3|ฉันเป็นของเธอ...

4284 คำ
            คืนนั้น  เรื่องราวมันเกิดขึ้น เมื่อเธอต้องไปงานเลี้ยงบริษัทแห่งหนึ่งคู่กันกับเขา  รินรดาไม่ใช่คนแต่งตัวเก่งและบ้าแฟชั่น จึงเป็นเรื่องยากที่พนักงานต๊อกต๋อยต้องออกงานเลี้ยงใหญ่หรูหราเป็นครั้งแรก เธอคิดไม่ตกตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกชุด ไปจนถึงการแต่งหน้าและทำผม                                                                    หญิงสาวคิดด้วยความกลัดกลุ้ม  แต่เมื่อนึกถึงใครบางคนขึ้นมา เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทร. ไปหารุ่นพี่สาวประเภทสองคนหนึ่ง ที่รับเป็นคอส ตูมให้กับละครดังหลายเรื่อง  เพื่อให้รุ่นพี่คนนี้ช่วยเธอแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ทันที                        พอฟังรายละเอียดการออกงาน อีกฝ่ายที่ชอบการแต่งตัว แต่งหน้าทำผมอยู่แล้วจึงรีบตอบตกลง เธอจึงต้องถูกรุ่นพี่แปลงโฉมจากสาวที่ดูเชย ๆ ด้วยชุดราตรีสายเดี่ยวสีทองเพื่อให้เข้าธีมของงาน                                                                      ชุดราตรีที่รุ่นพี่คนนี้เลือกมาบอกว่ามีความเรียบหรู  ที่เหมาะกับระดับของงาน แต่ก็แฝงความเซ็กซี่ให้ไม่ดูจืดซืด  เพราะหากใส่ลงไปแล้ว ชุดที่คว้านลงลึกนั่น จะทำให้มองเห็นเนินทรวงอกรำไร                                                              เธอไม่เคยแต่งตัววาบหวิวถึงขนาดนี้ ตอนแรก รินรดาขอเปลี่ยนเอาชุดใหม่ แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าแล้วอ้างว่า              "ถ้าไม่ใส่ชุดนี้  เจ้ก็จะไม่ยอมแต่งหน้าทำผมให้เหมือนกัน ที่เจ้เลือกชุดนี้ เพราะเห็นว่าเหมาะกับรินที่มีทรวดทรงองค์เอวอย่างนี้  เชื่อเจ้...มันไม่โป๊น่าเกลียดหรอก   สมัยนี้ใคร ๆ ก็เผยเนื้อหนังมังสาอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ  ดูสิตัวเองมีของดีแม่ให้มาขนาดนี้  ใช้ชะ...ให้คุ้ม"     พูดแล้วก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้   ก่อนสะบัดตัวไปยังกระจกบานใหญ่ อันมีชุดแต่งหน้าครบครันของตัวเองวางเรียงรายรออยู่ "มา...เริ่มทำผมและแต่งหน้าได้แล้ว  สองทุ่มเจ้มีงานต่ออีกนะ"                                                                              เมื่อรุ่นพี่ยืนกรานเช่นนี้   รินรดาจึงกลืนน้ำลายลงคอ และยอมใส่ชุดนั้นแต่โดยดี จากนั้นใช้เวลาไม่นานเลยสักนิด รุ่นพี่คนนี้ก็สามารถจับเธอมาเนรมิต ราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว                                                                                              "เสร็จหรือยังริน ชุดใส่พอดีมั้ย เจ้เลือกมาให้ตามไซส์ที่รินบอกมาเลยนะ"   เสียงพูดที่ดังอยู่ ทำให้รินรดาเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำในห้องพักมา ทีแรกเธอไม่ค่อยจะมั่นใจในตัวเองเลย ชุดมันรัดรูปเหลือเกิน อีกทั้งเย็นวูบวาบอย่างไรไม่รู้ โดยเฉพาะด้านหน้า                                                                                     หญิงสาวเดินตรงไปยังหน้ากระจกบานใหญ่ หยิบแว่นตาขึ้นมาสวม พอสวมแล้วเธอก็อ้าปากค้างน้อย ๆ อย่างตะลึงงันไปกับรูปโฉมของตัวเองที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เธอกะพริบตาอย่างงงงวยอีก เพราะแทบไม่น่าเชื่อว่า ความสามารถของรุ่นพี่คนนี้  จะทำให้เธอดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน                                      ผมยาวที่ถูกดัดลอนตอนปลาย ไม่ได้ถูกรวบแต่ให้ปล่อยทิ้งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก  ให้สยายอยู่เต็มแผ่นหลังเปลือยเปล่านวลเนียนนั่น                               "ความจริงรินเป็นคนสวยนะ  แต่ไม่ชอบแต่งหน้า แต่งตัว ที่สำคัญ..." รุ่นพี่คนเดินเดินนวยนาดมายืนข้าง ๆ กระตุกแว่นตาของเธอออก ราวกับมันเป็นสิ่งที่น่ารำคาญหูรำคาญตาตนที่สุดในโลก "ถ้าไม่สวมแว่นตาหนา ๆ เนี่ย จะสวยมากกกก…"              หญิงสาวหรี่ดวงตาลง เพื่อปรับสายตาแล้วทอดมองตนเองในกระจก ก็เห็นจริงดั่งที่รุ่นพี่พูด              "มีคอนแทคเลนส์มั้ย"                                                                                           "อยู่ในกระเป๋าค่ะ"                                                                                                 "งั้นก็เอามาใส่ชะ เสียเวลาแปลงโฉมให้เกือบสองชั่วโมง ทั้งแต่งหน้าทำผม อย่าให้แว่นตาเห่ย ๆ มันมาทำพัง...เชื่อเจ้"            รินรดาหัวเราะคิกกับคำพูดคำจาของอีกฝ่าย   แม้เธอจะไม่ชอบใส่คอนแทคเลนส์ แต่คราวนี้เธอต้องยอม  ออกงานใหญ่แบบนี้ในฐานะเลขาฯของเขา  ไม่ควรให้รัศมีดับเพราะแว่นตานี่เลย                                                                             หญิงสาวจึงเก็บแว่นตาไว้ หยิบคอนแทคเลนส์ขึ้นมาใส่อย่างว่าง่าย...ไม่ใช่เพราะกลัวตนเองไม่สวย  แต่กลัวคนที่เธอต้องออกงานด้วย จะว่าไม่คู่ควรเดินกับเขาต่างหาก                                                                                      เนื่องจากทิศทางที่จัดงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้  เป็นทางเดียวกันกับที่รุ่นพี่คนเดิมจะไปทำงานต่อ หญิงสาวจึงอาศัยรถของอีกฝ่ายมาด้วย   พอลงจากรถแล้วจึงเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างรีบเร่ง  รองเท้าส้นสูงสี่นิ้วนั้น  แม้เดิมทีเคยนึกว่าตัวเองจะเดินไม่ถนัด แต่พอได้เดิน ๆ ดู ไม่กี่ก้าวก็ดูคุ้นชินไปเอง ไม่เป็นอุปสรรคดั่งที่เธอเคยคิดเอาไว้  แถมมันยังช่วยขับให้รูปร่างของรินรดาดูระหงและสง่างามขึ้นอีกด้วย                                                                                                                "นัดกันไว้ตรงนี้"  หญิงสาวพึมพำเบา ๆ เจ้านายบอกว่า ให้มาเจอกับเขาตรงทางเข้าห้องจัดงานเลี้ยง... หญิงสาวหันแลซ้ายขวามองหาเขา                                           "จะขึ้นไปได้หรือยัง"                                                                                                 เธอตกใจเล็กน้อยกับน้ำเสียงทุ้ม  จึงหันหลังกลับไปมองทันที                                 ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีครีมทั้งชุด ตัดกันกับเนคไทสีทองเส้นนั้น เขากำลังใช้สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง มองเธอด้วยแววตานิ่ง ๆ ดูไม่ออกหรอกว่าเขาจะตำหนิเธอหรือไม่  ที่มาช้าจากเวลาที่นัดกันไปเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะทันได้พูดอะไร ดวงตาเขาที่มองเธออยู่ก็มองเลยไปยังบันไดหินอ่อน ที่ทอดยาวขึ้นไปสู่ห้องจัดเลี้ยง  จากนั้นเขาก็เดินผ่านหน้าเธอไป                                                     "ตามมาสิ …"                                                                                                     "คะ ค่ะ" เธอรับคำดึงกระโปรงที่ยาวกรอมเท้าขึ้น แล้วรีบเดินตาม                   แต่เขาก็หันกลับมามองหน้าเธอ คราวนี้ดวงตาคู่สีดำลึกฉายแววตำหนิอย่างชัดเจน "ไม่ต้องรีบเดินถึงขนาดนั้นก็ได้  เดี๋ยวก็สะดุดล้มเหมือนครั้งที่แล้วหรอก"                                                                                                                 กล่าวแล้วจึงหันหน้ากลับ ก่อนจะเริ่มออกเดินนำหญิงสาวไปก่อน                                    แม้แววตาและน้ำเสียงของเขาในครั้งนี้ จะแฝงไว้ด้วยการตำหนิอย่างชัดเจน  ทว่า รินรดากลับไม่รู้สึกเสียใจ ตรงกันข้ามมันทำให้เธออบอุ่นซึมลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ  เพราะคำพูดนี้ ได้บ่งบอกให้เธอรู้ว่า...             