บุรุษต้องสาป(2)

1990 คำ
เห็นใบหน้าที่หงอยเหงาของสามี ลั่วจินก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่ใช่ว่าเหนื่อยหน่าย แต่เป็นเพราะห่วงความรู้สึกของสามีต่างหาก มันก็นานมากแล้ว ที่เขากับสามีไม่ได้ทำเรื่องดีงามต่อกันเพราะโอกาสไม่อำนวยหลายอย่าง แต่มาวันนี้พอจะมีบ้างตัวเขากลับไม่พร้อมเสียนี่ เอาเถอะใช่ว่าจะไม่มีวิธีช่วยให้ผู้เป็นสามีปลดปล่อยเสียหน่อย “ท่านพี่ ข้าก็มีวิธีช่วยให้ท่านผ่อนคลายได้หลายวิธีอยู่นะ สนใจหรือไม่ ไม่ใช่ว่าท่านพี่ก็ชื่นชอบวิธีของข้าไม่ใช่หรือ” “ห๊ะ..” อารมณ์ของชายหนุ่มยังคงไม่หลุดออกจากอาการผิดหวัง ภรรยาตัวบางก็คุกเข่าลงต่อหน้าและจัดการอาภรณ์ของเขาออกด้วยความรวดเร็วแสง นี่ไม่ได้เรียกว่าถอดให้เรียกว่ากระชากเอาเลยดีกว่า ส่วนผู้เป็นสามีก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ และเริ่มรู้สึกตัวว่าภรรยากำลังจะทำสิ่งใดให้ ‘ลั่วจิน อย่าใช้วรยุทธ์ผิดที่ผิดทางสิคนงาม หึ ๆ ข้าคงได้สั่งตัดชุดใหม่อีกแล้วสินะ’ “ท่านพี่ชอบมือหรือปากของข้ามากกว่ากันขอรับ” ลั่วจินเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามสามีเสียงหวาน พร้อมกับส่งสายตายั่วยวนให้อย่างเปิดเผย “อ่าา..มือของเจ้าก็นุ่มนวลข้าชื่นชอบยิ่งนัก แต่ปากน้อย ๆ ของเจ้าก็ทั้งนุ่มและอบอุ่นพี่เลือกไม่ถูกหรอกคนงาม ทุกอย่างที่เจ้าทำให้พี่ชอบหมดนั่นแหละ” จากประสบการณ์ที่ผ่านมาหลายปี ทั้งมือที่เรียวงามและปากน้อย ๆ ที่ทั้งนุ่มและอุ่นร้อนก็ทำให้เขาแทบคลั่งได้ทั้งนั้น “คิก ๆ ท่านไม่ยอมเลือกสักอย่างช่างโลภมากเสียจริง” พูดจบใบหน้างามก็ซุกเข้ากับกลางกายของชายหนุ่ม ลั่วจินไม่ใช่โรคจิต แต่กลิ่นหอมของสมุนไพรอ่อน ๆ จากกลางกายของสามีก็ทำให้เขาหลงใหลคลั่งไคล้ได้เหมือนกัน สูดดมจนพอใจมือเรียวงามและปากนุ่มอุ่นจึงได้ทำงานบ้าง เจ้ามังกรตัวใหญ่แม้ว่ามือเรียวจะกอบกำได้ไม่มิด แต่กับปากน้อย ๆ กลับครอบครองหัวของมันได้อย่างไม่ติดขัด “อาจิน ซี้ดดดด คนดี อ๊าาาาา ปากเจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก” ชายหนุ่มแทบทรุด เมื่อเจ้ามังกรของเขาถูกปากน้อยครอบครองถึงจะได้แค่เพียงครึ่งลำตัวแต่มันก็ทำให้เขาต้องใช้พลังยุทธ์เข้าช่วยในการยืนหยัดด้วยสองขาให้มั่นคง “อ๊าาาาา คนงามเร็วเข้าเถิด” ชายหนุ่มสุดจะกลั้นจนต้องใช้มือใหญ่กดหัวของภรรยาเอาไว้และขยับสะโพกสอบถี่ ๆ อีกหลาย ครั้ง จนท้ายที่สุดธารน้ำอุ่นก็หลั่งไหลสู่ปากนุ่มของภรรยาจนหมดสิ้น