ตอนที่ 2 ดินเนอร์​สุดพิเศษ 2

1348 คำ
รถเลี้ยวเข้าจอดที่โรงแรมหรูที่อยู่ไม่ห่างมากนัก คนขับรถลงมาเปิดประตูรถเพื่อให้บริณัยและอารียาลงจากรถได้สะดวกขึ้น บริณัยเดินนำอารียาไปที่ห้องอาหารฝรั่งเศสสุดหรูที่ตั้งอยู่ด้านใน ส่วนอารียาที่มัวแต่มองสำรวจความหรูหราของโรงแรมอยู่ก็ค่อย ๆ เดินตามอีกฝ่ายไปช้า ๆ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ห้องอาหารที่บริณัยเลือกนั้นถูกจัดแยกออกมาเป็นส่วนตัว บนโต๊ะเป็นหินอ่อนสีดำสนิท ที่ปิดกั้นด้วยกระจกติดฟิล์มทึบชนิดที่บุคคลภายนอกไม่สามารถมองผ่านเข้ามาได้ “นั่งเลยอาย” บริณัยเรียกเลขาสาวที่มัวแต่มองสำรวจโดยรอบให้นั่งลง “เอ่อ…ค่ะ” เธอตอบแล้วรีบพาตัวเองไปนั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม แม้ภายนอกจะเห็นว่าเธอทำตัวเป็นปกติ แต่ที่จริงแล้วอารียากำลังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นี่อาจเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เธอได้มีโอกาสมารับประทานอาหารกับเขาสองต่อสองในห้องส่วนตัวเช่นนี้ เมื่อพนักงานที่เดินนำทั้งคู่เข้ามาออกไปแล้ว พนักงานคนใหม่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับเมนูอาหาร “เมนูค่ะคุณผู้ชาย” พนักงานวางเมนูลงบนโต๊ะให้กับลูกค้าหนุ่มหล่อสาวสวยอย่างเบามือตามมารยาทที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี แล้วพาตัวเองไปยืนด้านข้างอย่างสงบเรียบร้อยเพื่อรอรับออร์เดอร์ บริณัยและอารียาต่างไล่สายตาไปตามเมนูที่อยู่ในมือ เพียงไม่นานเขาก็เลือกเมนูเซ็ตที่ต้องการได้ ขณะที่รอเลขาสาวเลือกเมนูของตนเอง เขาสังเกตว่าเธอมีสีหน้ายุ่งยากเล็กน้อย “ทานอะไรดีอาย” “เอ่อ…ฉันเลือกไม่ค่อยถูกน่ะค่ะ” อารียาตอบอาย ๆ เธออ่านเมนูภาษาอังกฤษออกทุกตัว แต่เธอไม่รู้จักรายการอาหารที่ปรากฏบนนั้นเลยสักอย่าง ชื่ออาหารที่มีการบรรยายสรรพคุณของวัตถุดิบเลอเลิศทำให้เธอไม่กล้าที่จะสั่ง “อ้อ…นึกว่าเรื่องอะไร” บริณัยยิ้มน้อย ๆ อย่างเข้าใจหญิงสาว “มาผมช่วยสั่ง ว่าแต่คุณอยากทานเป็นเนื้อสัตว์หรือซีฟู้ดดีล่ะ” “เป็นซีฟู้ดดีกว่าค่ะ” “งั้นสั่งเซ็ตเดียวกับผมละกัน” ชายหนุ่มสรุป ซึ่งอารียาก็เห็นด้วย ให้เขาสั่งให้ดีกว่าเลือกสั่งเองมั่ว ๆ แล้วออกมากินไม่ได้ เมื่อตกลงกันได้แล้วบริณัยก็ส่งสัญญาณให้พนักงานมารับออร์เดอร์ พอพนักงานออกไปแล้วความเงียบก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง บริณัยลอบมองใบหน้าของเลขาคนสวย ที่กำลังก้มดูโทรศัพท์มือถือ เมื่อสักครู่มีเสียงข้อความเตือนเข้ามา เธอคงกำลังตอบกลับกระมัง พอหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา สายตาดันปะทะกับดวงตาคมเข้มเข้าพอดี ในนั้นมีร่องรอยของบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เธอทำตัวไม่ถูก เธอเผลอหลุบตาลงต่ำด้วยไม่กล้าสบสายตาสีดำขลับตรงหน้า แล้วความกระอักกระอ่วนได้เริ่มผ่อนคลายลงไปบ้างเมื่อพนักงานเดินเข้ามาอีกครั้ง ไวน์ขาวชั้นดีถูกรินให้กับลูกค้าทั้งสอง จากนั้นบริณัยก็ส่งสัญญาณให้ออกไปได้ เขาไม่ต้องการคนคอยบริการเพราะอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า แก้วไวน์ถูกยกขึ้นเป็นสัญญาณเชื้อเชิญให้หญิงสาวร่วมดื่มด้วยกัน “จะดีเหรอคะคุณบลู” เธอไม่อยากดื่มเพราะรู้ว่าตนเองคออ่อนมากแค่ไหน “ดีสิ วันนี้การเจรจาสำเร็จนะ ต้องฉลองกันหน่อย” เขาพูดพลางยิ้มให้เธออย่างเปิดเผย อารียามีสีหน้าลังเลแต่ก็ยกแก้วของตนขึ้นมาเพราะเกรงว่าจะเสียมารยาท เมื่อแก้วก้านยาวสองใบกระทบกันดังกริ๊งเบา ๆ ก็ถูกยกจรดริมฝีปากของทั้งสองคน อารียาเผลอเลียริมฝีปากเมื่อได้ลิ้มรสไวน์จิบแรก เธอไม่ใช่คนที่ชอบดื่มของมึนเมา แต่ก็สามารถบอกได้ว่าไวน์ขวดนี้ต้องเป็นไวน์ราคาแพงอย่างแน่นอน บริณัยที่ลอบสังเกตเลขาสาวอยู่ตลอดถึงกับใจกระตุกที่เห็นลิ้นเล็ก ๆ เผลอเลียริมฝีปากอวบอิ่ม กิริยาของเธอเป็นไปโดยธรรมชาติ แต่นั่นกลับดูยั่วยวนในสายตาเขาเหลือเกิน จนทำให้บางสิ่งบางอย่างตื่นจากการหลับใหลขึ้นมา “ชาโต้ ดิแกม” “คะ?” จู่ ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมา ทำให้อารียางงไม่น้อย บริณัยส่งยิ้มให้เธอ “ชื่อไวน์น่ะครับ” “อ้อ...ค่ะ” “ละมุน นุ่มลิ้น มีความซ่าเล็ก ๆ พอกลืนลงไปแล้วยังคงทิ้งความหวานไว้ในปาก ทำให้อยากจิบอีกครั้ง” ขณะที่เอ่ยเขาก็มองหน้าสวยหวานไปด้วย อารียาใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที บอกตัวเองว่าเขากำลังพูดถึงไวน์อยู่ อาหารเริ่มถูกลำเลียงนำมาเสิร์ฟ ที่ชายหนุ่มสั่งเป็นคอร์สเมนู อาหารแต่อย่างจึงค่อย ๆ ถูกนำมาทีละอย่างหรือที่เรียกว่าคอร์ส คอร์สแรกเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยเบา ๆ อย่างซุปบร็อกโคลี เมื่อตักชิมคำแรกอาริยานึกแปลกใจ ขึ้นชื่อว่าซุปน่าจะร้อน แต่กลับเย็นเสียนี่ ทว่ารสชาติไม่แย่เลย ทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของอัลมอนด์ย่าง ชวนเรียกน้ำย่อยได้จริง ๆ หลังจากจบคอร์สเรียกน้ำย่อย ก็ทยอยต่อด้วยคอร์สหลัก จานแรกเป็นหอยเชลล์รมควัน ถัดมาเป็นปลากระพงนึ่ง และแน่นอนว่าทั้งสองจานผ่านวิธีการปรุงอย่างพิถีพิถันจากเชฟฝีมือเยี่ยม และถูกจัดแต่งลงมาในจานอย่างมีศิลปะ “ลองจิบไวน์ดูสิอาย” อารียาทำตาม เธอรู้สึกว่าการจิบไวน์ควบคู่ไปด้วยกทำให้อาหารตรงหน้ามีรสมีชาติมากขึ้น “อร่อยขึ้นมากเลยค่ะ” “ไวน์ขาวต้องดื่มคู่กับอาหารทะเล ส่วนไวน์แดงต้องดื่มควบคู่กับเนื้อ ไวน์และอาหารแต่ละชนิดเมื่อจับคู่อย่างถูกต้องมันจะส่งเสริมกัน” ชายหนุ่มอธิบายด้วยเสียงเรื่อยเรียบแบบการบอกเล่า “ฉันไม่รู้มาก่อนเลยค่ะ” ปกติเธอเองก็ไม่เคยดื่มไวน์ด้วย เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์มากสุดก็แค่พันช์ “ไม่เป็นไรครับ” ท่วงท่าของชายหนุ่มเป็นธรรมชาติมากราวกับว่าการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของเขา ทำให้เธอตระหนักว่าเขากับเธอช่างแตกต่างเหลือเกิน พอเมนคอร์สจบก็ปิดท้ายด้วยขนมหวานสุดพิเศษ เป็นเค้กชิ้นเล็ก ๆ ที่ถูกทำและตกแต่งออกมาอย่างสวยงามและน่ารักจนคนเห็นแล้วไม่กล้ารับประทาน อารียาเห็นแล้วนึกอยากถ่ายรูปเก็บไว้แต่เกรงใจชายหนุ่ม “ทำไมไม่กินล่ะอาย” บริณัยเห็นเธอจด ๆ จ้อง ๆ ไม่ลงมือทานสักทีจึงถามขึ้น “ฉันคิดว่ามันสวยจังค่ะ” “สวยแล้วยังรสชาติดีด้วยนะ คนที่ไม่ชอบของหวานอย่างผมยังชอบเลย” “เอ่อ…” เธออึกอักลังเล “ฉันขอถ่ายรูปเก็บไว้ได้มั้ยคะ” “โถ…นึกว่าเรื่องอะไร เชิญตามสบายครับ” บริณัยเข้าใจ สมัยนี้หลายคนก็ชอบทำเช่นนี้ “ขอบคุณนะคะ” บริณัยเพียงยิ้มตอบรับ อารียาจึงหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปขนมหวานตรงหน้าสองสามรูปแล้วเก็บเข้ากระเป๋าตามเดิม พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกำลังจ้องมาที่ตนอยู่ “น่าอายจังเลยค่ะ” เธอยิ้มแก้เก้อ “น่าเสียดายที่เมื่อครู่คุณไม่ได้ถ่ายรูปอาหารไว้” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ปากบอกไม่แต่ใจเธอก็นึกเสียดายจริง ๆ “ถ้าคุณชอบไว้คราวหน้าผมจะพาคุณมาอีกก็แล้วกัน” ยังมีคราวหน้าอีกเหรอ แค่นี่มันก็เกินคาดแล้วสำหรับเธอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม