ในรถหรูที่ทอดยาวไปด้านหลัง อารียาค่อย ๆ ขึ้นรถไปพร้อมกับบริณัย เขากดปิดช่อหน้าต่างระหว่างคนขับกับห้องผู้โดยสารเพื่อความเป็นส่วนตัว อารียาเลยหันไปหาเขาด้วยแววตาสงสัย
“ขอผมขอหนุนตักคุณหน่อยนะอาย วันนี้เพลียมากเลย” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนเล็กน้อย และโดยไม่ได้รอคำตอบรับจากหญิงสาว เขาทอดกายเหยียดเท้าไปที่ประตูรถ แล้ววางศีรษะบนตักอุ่นของหญิงสาวทันที
“คุณบลู!”
วันนี้เขาทำให้เธอตกใจแล้วตกใจอีก แต่ในทุกการกระทำของเขานั้นกลับหวานเสียเหลือเกิน มันหวานจนหัวใจดวงน้อยของเธอสั่นไหว และเธอก็อดหน้าแดงมิได้
“ขอแค่ตอนนี้แหละนะอาย” เขาบอกพร้อมกับสบตากับเธอ
แววตาเข้มข้นจริงจังของเขาแฝงความด้วยความหมายบางอย่างที่เธอไม่อยากจะคิด เธอกลัว…ครั้นยามที่เธอเผลอมองไปที่เรียวปากได้รูปของคนที่นอนหนุนตักเธออยู่ก็อดใจเต้นไม่ได้ เพราะภาพเมื่อวันที่เขาไปส่งที่คอนโดดันวนเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง จนเธอเองรู้สึกอยากสัมผัสริมฝีปากอุ่นนั้นอีกสักครั้งหนึ่งทำให้เธอเม้มปากเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
“ผมอยากจูบคุณนะ” อยู่ดี ๆ บริณัยก็พูดออกมา
“คุณเมาเหรอคะคุณบลู” เขาทำให้เธอตกใจอีกรอบ พอตั้งสติได้จึงถามเพื่อเรียกสติของอีกฝ่าย
“เปล่า…ผมแค่อยากทำตามที่ใจปรารถนา” บริณัยตอบ คราวนี้เขาไม่กล้าสบดวงตาหวานซึ้งของเธอ แต่หันหน้าหนีเข้าหาตักอุ่น ที่มีกลิ่นหอมของกายสาวลอดเข้ามาให้ใจเต้นระรัว
ความเงียบก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ให้อารียาได้ซึมซับความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เธอเผลอเคลื่อนเรียวนิ้วยาวไปบนผมอันอ่อนนุ่มของชายหนุ่ม แล้วลูบมันอย่างเบามือ เส้นผมละเอียดราวกับเส้นไหมเนื้อดีค่อย ๆ ลอดผ่านร่องนิ้วของเธอไป จนเธออยากก้มลงไปหอมผมนิ่ม ๆ ของเขาสักที
แม้จะรับรู้ความรู้สึกและความต้องการของกันและกัน แม้จะอยากก้าวข้ามไปข้างหน้ามากเท่าไหร่ แต่ทุกสิ่งก็ต้องหยุดลงด้วยคำว่าศีลธรรม...ที่ยังมีเต็มเปี่ยมซึ่งเป็นตัวฉุดรั้งให้คนทั้งคู่ต้องอยู่ในกรอบของเจ้านายและเลขาฯ แต่เพียงเท่านั้น
ไม่รู้ว่าทั้งสองคนจะหลอกตัวเองเข่นนี้ไปได้อีกนานเท่าไหร่ ความรู้สึกที่ใกล้ชิดกันแต่รักกันไม่ได้มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน และทั้งสองคนต่างเข้าใจมันเป็นอย่างดี
รัก…ผมรักอายเหลือเกิน
อายรักคุณบลูจนหัวใจเจ็บไปหมดแล้ว