ที่ผ่านมา เขาจดจำเธอได้ตลอดเวลา                                                                                                                                                                       ภายในงานเลี้ยงนั้น แม้จะประกอบไปด้วยคนดังมากมายจากหลายวงการ  ก็ไม่ได้ทำให้รินรดาที่ไม่เคยออกงานระดับนี้มีอาการประหม่า หรือแสดงอะไรที่น่าอายออกมา  อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้ามีเรื่องที่ทำให้เธอดีใจกระมัง   รินรดาจึงมีความมั่นใจ ที่จะสนทนากับแขกคนดังเหล่านั้น  ร่วมกับชายหนุ่มอย่างเป็นธรรมชาติ  ซึ่งจะดูตรงกันข้ามกับ เจ้านายหนุ่มด้วยซ้ำ ดูราวกับเขาจงใจสงวนรอยยิ้มต่อคนทั้งโลก เขาเพียงแค่ยิ้มน้อย ๆ ยามพูดจาทักทายต่อแขกเหล่านั้นไม่ค่อยแสดงความสนิทสนมอะไรออกมามาก                                           กระทั่งเขาเดินไปเจอสุภาพสตรีคนหนึ่งในชุดราตรีเกาะอกสีทอง รูปร่างสูงโปร่งที่รินรดารู้จัก   ว่าเป็นลูกสาวคนสุดท้องของเจ้าของธนาคารชื่อดังคนหนึ่ง จอมไตรมีรอยยิ้มกระจ่างสดใสให้กับหญิงสาวคนนั้น ราวกับเป็นคนละคนก่อนหน้าไปเลย             รินรดาเดินตามชายหนุ่มอยู่ห่าง ๆ เห็นหญิงสาวแสนสวยคนนั้นไหว้มา เขาก็รับไหว้ จากนั้นคนทั้งคู่ก็พูดคุยกันอย่างสนิทสนม บางครั้งก็หัวร่อต่อกระซิก หญิงสาวคนนั้นใช้กำปั้นทุบไปที่อกเขาเบา ๆ เขาเองก็หัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะวางมือหนาไว้บนศีรษะ แล้วขยี้ด้วยกิริยาละมุน นอกจากจะแสดงออกถึงความสนิทสนมแล้ว ยังดูมีความพิเศษระหว่างกันและกันแฝงอยู่ด้วย                          รินรดามองภาพนั้น ภายในใจรู้สึกวูบโหวง  แทบไม่ต้องอธิบายถ้อยคำใด ๆ  คนทั้งคู่คงเป็นคนพิเศษระหว่างกันอย่างแน่นอน             ราวกับตัวเองเป็นส่วนเกินขึ้นมา เพราะเขาเองก็ไม่แม้แต่จะชายตาแลเธออีกเลยด้วยซ้ำไป  รินรดาจึงค่อย ๆ เดินผละคนทั้งคู่ออกมา จู่ ๆ  ก็ให้รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นเวลาเดียวกันกับบริกรของงานถือถาดเครื่องดื่มผ่านมาพอดี             หญิงสาวจึงเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาหนึ่งแก้ว ทีแรกตั้งใจว่าจะดื่มเพื่อบรรเทาความฝืดในลำคอเท่านั้น  เธอจรดแก้วเข้ากับริมฝีปาก แล้วดื่มทีเดียวจนเกือบหมดแก้ว                                                                                                            ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ ยามกลืนเครื่องดื่มชนิดนี้เข้าไปในท้อง คือความขมเฝื่อนนิด ๆ แต่ก็หอมไปด้วยกลิ่นผลไม้บางอย่าง ช่างซาบซ่าน และกลายเป็นความร้อนวูบวาบที่แผ่ซ่านไปทั้งตัว  ก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกใหม่กับเธอเสียจริง  หญิงสาวจึงวางแก้วนั้นลง  แล้วหยิบอีกแก้วขึ้นมาจรดกับริมฝีปากตั้งใจจะดื่มอีกทว่า…             "เธอเคยดื่มหรือ"                                                                                            รินรดาลดแก้วในมือลง เห็นคนเป็นเจ้านายยืนอยู่ตรงหน้า กำลังจับตามองเธอนิ่ง คิ้วเข้มทั้งคู่ของเขาขมวดน้อย ๆ ดวงตาวาววับจับกับแก้วเครื่องดื่มในมือเธอ ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาสบกับดวงตาที่เริ่มฉ่ำปรือของเธออีก"ไม่ค่ะ"             "งั้นก็อย่าดื่มให้มากนักนะ" บอกด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะชอบใจ จากนั้นจึงหันหลังเดินแหวกฝูงชน เดินกลับไปหาหญิงสาวคนเดิม และคุยกันด้วยท่าทางสนิทสนมต่อ                                                                                                      ความแห้งแล้งก่อเกิดขึ้นมาภายในใจอีกครั้ง   รินรดามองแก้วเครื่องดื่มที่ยังมีน้ำสีทองเจือจางในแก้วด้วยแววตาปวดร้าว  เธอจรดแก้วที่ริมฝีปาก ดื่มทีเดียวให้หมด...เหลียวมองหาบริกรของงาน แล้วเดินเข้าไปหา วางแก้วเปล่าลงในถาด ก่อนจะหยิบอีกแก้วขึ้นมาหวังจะดื่มอีก                                                      ทว่า...ช่วงที่หมุนตัวกลับ เธอเห็นสายตาคมเจ้านายหนุ่มรูปหล่อตวัดมองมาที่เธออีกครั้ง… หญิงสาวมองแก้วเครื่องดื่มในมือ เริ่มเรียนรู้แล้วว่า วิธีใดที่จะดึงสายตาว่างเปล่าของเขาให้กลับมาจดจ่อสนใจเธอได้บ้าง                                        รินรดาไม่สนใจคำเตือนก่อนหน้านั้นของเขา จรดแก้วไปที่ริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดง ดื่มทีเดียวให้หมดเกลี้ยงอีก แม้สิ่งที่ทำจะไม่ใช่ตัวตนของเธอก็ตาม  ขอเพียงแค่มันทำให้เธอมี 'ตัวตน' มีความหมายอยู่ในกระแสสายตาของเขาบ้าง ถึงจะชั่วครู่ ชั่วยาม...เธอก็ยอม!                                                                                                                                                                    จวบจนสี่ทุ่มงานเลี้ยงเลิก หญิงสาวเดินตามหลังขณะกำลังออกจากงานเลี้ยง เธอเดินอย่างไม่มั่นคงนัก ดวงตาพร่า สมองมึนงง รู้สึกร้อนไปทั่วร่างกาย และเจ้านายหนุ่มคงรู้ว่าเลขาฯ ของตนมีอาการเช่นไร จึงหยุดเดิน แล้วหันหลังกลับมามองใบหน้าหวานที่มีสีเลือดฝาดมากขึ้นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ เพื่อถามว่า                                                   "แล้วเธอล่ะ จะกลับยังไง"                                                                                   "กลับแท็กซี่ค่ะ” เธอตอบอย่างสั้น ๆ                                                                      ชายหนุ่มจึงขมวดคิ้ว ถามขึ้นอีก "ไม่ได้ขับรถมาเองหรอกหรือ"                              "พอดีรุ่นพี่ที่รู้จักแวะมาส่งค่ะ "                                                                           จอมไตรหันหลังกลับ ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น "ไม่ต้องขึ้นแท็กซี่เดี๋ยวฉันจะไปส่งเอง"                                                                               ถ้อยความสั้น ๆ แต่สามารถทำให้จิตใจที่แห้งแล้งก่อนหน้า ได้รับความชุ่มชื่นขึ้นมาอีกครั้ง แม้เขาจะอาสาตามมารยาทหรือเพราะเขาอยู่ในฐานะของเจ้านายจึงต้องแสดงออกซึ่งน้ำใจก็ตาม แต่รินรดาก็รู้สึกพึงพอใจ  เพราะการได้นั่งรถกลับกับเขา อย่างน้อยก็ช่วยยืดเวลาให้เธอได้อยู่ใกล้ชิดกับเขาให้นานขึ้น อย่างไม่มีใครคนอื่นมาคั่นอีก โดยเฉพาะลูกสาวเจ้าของเจ้าธนาคารชื่อดังคนนั้น                                                                                                                               ครั้นขึ้นมานั่งบนรถคันหรูของเขาแล้ว รินรดาจึงพิงตัวกับเบาะนุ่ม ความเมื่อยจากการใส่ส้นสูงเดินและยืนนาน ๆ เมื่อรวมกับอาการมึน ๆ เพราะเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ที่เธอดื่มไปก่อนหน้านี้อีก จึงทำให้หญิงสาวเผลอปล่อยตัวปล่อยใจอย่างสบาย ใบหน้าหวานเหม่อมองออกไปนอกรถ และด้วยอาการกึ่งจะเคลิ้มหลับทำให้หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่า การปล่อยตัวนั่งตามสบาย ศีรษะเอียงซบไปทางประตูรถ จะทำให้อีกหนึ่งคนเกิดความรู้สึกตรงกันข้ามกันอย่างชิ้นเชิง                                                                       เห็นหญิงสาวเงียบไป จอมไตรจึงเบือนสายตามองไปทางเธอ เห็นลักษณะของหญิงสาวที่นอนอย่างสบายโดยไม่ทันระมัดระวังตัว ว่าชุดราตรีที่คว้านลึกของเธอนั้น จะทำให้มีลักษณะที่หมิ่นเหม่อย่างไร  เลือดในกายชายหนุ่มเหมือนจะเดือดพล่านขึ้น กับทรวงอกเต่งตึงที่เห็นอยู่รำไรในขณะนี้                                        จอมไตรเบือนสายตากลับมามองทางข้างหน้า ยามเธอเบือนหน้ามาทางเขา ชายหนุ่มจึงถามไปอีกเรื่องเพื่อกลบเกลื่อนความร้อนรุ่มในกายนั้นแทน            "เธอไม่หนาวหรือ"                                                                                                คนถูกถามปรือตาหวานฉ่ำ เอียงคอมอง ภาพเช่นนั้นของเธอทำให้คนดูรู้สึกสบายตาขึ้น "ไม่ค่ะ"                                        "ถ้าหนาวก็บอก จะได้ลดแอร์ให้"                                                                            "ออกจะร้อน" เธอตอบอย่างซื่อ ๆ                                                            เขาเหลียวกลับมาดูคนที่บอกว่า ‘ร้อน’ อีกครั้ง แล้วส่ายหน้า ดูหงุดหงิดขึ้น  เพราะถ้าถามถึงคนที่ร้อนในตอนนี้ ใครก็คงไม่ร้อนรุ่มเท่าเขาหรอก!                                 แล้วชายจึงถอนหายใจอย่างหนัก ๆ อีกครั้ง                                                 "คุณจอม เป็นอะไรไปคะ" เธอถามเพราะไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรมาทำให้เขาหงุดหงิดขึ้น                   "เธอไม่รู้ตัวจริง ๆ หรือ"                                                                                        น้ำเสียงเช่นนี้ เหมือนเขาจะกัดฟันถามกลับ... เธอส่ายหน้า พลางตอบ    "ไม่ค่ะ"                                                                                 "รินรดา" เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยชื่อเธอเต็ม ๆ                                                        "คะ"   ยามหญิงสาวเผยอริมฝีปากแดงระเรื่อขานรับ ปรือดวงตาหวานฉ่ำมองตอบเขา                                                       ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากบางเข้าด้วยกัน ฮึมฮัมอยู่ในลำคอด้วยเลือดที่เดือดพล่านภายในกายและที่ตัวตนที่คับแน่นขึ้น เธอคงไม่รู้ตัวว่า ยามทำกิริยาเช่นนี้ออกมาแล้ว จะปลุกให้สัญชาติญาณดิบในตัวเขาตื่นฟื้นขึ้นมา                                จอมไตรเริ่มนั่งอย่างกระสับกระส่าย กรอกดวงตาคู่สีดำลึกอย่างหงุดหงิดไปมา                          แม้จะเป็นคนเงียบขรึม  และดูบ้างานในสายตาของใครหลาย ๆ คน จึงไม่มีใครรู้ว่า เขายังมีภาคในส่วนของชายหนุ่มที่มีเลือดเนื้อเข้มข้น ซึ่งไม่เคยขาดหายไปในเรื่องของความต้องการในเรื่องทำนองนั้นเลย                                                         ยิ่งเขาเติบโตที่เมืองนอก เมืองที่มีการแสดงออกในเรื่องเซ็กส์อย่างเสรีด้วยแล้ว เขาจึงเห็นและถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ แสดงออกอย่างปกติ แม้แต่การได้กลับมาใช้ชีวิตในประเทศนี้ก็ไม่ได้ขาดหายเรื่องทำนองนี้ ที่มีกับผู้หญิงของเขาในหลายคน ...เพียงแต่ว่า ด้วยนิสัยของเขายังไม่อยากลงหลักปักฐานกับใครง่าย ๆ ผู้หญิงที่ผ่าน ๆ มาเพียงแค่เดทกันชั่วครู่ยามแล้วก็เลิกรา...ไม่ทันฉาวโฉ่ เพราะอย่างที่บอกเขาค่อนข้างขี้เบื่อง่าย อีกทั้งก็บ้างาน ผู้หญิงน้อยคนนักที่จะทนเขาได้                                                                                                                       แล้วความต้องการของเขา...มันกำลังถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งในตอนนี้                 "ผู้หญิงคนนั้น...รินหมายถึงคนที่คุณจอมคุยด้วยก่อนงานเลิกน่ะค่ะ"       เมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเงียบ... ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้รินรดาสอบ ถามเรื่องหญิงสาวคนนั้นจากเจ้านาย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นเรื่องค่อนข้างส่วนตัว แต่เพราะปมค้างคาในใจก่อนงานเลิก จึงทำให้เธออยากรู้                                         ความจริง...มองแต่ภายนอกก็เห็นว่าทั้งสองคงเป็นคู่รัก แต่เศษเสี้ยวของจิตใจของเธอก็แอบมีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ หวังอย่างเข้าข้างตัวเอง ยิ่งตอนที่อยู่ในงาน ขณะที่เขากำลังสนทนากับลูกสาวเจ้าของธนาคารชื่อดัง เขายังยอมละสายตาจากหญิงสาวคนนั้น เพื่อมองมาทางเธออย่างเป็นห่วงอยู่บ่อย ๆ ก็ยิ่งทำให้เธอแอบมีความคิดที่จะขอเข้าข้างตัวเองเสียหน่อย...ไม่ได้หรือ                                               "หนูดี...เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน"                                                             หลังจากเงียบไปอึดใจ จอมไตรจึงตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ขยาย ไม่อธิบายเพิ่ม แต่คนที่เห็นภาพคนทั้งสองเป็นคู่รักกันนั้น พอได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกปวดหนึบไปที่หัวใจอีก...หนูดี ...ผู้หญิงคนนั้นชื่อหนูดีนั่นเอง                                         "ค่ะ  คุณคงจะรักเธอมาก" รินรดาเอ่ยออกมาอย่างกล้ำกลืน ความคิดที่แอบคิดเข้าข้างตัวเองก่อนหน้า ดูมลายหายไปในพริบตา                                                  จอมไตรหันมามองหญิงสาวทันทีหลังจากเธอเอ่ยประโยคนั้น ไม่ทันพูดอะไรกลับ เธอก็ละล่ำละลักขอโทษ  "ขอโทษค่ะ รินไม่น่าถามเลย จอดรถให้รินเถอะค่ะ รินจะลงตรงนี้ เดี๋ยวนั่งรถกลับเองได้" หญิงสาวขอให้เขาจอด และยิ่งเจ็บหนึบไปทั้งหัวใจ เมื่อเขายอมหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าข้างทาง รินรดายิ่งคิดว่าเขาก็คงอยากให้เธอรีบลงจากรถของเขาเสียโดยเร็วเช่นกัน                                                                                      พอรถหยุด เธอทำท่าปลดเข็มขัด แต่ยังไม่ได้ปลด มือข้างหนึ่งก็ถูกมือหนาของเขาฉุดเอาไว้                "เธอเป็นอะไร?" ชายหนุ่มถามสีหน้าเคร่ง จู่ ๆ เธอก็ทำราวกับงอนอะไรในตัวเขาขึ้นมา                                                                "เปล่าค่ะ"    เธอปฏิเสธแล้วดึงดันจะลงจากรถ              จอมไตรจึงหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม "ฉันถามเธออีกครั้ง เธอเป็นอะไรของเธอ"                                                               หญิงสาวเม้มริมฝีปาก ความน้อยเนื้อต่ำใจที่เกิดขึ้นมาเอง  จึงไม่สามารถเอื้อนเอ่ยบอกเขาได้ตามตรง หากเขาทราบว่าเลขาฯของเขาคิดอะไรเกินเลยไปกว่านี้ เขาจะหัวเราะขันและดูถูกเธอขึ้นมาหรือไม่ หญิงสาวตวัดดวงตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและตัดพ้อขึ้นมาสบกับเขาตรง ๆ โกรธอะไรก็ไม่เท่ากับโกรธใจตัวเอง ที่ปล่อยให้ความรู้สึกนึกคิดมันเกินเลยมาตั้งไกลขนาดนี้...                               "รินรดา ฉันถามเธออีกครั้ง เธอเป็นอะไร" จอมไตรถามอย่างกับคนสกัดกั้นอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้น สับสนว่าโกรธ ไม่พอใจที่หญิงสาวจู่ ๆ มาทำตะบึงตะบอนใส่เขาโดยไม่มีเหตุผล หรือพลุ่งพล่านเพราะขณะเดียวกันเขาก็เพียรระงับอารมณ์ดิบบางอย่างภายในกายของตนให้สงบ แต่มันก็ไม่ยอมสยบลงง่าย ๆ เสียที                                                                                                                           รินรดาพยายามดึงข้อมือตนออกจากมือหนาที่บีบลงเต็มแรง เขาทำราวกับโกรธเธอ "รินก็เป็นได้แค่ลูกน้องของคุณจอมอย่างไรล่ะคะ ปล่อยค่ะ รินจะลงตรงนี้  คุณจอมไม่ต้องลำบากไปส่งรินแล้ว"                                                                  รินรดาบอก พร้อมกับเริ่มแกะมือหนาเขาออกจากข้อมือเธอออกอีกครั้ง จนปลดเข็มขัดนิรภัยได้ จอมไตรจึงยิ่งไม่พอใจ เขาใช้มืออีกข้างกดทับข้อมืออีกข้างของเธอเอาไว้อีก                                                                                                            "ปล่อย!" รินรดาก้มหน้าจะพยายามแกะมือออก แต่แล้วต้องสะดุ้งวาบกับริมฝีปากอุ่นจัดที่ทาบทับลงมา และรู้สึกขนลุกมากขึ้น เมื่อรู้ปลายลิ้นของเขาค่อย ๆ ดุนดันเข้ามามาแตะตรงไรฟันของเธอ แต่เธอไม่ได้เปิดให้ลิ้นของเขาเข้ามาสำรวจภายในได้มากกว่านี้ เขาจึงใช้ริมฝีปากงับลงบนริมฝีปากล่างของเธอเบา ๆ พอให้เธออุทานออกมา แล้วดันปลายลิ้นร้อนชื้นเข้าไป วินาทีที่แตะกับปลายลิ้นที่สั่นไหวของเธอเข้า ชายหนุ่มจึงเผลอครางฮึมอย่างพึงพอใจออกมา                         ปลายลิ้นที่หมุนวนเกี่ยวพันกับลิ้นเธออยู่นั้น ทำให้รินรดามึนงง ทีแรกก็หวาดกลัวกับการรุกรานอย่างไม่คาดฝันของเขา อยากจะต่อต้าน แต่เพราะลึก ๆ เธอเองก็มีความปรารถนา อยากจะใกล้ชิดกับเขาอยู่แล้ว บางเวลาจึงเผลอใช้ปลายลิ้นแตะกับปลายลิ้นของเขา โต้ตอบกลับไป กระทั่งจอมไตรถอยใบหน้าออก คนที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าโดนจูบ…ความตกใจที่มีก่อนหน้าจึงค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นเขินอาย                                                                                                                    จอมไตรเองก็เหมือนเพิ่งรู้สึกตัว ว่าทำอะไรลงไปกับคนที่อยู่ในฐานะของลูกน้อง เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก เลื่อนใบหน้าถอยห่าง จึงได้เห็นริมฝีปากสีแดงนั้นเผยอออกในลักษณะสั่นน้อย ๆ                                                                         รินรดาเลื่อนสายตาสานสบเข้ากับเขาอีกครั้ง เห็นเขาทำท่าจะเลื่อนใบหน้าเข้ามาอีก จึงหลับตาลงด้วยใจที่เต้นตึกตัก ทว่า...เธอกลับสัมผัสได้เพียงลมหายใจอุ่นเป่ารดอยู่ข้างแก้ม จึงลืมตาขึ้น เห็นเขาถอนหายใจหนัก ๆ แล้วผละกลับไปนั่งที่เบาะรถตามเดิม                                                                                      จอมไตรเองก็ใช้กำลังใจอย่างมาก ในการผลักดันแรงปรารถนาในกายหญิงสาวนั้นออก "มันไม่ควรเกิดขึ้น" เขาพึมพำกับตัวเองเบา                                          แล้วหันใบหน้าเคร่งเครียดกลับมาบอกเธออีกครั้ง "คาดเข็มขัดเสีย ฉันบอกว่าจะไปส่ง ก็คือจะไปส่ง อย่าทำให้หงุดหงิดจะดีกว่า...ไม่อย่างนั้น ฉันอาจจะเผลอทำอะไรที่มากกว่าเมื่อครู่ลงไปก็ได้... จะได้ไม่ต้องมีการเรียกร้องให้รับผิดชอบอะไรที่จะตามมาอีก"                                                     "แล้ว...ถ้ารินไม่เรียกร้อง ไม่ขอให้รับผิดชอบ..." เธอบอกออกไป เขาเบนสายตาที่มีประกายวาบหวามกลับมา   รินรดาจึงสบตากับเขาด้วยแววตามั่นคงขึ้น อะไรสักอย่างดลใจให้เธอพูดเช่นนั้น ความร้าวลึกในหัวใจที่เรียกร้องให้เขาเติมเต็มมาตลอดนั่นเอง...ก็เป็นได้ ที่เป็นแรงขับให้เธอกล้าพูดขึ้น เขารู้มาตลอดว่าเธอมีใจให้เขา แต่เขากลับเมินเฉย หญิงสาวเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เมื่อได้พูดออกไปแล้วก็น่าอาย แต่แล้ว…                                           "เธอแน่ใจหรือที่จะยอมให้มันเกิด" เขาถาม ประกายแววตาแวววาวจับเธอนิ่ง รู้สึกลุ้นอยู่ว่า เธอจะใจกล้ามากขึ้นอีกขนาดไหน หญิงสาวที่ตนเห็นนิ่ง ๆ เรียบร้อยมาตลอด  ไม่นึกเลยว่าจะกล้าเสนอตัวยอมมีความสัมพันธ์กับเขาโดยง่าย                                                                                                                        รินรดาเองยิ่งเห็นเขามองมาอย่างไม่กะพริบตา เธอก็พยายามควบคุมกิริยาให้นิ่งสงบแล้วสบตาเขากลับอย่างมั่นคง "ค่ะ"             "รินรดา" จอมไตรกัดริมฝีปาก เรียกชื่อเต็มของเธออีกครั้ง เขาพยายามข่มอารมณ์ปรารถนาให้สงบ แต่หญิงสาวข้าง ๆ นั้นเหมือนจะตรงกันข้าม แม้จะไม่ควรมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่อยู่ในฐานะลูกน้องคนนี้  แต่ทว่ากลิ่นกายสาว กลิ่นเครื่องดื่มที่ได้จากปลายลิ้นเธอมา ช่างทำให้จอมไตรอยากลิ้มลองเธอให้มากกว่านี้อีก                                                                                             "อารมณ์ของฉันตอนนี้ มันไม่เหมาะที่จะให้เธอล้อเล่นเช่นนี้"            เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ถูกกดลงให้ต่ำ ดูเหมือนว่าเขาก็พยายามสะกดอารมณ์ร้อนรุ่มของเขาเช่นกัน                                                                                              "รินก็ไม่ล้อเล่น  ถ้าเป็นคุณจอม…" เขาขยับตัวเข้ามาใกล้ชิดเธออีกครั้ง  อาจจะเป็นความมึนเมาที่ทำให้หญิงสาวคนนี้ดูใจกล้าขึ้น  แต่จะเพราะด้วยอะไรก็ตามแต่ เขาจะไม่หยุดความปรารถนาในกายสาวของเธออีกแล้ว                                                                         จอมไตรเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้คนที่กำลังหลับตาพริ้ม เพื่อรอรับริมฝีปากของเขา ชายหนุ่มแตะริมฝีปากร้อนลงบนกลีบปากนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง   บดริมฝีปากตนเข้ากับริมฝีปากเธอเบา ๆ สองสามครั้ง แล้วผละใบหน้าออก เธอปรือตาขึ้นดูงุนงง เขาจึงรีบเฉลยว่า                                                           "ครั้งแรก...ของเรา  ไม่ควรจะเป็นที่คับแคบแบบนี้ "                          ไม่ทันจะไถ่ถามว่า...หากไม่ใช่ที่ตรงนี้ แล้วควรเป็นตรงไหน รถยนต์ที่เธอนั่งอยู่นี้ก็เคลื่อนจากที่ราวกับมีมือใครมากระชาก จากนั้นทิศทางของรถก็เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ต้องให้ถามจากเขาอีกแล้ว เพราะรินรดารู้ว่าจะเป็นทิศทางใดก็ตาม เรื่องมันก็จะจบลงตรงที่เธอยอมเป็นของเขาด้วยความเต็มใจ  แม้จะดูใจง่ายและไร้เหตุผลในสายตาของใครคนอื่น แต่สำหรับเธอแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเธอในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เธอสามารถนึกหาเหตุผลเดียวเท่านั้นมารองรับนั่นคือ…                               ความรัก...เพราะเธอรักเขามาตลอดนั่นเอง      
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม