือคนที่ใช่สำหรับเขาหรือไม่ นั่นเป็นสิ่งที่เดาใจได้ยากกับผู้ชายพูดน้อยต่อยหนักเช่นเขา ปกรณ์ เจนกิจโสภา เกษตรอำเภอหนุ่มที่เสน่ห์ของเขาโดนใจเข้าอย่างจัง
“หล่อแต่นิสัยเสีย ฉันก็ไม่ขอเข้าใกล้หรอก”
“อย่าเพิ่งตัดสินเขาแบบนั้น ไม่ได้รู้จักกันใครจะพูดยังไงก็ได้”
“ให้ตายสิ ทำไมต้องเป็นฉันด้วยนะ”
จันทร์กะพ้อถอนหายใจกลัดกลุ้ม ขณะพากันเดินไปยังแปลงปลูกสตอเบอร์รี่ชุดใหม่ที่จะมาแทนชุดเก่าที่โทรมลงไป โดยไร่แห่งนี้จะใช้วิธีรื้อแปลงทิ้งเมื่อสตอเบอร์รี่ให้ผลผลิตไปแล้ว ช่วงเดือนตุลาคมเหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะลงต้นไหล ซึ่งต้นไหลของที่นี่จะได้มาจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพราะเป็นวิธีที่รวดเร็วและปลอดภัยจากโรค
จันทร์กะพ้อเดินดูงานในไร่ไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ทำเป็นประจำ การกำกัดวัชพืชนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อผลผลิต ทั้งยังต้องมีการตัดแต่งกิ่งพืชผลอยู่เสมอ ไหนจะเรื่องการระวังศัตรูพืชเช่นแมลง การใส่ปุ๋ย ซึ่งเป็นเรื่องที่จุกจิกหยุมหยิมมาก โดยหัวหน้าคนงานจะคอยดูแลในเรื่องนี้ จะมีบ้างที่หล่อนลงมือลุยงานเองเพื่อดูการทำงานของคนงาน หากคนงานไม่ใส่ใจในจุดที่ควรระวัง จะส่งผลไปถึงผลิตผลที่ไร้คุณภาพและปริมาณที่น้อยลงด้วย
“ขวัญข้าว ฉันว่าคุณไม้เขามาอยู่ไม่ได้แน่ๆ งานที่นี่จุกจิกจะ
ตาย ร้อนๆ แบบนี้เห็นทีจะม้วนเสื่อกลับไปตั้งแต่วันแรก เชื่อฉันสิ”
หญิงสาวอดที่จะหัวเราะไม่ได้ เมื่อนึกไปถึงว่าชลาธารจะมาที่นี่จริงๆ เพราะหากจะเรียนรู้ระบบการทำงานของที่นี่แบบเจาะลึก เขาจะต้องเรียนรู้ตั้งแต่กระบวนการแรก ต้องมีการลงพื้นที่จริงเพื่อศึกษาด้วย หล่อนเชื่อว่าการนั่งทำงานในห้องแอร์อย่างเดียวไม่ได้ความรู้มากไปกว่าการมาสัมผัสของจริง การทำตัวให้ใกล้ชิดกับสิ่งที่กำลังทำจะทำให้เข้าใจธรรมชาติของสิ่งเหล่านั้นมากขึ้น
ชลาธารเดินออกมาจากร้านเครื่องประดับอย่างหัวเสีย เมื่อพนักงานแจ้งว่าระบบการเงินของเขามีปัญหา ชายหนุ่มจะไม่แปลกใจหากมันไม่ได้เป็นทุกธนาคารที่เขาถือบัตรอยู่ งานนี้บิดาของเขาจะต้องมีคำตอบที่เคลียร์
