หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
อลัญบินกลับประเทศของเขาในช่วงสายของวันนั้น ปราณัฐรู้ข่าวจากดิมิทรีอีกที ความเสียใจและตกตะลึงยังตามมาหลอกหลอนเธอทั้งที่ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว เขาทิ้งเธอไป ไม่สนใจพรหมจรรย์ปลอมๆ ที่เธอสร้างขึ้นมา เธอเสียใจที่ถูกทิ้งไว้แบบนี้ เสียใจที่อลัญไม่แคร์เธอเลย แต่บางครั้งก็นึกดีใจที่คืนนั้นไม่ตัดสินใจขึ้นเตียงเขาไปจริงๆ ไม่เช่นนั้นละก็ เธอคงต้องเสียทั้งตัว เสียทั้งหัวใจ
“พี่คะ เป็นอะไรหรือเปล่า พักนี้เงียบๆ นะ”
“เปล่า ฉันก็แค่...เหนื่อยน่ะ” บอกน้องสาวที่นั่งอยู่โต๊ะอาหารของบ้าน เธอต้องไปทำงาน แต่ไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นสักเท่าไหร่
“ชีคกลับไปอาทิตย์หนึ่งแล้วเนาะ ไหนพี่ว่าจะจับเขาทำสามีไม่ใช่เหรอ แล้วคืนนั้นน่ะ พี่กับเขา...”
“หยุดพล่ามเลยยัยหยี ฉันปวดหัว”
“นี่แสดงว่าพี่กับชีค แบบว่า...”
“โธ่เอ๊ย ฉันไม่ได้ทำแบบที่แกคิดหรอกน่า อีตาชีคนั่นเมาขนาดนั้นจะทำอะไรฉันได้ ฉันแค่เซ็งน่ะ ที่แผนวัดใจคนมันได้ผลเกินคาด เฮ้อ! คิดแล้วมันเซ็ง!”
ปราณันต์ยิ้มล้อพี่สาว
“ไหนว่าเจ็ดวันจะได้เป็นชายาชีคไงคะ โม้นะเนี่ย”
“เออ...ทำไงได้ล่ะ เขาไม่รักฉันนี่ แต่ดีแล้วล่ะ เราไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาสักนิด” บอกแล้วหน้าเศร้าลงอีกเท่าตัว ปราณันต์นึกสงสารพี่สาวขึ้นมา
ติ๊งต่องๆๆ
เสียงกริ่งหน้าบ้านทำให้น้องสาวของปราณัฐต้องรีบออกไปดู ส่วนปราณัฐยังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร หน้าตาบอกบุญไม่รับ
ปราณันต์กลับมาภายในเวลาไม่กี่นาที ทว่าไม่ได้มาคนเดียว
“พี่คะ คือว่า...”
ปราณัฐหันไปมองตามเสียงน้องสาว อลัญยืนอยู่ข้างหลังปราณันต์ เจ้าหล่อนอมส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะรีบทำตัวเป็นน้องสาวที่แสนดี หายตัวไปอย่างไว ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอคนเป็นพี่ ให้ตายเถอะ อลัญกลับมาจริงๆ มาถึงบ้านเธอด้วย เขายังดูหล่อเหลา แม้วงหน้าจะติดโทรมนิดๆ ก็ตาม เหมือนเคราเขาจะหนาขึ้นภายในเวลาแค่อาทิตย์เดียว ดวงตาก็ดูลึกกว่าเดิม มีรอยคล้ำที่ใต้ตาด้วย เขาไปทำอะไรมานะ
“เอ่อ...คุณ...มาได้ยังไงคะ” ถามขณะลุกออกจากโต๊ะอาหาร เพื่อเดินนำเขาเข้าไปในห้องรับแขกของบ้าน
“นั่งเครื่องบินมา” เขาตอบ นั่งลงยังโซฟาตัวยาวโดยที่ ปราณัฐนั่งอยู่ห่างออกไป หล่อนยังดูงดงามไม่สร่างซา หัวใจเขาพองโตถึงขีดสุด นี่สินะ สิ่งที่หัวใจมันร่ำร้องเรียกหาตลอดเวลากว่าอาทิตย์ที่ผ่านมา
“ตั้งแต่เมื่อวานหรือคะ”
“เปล่า เมื่อกี้”
“คะ?”
“เราเพิ่งลงเครื่อง แล้วนั่งรถมาที่นี่ ยังไม่ได้เช็กอินโรงแรมไหนด้วยซ้ำ เรา...คิดถึงเจ้า”
ถ้อยวาจาของอลัญสร้างความดีใจให้ก่อเกิดแก่ปราณัฐ ทว่าเมื่อพบเจอกับสิ่งที่อลัญกำลังจะบอก ความรู้สึกผิดกลับเริ่มก่อร่างสร้างตัวในหัวใจของเธอ
“ฉันก็คิดถึงคุณค่ะ คุณ...ใจร้ายมากเลย ทิ้งฉันไปไม่บอกไม่กล่าว”
“เราขอโทษ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่มีอะไรคู่ควรกับคุณ สิ่งที่ฉันร้องขอมันมากไป ฉันรู้ค่ะ”
“เราขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น” บอกแล้วขยับเข้าไปใกล้ ปราณัฐ “เราผิดเอง...เราไม่ได้ให้ความกระจ่างแก่เจ้า เราหนีปัญหาจริงๆ และเมื่อวันนี้เราคิดได้ เราก็อยากทำอะไรๆ ให้มันถูกต้องเสียที” อลัญเอ่ยแล้วหยิบกล่องแหวนออกมาจากกระเป๋า เปิดกล่องออก มีแหวนเพชรเม็ดเขื่องอยู่ในนั้น
ปราณัฐมองมันแล้วใจเต้นแรง ไม่ใช่เพราะตื่นเต้นที่เห็นแหวนเพชร หรือไม่ใช่เพราะการที่เขาแสดงความรับผิดชอบเพียงอย่างเดียว แต่เพราะความรู้สึกผิดที่กำลังตีกันยุ่งเหยิงอยู่ในอก และเมื่อความอึดอัดมันอัดแน่นอยู่ในอกมากเกินพอ มันจึงถูกกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตา
อลัญมองคนที่นั่งน้ำตาไหล ทว่าไม่ยอมรับแหวนไปเสียที เขาเลยดึงแหวนออกมาแล้วดึงมือน้อยมาใกล้ พยายามสวมมันเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้าย ทว่าปราณัฐไม่ยอม
“ทำไม หรือว่าเจ้า...มีคนอื่นแล้ว”
หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ น้ำตาไหลไม่หยุด แต่ยังฝืนยิ้ม อยากอธิบายแต่มันยังพูดไม่ได้ ก้อนสะอื้นแล่นมาจุกลำคอจนแน่นไปหมด
“...ที่คุณทำแบบนี้ เพราะเรื่องคืนนั้นหรือคะ”
เขาพยักหน้า “แน่นอน มันมีส่วน”
“ถ้าอย่างนั้นฉันคงรับมันไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
ชีคมุ่นคิ้ว “ทำไม เราขออภัยหากทำให้เจ้าต้องเสียใจ ทำให้เจ้าต้องรอคอย”
“ไม่...มันไม่ใช่อย่างนั้น” บอกเขาแล้วส่ายหน้ารัวๆ “อลัญคะ คืนนั้น เรา...ไม่ได้มีอะไรกันหรอกนะคะ ทั้งหมดมันเป็นแผนการของฉันเอง ฉันโกหกคุณ ทำให้คุณเข้าใจผิด และพอวันนี้...คุณกลับมาจริงๆ ฉันควรดีใจที่คุณกลับมา แต่ว่า...ฉันทำไม่ได้ มันไม่ยุติธรรมสำหรับคุณเลย ฉันจะอยู่กับคุณอย่างมีความสุขได้ยังไงทั้งที่เคยโกหกคำโต ฉัน...ทำร้ายคุณไม่ได้อีกแล้ว” บอกเขาแล้วน้ำตายิ่งพรั่งพรู เธอควรได้รับการเกรี้ยวกราดจากชีคหนุ่ม แต่ไม่เลย เขาไม่ได้แสดงอาการว่าโกรธเธอด้วยซ้ำ ยังช่วยเช็ดน้ำตาให้เธออีกต่างหาก