“ไม่ๆๆ นี่เจ้าจะทำอะไร!” เขาร้องอย่างประหลาดใจ ก็ผู้จัดการโรงแรมคนสวยนี่สิ หล่อนนั่งลงกับพื้น ต่อหน้าเขาในท่าที่เตรียมพร้อมสำหรับการทำแผลที่ฝ่าเท้า
“ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เจ็บตัวนะคะ เอ่อ..ฉันไม่แน่ใจว่าต้องพูดราชาศัพท์กับคุณไหม แต่ที่แน่ๆ ภาษาไทยของคุณดีกว่าของฉันซะอีก” ว่าพลางนั่งพับเพียบดีๆ แล้วดึงเท้าของเจ้าชายมาวางไว้บนตัก ถามว่ารังเกียจไหม ก็ไม่นะ เธอจริงใจในการทำให้เขามากกว่า อย่างน้อยๆ ที่เขาต้องเจ็บตัวมันก็เป็นเพราะเธอไง เธอจะทำแผลให้เขา แม้ว่าชาตินี้จะแขยงหยาดโลหิตก็ตาม
“ไม่หรอก เราไม่ใช่พวกหัวโบราณ แค่คนที่รู้จักเรียกเราว่าเจ้าชายก็ให้เกียรติเรามากแล้ว โอ๊ย!”
“อุ๊ย...ขอโทษค่ะขอโทษ ฉันต้องดึงเศษแจกันออกก่อน มันเข้าไม่ลึกหรอกค่ะ เท่าที่ดูนะ” ว่าแล้วก็ก้มหน้าลงไปมองฝ่าเท้าเขาใกล้ๆ เมื่อดึงเอาเศษแจกันออกก็เห็นเป็นร่องเล็กๆ เขาต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอแท้ๆ
ปราณัฐตั้งอกตั้งใจทำแผล แม้ว่าจะหน้าซีดลงเรื่อยๆ เธอกลัวเลือด และหวังว่าเธอจะทำแผลเสร็จก่อนที่ตัวเองจะเป็นลมไปเสียก่อน
อลัญมองหญิงสาวที่นั่งอยู่เบื้องล่างมิวางตา หล่อนช่างเป็นสาวไทยที่งดงามนัก จิตใจก็อารี เขาสัมผัสได้จากดวงตาอันแสนจริงใจของหล่อน ผิวหล่อนเท่าที่สังเกตเห็นมิได้ขาวจัด แต่นวลตาเหมือนสีเม็ดทราย และดูเนียนละเอียดน่าสัมผัส หล่อนเป็นสตรีที่งดงาม ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเพียงผู้จัดการของโรงแรม
“โอ...ไม่ๆ ฉะ...ฉัน ฉันทำแผลให้เจ้าชายจะเสร็จแล้วนะ แต่ว่า...แต่ฉันคิดว่าตัวเอง ไม่ไหวแล้ว ฉันๆๆ”
อลัญพยายามฟังสิ่งที่สาวเจ้ากำลังเอื้อนเอ่ย พอหล่อนเงยหน้าขึ้นมา เขาจึงได้เห็นว่ามีเม็ดเหงื่อผุดพรายที่ไนผมเหนือหน้าผาก
“เจ้าเป็นอะไร”
“ฉะ...ฉัน ฉันกลัวเลือด! เฮือก!”
แล้วปราณัฐก็เป็นลมล้มพับอยู่แทบเท้าชีคอลัญ เขาตกใจไม่น้อย แต่ด้วยสังขารที่ไม่อำนวยเลยต้องเลือกทำแผลตัวเองให้เสร็จแล้วค่อยมาอุ้มเอาคนเป็นลมไปนอนบนโซฟา
เมื่อครู่นี้หล่อนพยาบาลเขาไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาคงต้องพยาบาลหล่อนคืนแล้ว
สิบนาทีให้หลัง
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของใครสักคนลอยวนอยู่ใกล้ๆ ปราณัฐสูดจมูกฟุดฟิดๆ แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง ใบหน้าเนียนกริบของคุณชีครูปงามลอยอยู่ห่างออกไปราวครึ่งศอก เขาชะโงกมาดูเธอ ให้ตายเถอะ คนอะไรหล่อชะมัด โครงหน้าคมเข้มกับดวงตาวาววับนั่นน่ะ น่ามองน้อยเสียเมื่อไหร่ แล้วยังริมฝีปากสีแดงระเรื่อนั่นอีก โอ๊ย...ขอชิมสักคำเถอะพ่อคุณ!
“โอ...เจ้าฟื้นแล้ว ลุกไหวหรือไม่”
ชีคถามแล้วช่วยพยุงสาวเจ้าให้ลุกนั่ง คุณผู้จัดการคนดีก็เกิดอาการเพลียร่างแรงน้อยต้องคอยพิงคนพยุง
ปราณัฐแอบยิ้มให้กับแผงอกอุ่นๆ ของคุณชีค ก็แหมๆๆ คนอะไรอกแน้นแน่น! แถมยังหอมอีกต่างหาก ได้กลิ่นแล้วมันรู้สึกปลอดโปร่งโล่งกายเสียเหลือเกิน แต่เอ๊ะ!?
“มีอะไร เจ้าทำเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้”
“อ่า...คือว่า...ฉันรู้สึกว่ามันโล่งๆ ชอบกล” ว่าแล้วเริ่มแตะโน่นจับนี่เพื่อสำรวจตัวเอง แล้วหัวใจผู้จัดการสาวก็ได้หล่นไปอยู่ตาตุ่ม เพราะกระดุมเสื้อเชิ้ตมันหลุดออกไปตั้งสามเม็ด! เธอรีบรวบสาบเสื้อเข้าหากัน พยายามนึกถึงสิ่งที่มันพอจะเป็นไปได้และได้เกิดขึ้นไปแล้ว
“ทำไมเสื้อฉันกระดุมหลุด” เธอถามเสียงแผ่ว ก็กลัวว่าจะโดนข้อหากล่าวหาเขาน่ะสิ ห้องนี้มีกันอยู่แค่สองคน ถ้าเธอไม่ได้แกะมัน ย่อมแสดงว่า...
“เราแกะเอง เรายังช่วยถอดบราให้เจ้าด้วย นี่ไง” ว่าแล้วชูบราไร้สายแบบตะขอหน้าของปราณัฐให้เจ้าหล่อนดู แน่นอนว่าปราณัฐตาแทบถลน รีบคว้าบรามาถือไว้โดยไว
“มีสิทธิ์อะไรมาถอดบราของฉันฮะ! อีตาชีคบ้ากาม!” ร้องด่าด้วยไม่รู้จะทำอย่างไร สองมือยกกอดอกโดยมีบราสีนิลสนิทถือไว้ในมือ
“โอ...ขออภัยเถอะคุณผู้หญิง เราแค่อยากช่วยปฐมพยาบาล และสิ่งที่เราทำให้เจ้า เราก็เรียนมานะ”
เขาตอบจริงจัง ปราณัฐอยากจะร้องไห้ ปากยังเทศนาเขาไม่หยุด แต่เขาไม่มีวันได้ยินหรอกเพราะเธอเอ่ยแทบจะไม่เป็นภาษาคน
“คนลามก! ไปหาเสื้อคลุมมาให้ฉันใส่เลย!”
อลัญทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนลุกไปยังแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ แน่นอนว่าสาวเจ้ามิอาจแลเห็น ตอนที่ถอดบราให้หล่อนน่ะ ขอสารภาพว่ามันเป็นสุภาพบุรุษไม่ได้จริงๆ ผิวหล่อนเนียนละเอียดแล้วก็นุ่มมาก เขาเลยอดใจไม่ไหว ได้ยลโฉมและสัมผัสมันนิดหน่อย ทว่านั่นก็มากพอที่ทำจะให้ร่างกายร้อนรุ่มไปหมด
ชีคหนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอน หยิบสูทของตัวเองออกมาให้สาวเจ้า อยากจะคลุมให้หล่อนอยู่หรอก แต่ตาขุ่นขวางที่ส่งมาทำให้เขาต้องพาดเสื้อไว้บนพนักโซฟาแทน
“ขออภัยเจ้าอีกครั้งมิสปราณัฐ สาบานว่าเรามิได้ทำอะไรเจ้าเลย”
“ไม่ได้ทำแต่มองจนเปรมน่ะสิ ฉันรู้ทันหรอกนะอีตาชีคจอมหื่น หลีกไปเลย ฉันจะกลับ!”
ปราณัฐทำเป็นฮึดฮัดไม่พอใจ พอเอาเสื้อสูทเขามาคลุมร่างได้ก็ลุกขึ้นแล้วก้าวฉับๆ ตรงไปที่ประตู
อลัญเดินตามไปบ้าง รู้สึกผิดขึ้นมา
“ปราณัฐ เจ้าโกรธเราจริงๆ รึ”
“ก็ลองให้ฉันถอดกางเกงในคุณตอนที่คุณหลับบ้างสิ คุณจะโกรธไหมล่ะ!” ประชดออกไปแล้วหน้าแดงเรื่อ ก็นะ คำประชดมีมากมาย แต่ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นออกไปก็ไม่รู้ ชักจะลามปามของสูงแล้วปราณัฐ
เกิดเสียงหัวเราะน้อยๆ ในลำคอของชีคหนุ่ม เขาจ้องมองพวงแก้มแดงเรื่อของปราณัฐแล้วจิตใจเบิกบาน ดูหล่อนสิ ช่างประชดออกมาได้
“ถ้าถามเรา เราก็จะบอกว่าไม่โกรธละนะ เจ้าจะทำอย่างอื่นด้วยตอนที่ถอดกางเกงเสร็จแล้วเราก็ไม่ว่าเจ้าหรอก จะแกล้งหลับให้เจ้าได้ยลโฉมชีคน้อยจนเปรมดีเดียว”
“โอ๊ย....อีตาชีคหื่น! ไม่อยู่ด้วยแล้ว!”
แล้วปราณัฐก็พาพวงแก้มแดงเรื่อเผ่นออกจากห้องเจ้าชายรูปงาม เขายังหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ บางทีการมาทำงานรอบนี้ที่เมืองไทย อาจไม่น่าเบื่อนักก็เป็นได้ โชคดีที่เขามาเข้าพักที่นี่ และโชคดีที่เขาได้เจอ มิสปราณัฐ