เมื่อบัตรใช้ไม่ได้ ชายหนุ่มจึงต้องใช้เงินสดที่มีอยู่ในบัญชีส่วนตัวแทน เขากลัวการเสียหน้ามากกว่าเสียเงิน จากการพาสาวมาดูหนังฟังเพลง และการเป็นป๋าสายเปย์เพื่อซื้อความสุขให้กับตัวเอง และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มสังเกตว่าเงินในบัญชีของตนนั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น มันกลับลดจำนวนลงตามสภาพการใช้จ่ายของเขา ซึ่งปรกติทุกต้นเดือนเขาเองจะได้รับเงินเดือนเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว แต่คราวนี้แปลกไปไม่เหมือนเดิม และเช่นเคย งานนี้บิดาของเขาจะต้องมีคำตอบเช่นกัน
รถยุโรปสีแดงสดแล่นปราดไปบนถนนที่ทอดยาวเข้าสู่ตัวบ้านด้วยความรวดเร็ว มันฉวัดเฉวียนไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวตามอารมณ์ของคนขับ ดอกไม้หลากสีสันสองข้างทางไม่ได้ช่วยให้ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นมาได้ ความร้อนรุ่มใจทำให้เขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน ด้วยมีเรื่องที่ต้องเคลียร์กันยาวกับบิดาของตน
เสียงปิดประตูรถตามอารมณ์ที่ไม่ปรกติ ดังพอที่จะทำให้แม่บ้านสะดุ้งโหยงก้มหน้างุด หล่อนใจเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่นกับอาการคล้ายคนกินรังแตนมายิ่งนัก ถาดแก้วน้ำในมือสั่นงกจนเกือบหลุดจากมือตกลงพื้น เพราะต้องมาสบเข้ากับใบหน้าที่บอกบุญไม่รับ และร่างสูงที่เดินเร็วๆ เข้ามาในบ้าน ทำให้เด็กในบ้านไม่กล้าที่จะมาปะหน้าด้วย เพราะกลัวพายุที่อาจระเบิดใส่เหมือนคราวก่อน ต่างเข็ดขยาดไปตามๆ กัน
“ดื่มน้ำก่อนค่ะ คุณไม้”
เพียงเท่านั้น สายตาคู่คมตวัดมองมาอย่างไม่พอใจ จนคนพูดก้มหน้างุดด้วยความหวาดหวั่น ไม่เข้าใจว่าตนพูดอะไรผิดไป จึงได้ถูกสายตาอีกฝ่ายเล่นงานเอาจนแทบอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้
“ใครใช้ให้เธอเรียกฉันแบบนี้ เพื่อนเล่นเธอรึไง ฮึ!”
“กะ ก็ คุณไม้”
“ฉันชื่อไมค์ ไม่ใช่ไม้ เพื่อนๆ ที่บอสตันก็เรียกฉันไมค์กี้ เธอกล้าดียังไงมาเรียกชื่อฉันแบบนี้ อยากถูกไล่ออกรึไง ฮึ!”
‘ทีเมื่อก่อนก็เรียกแบบนี้ได้ เรียกมาตั้งนานไม่เห็นจะเคยว่า อะไรเข้าสิงมาอีกนะ’
“เธอด่าฉันในใจเรอะ!”
แม่บ้านถึงกับสะดุ้งเมื่อเขาสวนทันควันราวมานั่งกลางใจ ทำได้เพียงก้มหน้าหนี ไม่กล้าสบสายตาที่กำลังมองมาอย่างเอาเรื่อง
“ปะ เปล่าค่ะ ไม่ได้ว่าอะไรคุณไม้….เอ้อ คุณไมค์นะคะ”
“ฉันดูตาเธอออกนะ เธอกำลังด่าฉันทางสายตา จะไปไหนก็ไป รำคาญ!”
“โธ่ ใครจะไปกล้าคิดแบบนั้นกับคุณล่ะคะ”
“ฉันบอกว่าจะไปไหนก็ไป รำคาญ!”
ชายหนุ่มกระชากแก้วน้ำออกมาจากถาดที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย พลางตะคอกออกมาเสียงดังตามอารมณ์ที่ขุ่นมัว แววตาขุ่นขวางที่จับจ้องทำให้แม่บ้านรีบผลุนผลันออกไปด้วยความรวดเร็ว เพราะกลัวว่าจะมีระเบิดลูกย่อมๆ ตามมา หากยังยืนขวางหูขวางตาอยู่อย่างนี้ คิดว่าเดี๋ยวสักพักบ้านคงร้อนเป็นไฟอย่างแน่นอน หากนายใหญ่ของหล่อนกลับเข้าบ้านมาอีกคน
บรรยากาศภายในบ้านมหาดำรงทรัพย์ตกอยู่ในความตึงเครียดและถูกห่มคลุมด้วยความอึมครึมมาได้หลายเดือนแล้ว เมื่อชลาธารทำมึนตึงใส่บิดาเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่ในบ้านหลังนี้ นับตั้งแต่ที่เขาถูกระงับการทำธุรกรรมทางการเงินแล้วทะเลาะกันอย่างรุนแรง ด้วยต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน จนกมลพรรณเองซึ่งเป็นคนกลางถึงกับเหนื่อยใจในความดื้อรั้นของสองพ่อลูกคู่นี้ยิ่งนัก ต้นเหตุของการเล่นสงครามประสาทจนเกิดความบาดหมางในครั้งนี้นั้น ชลาธารเชื่อว่าต้องมีเรื่องไร่เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน การที่บิดาของเขากล้าแตกหักกันด้วยวิธีนี้ ยิ่งตอกย้ำความเชื่อผิดๆ ภายในใจและพานให้อคติในตัวจันทร์กะพ้อมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว คิดโทษว่าหล่อนคือตัวการของเรื่องราวทั้งหมด ที่ใช้มารยาล่อหลอกบิดาของเขาให้หลงจนหัวปักหัวปำ อีกไม่นานก็คงจะยกหุ้นให้หล่อนไปฟรีๆ ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนก็ตาม มาแย่งชิงสมบัติในส่วนที่ควรจะเป็นของเขาไปอย่างง่ายดายเป็นอันขาด
ยามบ่ายแก่ๆ ในวันพักผ่อนสุดสัปดาห์ ชนินทร์ชอบที่จะมานั่งอ่านหนังสือเพื่อผ่อนคลายสมองที่เหนื่อยล้ายังสวนดอกไม้เล็กๆ ที่อยู่ติดรั้วบ้าน เสียงรถยนต์คุ้นตาที่แล่นปราดผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็วนั้น ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองก็รู้ว่าใคร แววตากร้านโลกมองตามจนกระทั่งมันไปจอดสนิทอยู่หน้าบ้าน เขาแกล้งทำเป็นก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ เมื่อชายหนุ่มที่ก้าวลงมาจากรถคุยอะไรบางอย่างกับแม่บ้าน แล้วหันมาทางจุดที่เขานั่งอยู่พอดี
“เป็นยังไงบ้างล่ะ พ่อตัวดีของคุณ”
ชนินทร์อดที่จะถามภรรยาด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ ขณะบุ้ยหน้าไปทางชลาธารที่ทำเป็นไม่ใส่ใจรีบเดินหนีเข้าบ้านไป นานเต็มทีที่เขากับชลาธารไม่ได้คุยกัน และดูเหมือนอีกฝ่ายจะพยายามหลบหน้าเขาอยู่ตลอดเวลา แม้จะรู้สึกเห็นใจและสงสารในสิ่งที่ได้กระทำลงไป แต่เขาจะทำใจอ่อนไม่ได้อีกต่อไป เนื่องจากเขามีเหตุผลในการกระทำที่คิดว่าดีพอ ไม่มีใครรู้ดีนอกจากตัวเขาเอง แม้กระทั่งกมลพรรณก็ไม่เคยรู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร นอกเหนือจากการบีบบังคับชลาธารให้ไปอยู่ที่เรือนลูกไม้เพื่อเรียนรู้งาน
“พรรณหูฝาดไปหรือเปล่าที่คุณถามถึงลูก อดที่จะคิดไม่ได้ว่าคุณไม่ได้รักตาไมค์ คนอะไรใจจืดใจดำที่สุด”
กมลพรรณสบัดหน้าใส่สามีหลังประชดประชัน แต่ก็ทำได้เพียงแค่ประชดด้วยวาจาเท่านั้น เมื่อหล่อนเองก็ถูกคำสั่งประกาศิตว่าห้ามให้การช่วยเหลือชลาธารในทุกกรณี และเป็นสิ่งที่หล่อนไม่กล้าที่จะมีปัญหากับชนินทร์ เนื่องจากหล่อนเองก็ถูกคาดโทษมาตั้งแต่ครั้งที่ควักเงินส่วนตัวซื้อรถให้ลูกชายสุดที่รัก แต่ชนินทร์กลับสั่งสอนด้วยการไม่โอนเงินชดเชยในส่วนนั้นมาให้ การที่เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวและหล่อนเองเป็นผู้ใช้เงินอย่างสุขสบาย ทำให้หล่อนยังให้ความเกรงใจเคารพเขาเกี่ยวกับเรื่องการบริหารเงินภายในบ้าน แม้ใจจะอยากแอบช่วยเหลือชลาธารเป็นอย่างมาก โดยการแอบโอนเงินให้ แต่ก็กลัวว่าจะถูกจับได้แล้วต้องมีปัญหากับสามี
“ไม่ใช่ว่าผมไม่รักลูกนะคุณ แต่เพราะผมรักลูกของเรามาก ก็
เลยอยากหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก คุณไม่มีวันเข้าใจเหตุผลของผมหรอกคุณพรรณ”
“พรรณไม่เถียงกับคุณหรอกค่ะ เพราะคุณมีร้อยแปดเหตุผลที่จะนำมาอ้าง แล้วเป็นยังไงล่ะคะ วิธีที่สุดแสนจะเวิร์คของคุณ ทำซะลูกไม่ยอมพูดด้วย ไม่เข้าหาจนจะจำหน้ากันไม่ได้แล้วมั้ง”
“ไม่เป็นไร สักวันก็คงจะคิดได้เองว่าผมไม่เคยเห็นคนอื่นดีกว่าเขา”
“ให้มันจริง แน่ใจนะคะว่าไม่ได้เห็นคนอื่นดีกว่าลูก แล้ว…”
“ผมรู้นะว่าคุณหมายถึงใคร บอกแล้วว่ามันไม่มีอะไร คิดคนเดียวไม่พอ ยังเอาเรื่องที่มันไม่จริงไปกรอกหูตาไม้อีก เฮ้อ”
ชนินทร์แทรกขึ้นทันควัน รู้ดีว่าภรรยากำลังพูดถึงอะไร จึงรีบดักคออย่างรู้ทัน จากนั้นจึงเดินหนีเมื่อรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังจะวกมาหาเรื่องกันอีกครั้ง จึงชิงตัดบทเพื่อไม่อยากให้ต้องรื้อฟื้นขึ้นมาเป็นหัวข้อถกเถียงกันในเรื่องเดิมๆ ทั้งที่ความจริงบุคคลที่ภรรยาของเขากำลังพาดพิงนั้น ออกจะให้ความเคารพเธออยู่ไม่น้อย แต่กมลพรรณไม่เคยมองเห็นเพราะใจนั้นคิดอคติไปเสียแล้ว
“พอพูดถึงก็รีบเดินหนี แทงใจดำล่ะสิ เชอะ!”
มือแกร่งกระตุกปมผ้าขนหนูที่พันรอบสะโพกสอบเอาไว้จนหลุดออกจากกัน หลังจากบานประตูห้องน้ำถูกปิดลง ก่อนที่ชายหนุ่มจะโยนมันไปจนพ้นทางเผยให้เห็นร่างกายกำยำเปลือยเปล่าที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงาบานใหญ่ เขาเร่งความแรงของฝักบัวจนสุดเกลียว พาร่างเข้าไปอยู่ภายใต้สายน้ำที่แตกซ่านลงมาอย่างในระดับแรงสุด หวังใช้สายน้ำช่วยเรียกความสดชื่นให้กลับคืนมา ความเย็นฉ่ำช่วยชะล้างความเครียดที่สะสมภายในใจให้คลายลงไปได้เป็นอย่างดี
สายน้ำจากจากฝักบัวแสนเย็นฉ่ำ นำพาความชุ่มชื่นมาสู่หัวใจที่แสนร้อนรุ่มให้ลดดีกรีความร้อนลงไป ชลาธารฮัมเพลงโปรดอย่างสบายอารมณ์เมื่อเขาคิดอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้ ใบหน้าของจันทร์กะพ้อที่ลอยเด่นอยู่ในห้วงคำนึง ทำให้ชายหนุ่มกระตุกยิ้มออกมาอย่างคนเจ้าเล่ห์
สายตาคู่คมเพ่งมองเงาสะท้อนร่างของตนในกระจกเงาบานใหญ่ เสน่ห์เรือนกายแสนเร้าใจที่เขาภูมิใจ หล่อหลอมชลาธารให้เป็นคนมาดมั่น ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนรอดพ้นหากเขาคิดจะหิ้วใครขึ้นเตียง และหากเขาจะใช้มันให้เป็นประโยชน์ในการที่จะเอาชนะบิดา คงไม่ยากนักกับผู้หญิงหิวเงินอย่างผู้จัดการไร่คนสวยที่บิดาของเขาหลงใหลจนหัวปักหัวปำ
“เธอมีดีอะไรนะ จันทร์กะพ้อ ฉันชักอยากรู้จักเธอมากกว่านี้เสียแล้วสิ”
ปลายนิ้วแกร่งเผลอแตะริมฝีปากได้รูปอย่างลืมตัว เมื่อใจคิดไปถึงแต่เรือนร่างอันแสนเร้าใจเขย่าหัวใจเขาอยู่ไม่น้อย ไม่ยากเกินไปนักหากคิดจะสืบค้นประวัติของคนที่สนใจ เพียงแรกเห็นหน้าผ่านสื่อออนไลน์ ชายหนุ่มจึงได้รู้ว่า ศัตรูของเขานั้นไม่ธรรมดาเสียแล้ว
มันจะง่ายหากหล่อนไม่สวยและก็ไม่อึ๋ม แต่หล่อนเล่นพกทั้งสองสิ่งมาเพื่อฆ่าคนอย่างเขาโดยเฉพาะ แม้ใจจะย้ำเตือนว่าห้ามเผลอไผลไปกับเสน่ห์ล่อหลอกของศัตรูหมายเลขหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างใจคิด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหล่อนจึงกลายมาเป็นคนโปรดของบิดา
หลังจากนอนคิดมาหลายวัน ชายหนุ่มเชื่อว่าการแข็งข้อไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาได้ หากเขาต้องการที่จะเอาชนะบิดาในครั้งนี้ มีอยู่ทางเดียวคือการยอมเดินเข้าไปในเกมที่ท่านสร้างมันขึ้นมา และเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขาได้เข้าถึงตัวจันทร์กะพ้อ ผู้หญิงที่เขาเชื่อว่ากำลังจะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ในฐานะบ้านเล็กของบิดา และนั่นคือสิ่งที่เขาจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด เขาจึงต้องรีบเขี่ยหล่อนออกไปจากชีวิตก่อนที่ทุกอย่างจะไปไกลจนกู่ไม่กลับ สั่งสอนให้หล่อนได้จดจำจนไม่กล้ากลับมาเหยียบเรือนลูกไม้อีกต่อไป
++++++++++++++++++++++++