อื้มมมม ซี้ดดดดด แค่ก แค่ก “อาจิน พี่ขอโทษ” “คิก ๆ พูดย่างกับข้าไม่เคยกลืนกินมันอย่างนั้นแหละ แค่ครั้งนี้มันเยอะเกินไปข้าเลยกลืนแทบไม่ทัน” “หึ ๆ ๆ แล้วต่อไปเจ้าจะช่วยพี่แบบใดอีกหรือ” หนานตงถามภรรยา พร้อมกับส่งสายตาท้าทายไปให้ ถึงจะเพิ่งปลดปล่อยไป แต่เขาก็ยังสามารถยืนหยัดให้ภรรยารีดพิษได้อีกหลายรอบแน่นอน “อืม..ยังไม่หมดฤทธิ์สินะขอรับ ถ้าอย่างนั้นข้าจะทำให้จน กว่าท่านพี่จะขอหยุดเองดีไหมขอรับ” “เจ้าจะไหวหรือภรรยา” “ท่านพี่อย่าได้มาท้าทายข้านะ ข้าจะรีดพิษให้ท่านจนหมดตัวเลยเชียว” ไม่รู้ว่าการท้าทายของพวกเขาเริ่มต้นมาได้ยังไง แต่ตอนนี้พวกเขาต่างก็ไม่มีใครยอมใคร คนหนึ่งก็จะพยายามยืนหยัดให้ได้ และอีกคนก็เพียรพยายามจะสยบมังกรร้ายให้ได้เช่นกัน เช้าที่สดใสของใครบางคน… “แค่นี้มันจะพอหรือซุนหวาง ข้าช่วยเจ้าขนกลับไปก็ได้ เอาเยอะ ๆ ห้องเก็บสมุนไพรของข้าจะได้โล่งขึ้นเสียบ้าง” หนานตงบอกกับน้องเมียคนใหม่อย่างอารมณ์ดี “แล้วทำไมไม่เอาไปขายในเมืองบ้างขอรับ” “เอาไปขายอยู่แล้วแต่แค่อาทิตย์ละครั้ง ก็สมุนไพรของข้าเก็บมาได้ทุกวัน ทั้งที่ปลูกไว้อีกก็เยอะ ก็เลยมีมากจนขนไปขายไม่ทัน ก็ได้แต่เก็บตุนเอาไว้ทดลองปรุงยาเองบ้าง มีซุนหวางมาช่วยระบายของเก่าออกบ้างก็ดีไม่น้อย ของใหม่จะได้เข้ามาจับจองพื้นที่เสียที” ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงหัวเราะของซุนหวางและหานตงดังออกมาจากห้องเก็บสมุนไพรทำให้คนที่อยู่ข้างนอกได้ยินแล้วอดยิ้มไม่ได้ คุณชาย.. นั่นคือเสียงหัวเราะครั้งแรกของคุณชาย เสี่ยวฟงดีใจจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ “ซุนหวางคงไม่เคยได้หัวเราะเลยสินะ ถึงได้ทำให้เสี่ยวฟง ถึงกับน้ำตาซึม” “ขอรับพี่ใหญ่ นี่คือเสียงหัวเราะแรกที่ข้าได้ยินจากพี่รอง” “เพราะเหตุใดน้องรองถึงได้เป็นทุกข์ขนาดนั้น เจ้าพอจะบอกพี่ใหญ่ได้หรือไม่เสี่ยวฟง” “เรื่องนั้นเอาไว้ให้พี่รองเป็นคนบอกเองนะขอรับ ข้าว่าคงอีกไม่นานหรอก” ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องกันแล้วแต่เสี่ยวฟงก็ไม่คิดจะละเมิดเรื่องส่วนตัวของพี่รองเป็นอันขาด “อืม..ข้าจะรอก็แล้วกัน เสี่ยวฟง..ซุนหวางมีคนรักหรือไม่” ลั่วจินสอบถามเพื่อจะได้รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ซุนหวางมีสีหน้าที่อมทุกข์อยู่ตลอดเวลา บางทีอาจจะเกี่ยวเนื่องกับความรักก็เป็นได้ “เอ่อ..ข้าก็ไม่แน่ใจขอรับว่าแแบบนั้นจะเรียกว่าเป็นคนรักได้หรือไม่ พวกเขาเพิ่งจะเจอกันในระหว่างการเดินทางแค่นั้นเอง” “ฮิฮิ เสี่ยวฟงเจ้าไม่รู้อะไร จะระยะเวลาเพียงสั้น ๆ หรือจะยาวนานหลายปี มันก็เอามาใช้กับความรักไม่ได้หรอกนะ บางคนแค่สบตาก็รักกันได้แล้ว บางคนเหม็นขี้หน้ากันตั้งแต่แรกพบยังกลับมารักกันได้เลย เพราะฉะนั้นระยะเวลาไม่สำคัญต่อหัวใจของคนหรอก นี่หมายความว่าน้องรองมีคนที่ชอบแล้วจริง ๆ ที่เป็นทุกข์คงเพราะเขาผู้นั้นเป็นบุรุษใช่ไหม” “พี่ใหญ่ช่างหลักแหลมยิ่ง รู้ได้อย่างไรขอรับ” “พี่ใหญ่ของเจ้ามีประสบการณ์มาก่อนทำไมจะไม่รู้” หึ ๆ อย่างซุนหวางคงไม่มีสตรีนางใดกล้าเข้ามาใกล้เป็นแน่ เพราะพวกนางเกรงว่ารัศมีแห่งความงามของซุนหวางจะกลบหมดนะสิ “คุยอะไรกันอยู่หรือ” หนานตงถามภรรยาเมื่อเดินเข้ามาในเรือน “สัพเพเหระนะขอรับ โอ้..ของมากมายขนาดนี้พี่ตงท่านดูรูปร่างของน้องชายข้าหรือไม่ จะพากันขนลงเขาไหวหรือ” “ใครจะให้ขนไปเองล่ะ พี่จะเป็นคนแบกไปส่งพวกเขาเองเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก” “ท่านพ่อข้าขอไปด้วยขอรับ ข้าอยากออกไปดูข้างนอกหุบเขาบ้าง ได้ไหมขอรับท่านพ่อ” เสี่ยวจุ้นพอรู้ว่าบิดาจะลงไปส่งท่านน้าทั้งสองก็เซ้าซี้บิดาทันที เพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นโลกภายนอกของหุบเขาเลย “เสี่ยวจุ้นวันนี้อยู่เป็นเพื่อนมารดาก่อนวันหลังค่อยไปก็ไม่สาย ท่านน้ายังต้องมาที่นี่บ่อย ๆ ไม่ได้หนีหายไปไหน” หนานตงก็รู้สึกเห็นใจบุตรชายไม่น้อย แต่วันนี้เขาไม่ได้เตรียมการใด ๆ เลย จึงไม่สะดวกที่จะให้เสี่ยวจุ้นไปด้วย “ก็ได้ขอรับ วันหลังต้องให้ข้าไปนอนที่บ้านของท่านน้าด้วยนะขอรับ” “อืม..น้ารับปากว่าคราวหน้าจะพาเสี่ยวจุ้นไปค้างคืนที่บ้านด้วย แต่วันนี้เสี่ยวจุ้นต้องเป็นเด็กดีอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ก่อนนะ” “ขอรับท่านน้าซุนหวาง” เสี่ยวจุ้นตอบรับอย่างว่าง่าย “ไปกันเถอะสายมากแล้วเดี๋ยวแดดจะร้อน” หนานตงเร่งสองหนุ่มน้อยน้องชายหมาด ๆ ของภรรยา ที่ยังคงร่ำลากับเสี่ยวจุ้นไม่แล้วเสร็จเสียที อย่างกับว่าจะจากกันไปไกลแสนไกลอย่างนั้นแหละ บ้านตีนเขา… “ไปไหนกันตั้งแต่เช้าปานนี้ รถม้าก็ยังอยู่คงจะไม่พากันขึ้นเขาไปแล้วหรอกนะ” ชิวหานกำลังกระวนกระวายอยู่อย่างไม่เป็นสุข ตั้งแต่จากซุนหวางไปเมื่อวานจิตใจของเขาก็วุ่นวายไปหมด หวนคิดถึงการกระทำของตัวเองก่อนจะจากลาก็รู้สึกโมโหตัวเองยิ่งนัก นั่นอาจจะทำให้ซุนหวางเสียใจก็ได้จนเขาต้องรีบกลับมาที่นี่อีกครั้งในวันนี้ แต่กลับไร้เงาของคนตัวเล็ก “พี่ตงส่งแค่นี้ก็ได้นะขอรับ อีกแค่หนึ่งลี้ก็จะถึงบ้านของเราแล้ว” “ให้พี่ไปส่งพวกเจ้าที่เรือนดีกว่า” “แต่ว่า..” “เช่นนั้นพวกเจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน” หนานตงรู้สึกสงสัยและอยากรู้สาเหตุที่ทั้งสองไม่อยากให้เขาไปส่งที่บ้าน ก็อยู่กันแค่สองคนมิใช่หรือ… ไม่ถึงหนึ่งเค่อหนานตงก็กลับมาพร้อมกับบอกให้ทั้งสองกลับเรือนไปก่อน ส่วนสมุนไพรเหล่านี้เขาจะเอาไปไว้ที่ท้ายเรือนให้ ‘คนผู้นั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกันแล้วเขาเป็นอะไรกับซุนหวาง’ หนานตงมั่นใจว่าบุรุษที่เขาเห็นในเรือนนั่นคือแม่ทัพชิวหานไม่ผิดแน่ เพราะเหตุนี้หรือไม่ซุนหวางถึงไม่อยากให้เขาไปส่งที่เรือน “พวกเจ้ากลับเรือนไปเถอะ ของพวกนี้ข้าจะเอาไปไว้ที่ท้ายเรือนให้ ดูแลตัวเองด้วยทั้งสองคน” “ขอรับพี่ตง” เด็กหนุ่มทั้งสองรับคำแล้วก็พากันเดินกลับเรือน เหตุที่ซุนหวางไม่ยอมให้หนานตงไปส่งพวกเขาที่เรือนนั้นเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร มันก็แค่ความรู้สึกสังหรณ์ใจว่าอาจจะมีคนรออยู่ที่นั่นก็เป็นได้ แกร๊ก ๆ ครืดดดด “ท่านแม่ทัพ!” ลางสังหรณ์ของซุนหวางไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว แค่เปิดประตูรั้วเข้ามาก็เจอกับแม่ทัพชิวหานมาดักรออยู่แล้ว เสี่ยวฟงเห็นอย่างนั้นก็รู้ความรีบเดินเลี่ยงเข้าเรือนไปก่อนทันที ทิ้งให้พี่ชายต้องเผชิญหน้ากับท่านแม่ทัพเพียงลำพัง “ไปไหนมาซุนหวาง” “เราแค่ไปเดินสำรวจป่าขอรับ ท่านแม่ทัพมานานแล้วหรือขอรับ” “อืม..ข้าเป็นกังวลเรื่องของเจ้า เพิ่งจะมาอยู่ได้ไม่กี่วันก็พากันออกไปสำรวจป่าแล้วหรือ หากอยากเดินสำรวจป่าคราวหน้าข้าจะพาไปเอง” “ท่านแม่ทัพมาหาข้าด้วยเรื่องอันใดหรือขอรับ” “เหมือนเจ้าจะไม่ยินดีที่ข้ามาหา ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะโกรธ เรื่องเมื่อวาน” ชิวหานตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังอย่างไรก็รู้ว่ากำลังน้อยใจซุนหวางอยู่ เหมือนไม่ดีใจสักนิดที่เห็นหน้าเขา ช่างต่างจากเขาเหลือเกินที่คิดถึงและเป็นห่วงคนงามแทบบ้า “ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย ก็ท่านเพิ่งจะไปเมื่อวานนี่ขอรับ ข้าไม่คิดว่าท่านจะกลับมาเร็วถึงเพียงนี้” “คงเพราะข้าคิดถึงเจ้ามากกระมัง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม