“วิวสวยมากเลยเนอะอาย”
“อุ๊ย!” อารียาตกใจที่จู่ ๆ ก็ถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง พร้อมกับเสียงทุ้มที่พูดเบา ๆ อยู่ข้างหู เธอยืนตัวเกร็ง ทำตัวไม่ถูก ใจสั่นไปหมดกับความใกล้ชิดกันเกินไปเช่นนี้
“คุณบลู…”
“เรียกพี่บลูได้มั้ย” เสียงทุ้มออดอ้อนพลางซบหน้าลงกับไหล่มนและกระชับอ้อมแขนกอดรัดร่างบางให้แน่นขึ้น
“แต่ว่า…”
“นะอายนะ” เขาอ้อนเสียงหวานอีกรอบ แต่หญิงสาวยังเงียบ ความจริงแล้วอารียากำลังสับสน แต่ดีใจอยู่ลึก ๆ แต่ก็ยังมีจุดหนึ่งที่ไม่กล้าเปิดเผยอารมณ์ได้เต็มที่
“อายตกลงกับพี่แล้วนะ ไหนบอกซิว่าที่นี่เราเป็นอะไรกัน”
อารียานิ่งไปสักพัก เธอไม่กล้าพูด ไม่กล้าหวัง แต่สุดท้ายก็เอ่ยออกมา “ฉันเป็นเล…”
ยังพูดไม่ทันจบคำที่บริณัยไม่อยากได้ยินก็ถูกกลืนหาย เขาหมุนตัวหญิงสาวให้กลับมาเผชิญหน้ากันแล้วโน้มหน้าลงไปประทับจูบที่ริมฝีปากอิ่มทันที เขาแตะเบา ๆ เพื่อห้ามปรามเท่านั้นแล้วผละออกมา ทั้งที่ใจจริงอยากจะจูบเธอให้ลึกซึ้งกว่านี้ แต่เขาอยากพูดคุยกับเธอก่อน เกรงว่าถ้าได้สัมผัสจะไม่สามารถห้ามตัวเองได้แล้วจะเลยเถิด
“ที่นี่เราจะเป็นคนรักกันนะอาย เรียกพี่บลูนะ แล้วแทนตัวเองว่าอาย” ชายหนุ่มอ้อนอีกครั้ง เขาอยากได้ยินเธอเรียกแบบนั้น สรรพนามที่เฌอริมาไม่เคยเรียกเพราะเธอให้เหตุผลว่าอยากเป็นคนรักที่ทัดเทียมกันโดยไม่สนใจอายุของอีกฝ่าย ซึ่งเขาก็ตามใจหล่อน มันเหมาะกับความเป็นตัวหล่อนที่สุดแล้ว
แต่กับอารียา เขาจินตนาการว่าถ้าเธอเรียกเขาว่าพี่ด้วยเสียงอ่อนหวาน เขาจะมีความสุขมากแค่ไหนนะ บริณัยรอคอย และสุดท้ายก็สมใจ
“พี่บลู…” เสียงหวานที่เปล่งออกมาเบา ๆ ทำให้เขาพบว่าเขามีความสุขมากเหลือเกิน มันเหมือนเป็นการลดช่องว่างระหว่างกันให้เขากับเธอใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มยกมือขึ้นเอาช่อผมที่หลุดลงมาขึ้นทัดใบหูของหญิงสาว ทั้งคู่สบตากันเนิ่นนานด้วยดวงตาที่เปิดเปลือยทุกสิ่ง กลิ่นอายความรักอันหอมหวานตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง
อารียารู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก แต่ในใจเป็นสุขนักหนา ไม่ใช่ว่าไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร แต่…มิอาจทนทานต่อหัวใจที่ร่ำร้องของตนเองได้ เลยย้ำกับตัวเอง แค่สามวัน…เธอมีเวลาที่จะมีความสุขแค่สามวันเท่านั้น แล้วเธอจะหยุดทุกอย่าง ขอโทษนะริมา…
“เดี๋ยวฉัน…เอ่อ…อายเอากระเป๋าไปเก็บก่อนนะคะ” เธอพูดอย่างที่เคยชิน แต่พอเห็นคิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันเธอจึงเปลี่ยนคำแทนตัวเสียใหม่ เสียงของเธอเบาลงกว่าเดิมด้วยความเขินอาย แล้วรีบเดินไปหยิบกระเป๋าและสัมภาระเพื่อที่จะนำมาจัดใส่ตู้ให้เรียบร้อย
“มาพี่ช่วย” บริณัยรีบเข้าไปฉวยกระเป๋าจากมือของหญิงสาว
“ไม่เป็นไรค่ะ” อารียาปฏิเสธเพราะมันไม่ได้หนักอะไร แต่มีหรือที่บริณัยจะยอม เขาตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าทันที
เธอยืนเก้กังและเพิ่งสังเกตว่าห้องนี้เป็นห้องใหญ่ห้องเดี่ยว ไม่มีประตูเชื่อมไปอีกห้องอย่างทุกทีที่เขาและเธอต้องออกต่างจังหวัดด้วยกัน เธออดมองไปที่เตียงกว้างที่ตั้งอยู่กลางห้องไม่ได้ มันใหญ่พอที่จะนอนกันได้สองคน คิดดังนั้นหน้าขาวนวลก็ร้อนซู่แดงเรื่อขึ้นมาอีกรอบ
“พี่บลูจองแค่ห้องเดียวเหรอคะ”
บริณัยมองตามสายตาของหญิงสาวแล้วยิ้มออกมา บ่งบอกว่าเขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“พี่อยากอยู่ใกล้ ๆ กับคนที่พี่รัก”
อารียามองหน้าชายหนุ่ม เธอได้ยินไม่ผิดใช่ไหม เขากำลังบอกรักเธอ ซึ่งความจริงจากการกระทำของเขาหลาย ๆ อย่างทำให้เธอพอจะคาดเดาได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย และนั่นทำให้เธอที่คิดจะตัดใจกลับตัดใจไม่ได้ตลอดมา
“ไม่ต้องกลัวหรอก พี่แค่อยากนอนกอดอายเฉย ๆ พี่จะไม่ทำอะไรอายทั้งนั้น” คำว่าถ้าอายไม่เต็มใจเป็นคำที่เขาไม่ได้พูดออกมา
อารียาใจเต้นไม่เป็นส่ำ ความหมายที่เขาพูดตรงตัวชัดเจน คืนนี้เธอจะต้องนอนบนเตียงหลังนี้ร่วมกับเขา และไม่มีทางปฏิเสธได้ เพราะใจเธอเองก็แอบปรารถนาจะได้นอนอยู่ในวงแขนแกร่งตลอดมา
“เย็นนี้ใช่มั้ยคะที่พี่บลูมีนัดกับลูกค้า” อารียาเสเปลี่ยนเรื่อง ถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เป็นการเป็นงานขึ้นมา เพราะเกรงว่าขึ้นอยู่อย่างนี้ต่อไปใจกับความคิดของเธอคงจะเตลิดไปไหนต่อไหน
“ใช่ครับ นั่นก็แปลว่าเรามีเวลาอีกสี่ชั่วโมงที่จะทำอะไรก็ได้” บริณัยยิ้มหวานติดเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
“เอ่อ...” อารียาพูดไม่ออก สายตาของเขาชวนให้เธอคิดถึงเรื่องไม่สมควร
“หึ คิดไปถึงไหนฮึ” ชายหนุ่มถามพร้อมหัวเราะเบา ๆ
“เปล่าค่ะ” อารียาก้มหน้างุดเกรงว่าเขารู้ว่าเธอคิดอะไรไปไกล
“พี่แค่จะชวนอายไปขับรถเล่นเผื่อมีที่น่าสนใจ”
“ค่ะ”
อารียาเห็นด้วยกับความคิดของชายหนุ่ม ทั้งสองคนจึงไม่รอช้า บริณัยจับจูงมือหญิงสาวเดินไปด้วยกันจนถึงรถที่จอดรอไว้อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเขาไปแอบจัดเตรียมไว้ตอนไหน