หน้างานถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหรา แสงไฟสีเหลืองนวลยิ่งขับให้อารียาดูสวยเด่นจนเขาไม่อาจละสายตาจากเธอไปได้เลย
“เฮ้ย...บลู” เสียงเจ้าบ่าวร้องดังลั่นเมื่อบริณัยเดินเข้างานไปกับอารียา เขาเป็นชายร่างสูง สัดส่วนอย่างนักกีฬาที่มีใบหน้าหล่อเหลาคนหนึ่ง
“ไงภาค” บริณัยโบกมือตอบกลับเจ้าบ่าวที่ตรงเข้ามาสวมกอดจนแน่น พอทักทายตามประสาเพื่อนสนิทเสร็จแล้วเจ้าบ่าวของงานจึงสังเกตว่าเพื่อนไม่ได้มาคนเดียว แต่ควงสาวใบหน้าสวยหวานมาด้วย ภาคค่อย ๆ เอาตัวออกห่างจากบริณัยพลางหันไปหาหญิงสาว
“ผมไม่ใช่เกย์นะครับไม่ต้องห่วง” เขาพูดติดตลก
“ไอ้บ้าใครเขาคิดแบบนั้นกันเล่า” บริณัยหัวเราะออกมาแบบโจ่งแจ้ง
อารียามองภาพความสนิทสนมของเพื่อนตรงหน้า เธอไม่เคยเห็นเขาหัวเราะกว้างอย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้มาก่อน และเธอยิ่งหลงใหลเสน่ห์เขายิ่งขึ้นไปอีก
“เปล่าค่ะ ฉันแค่ตกใจที่พวกคุณกอดกันแรงมาก” อารียาเอามือป้องปากก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ
“สวัสดีครับผมภาค คุณคงเป็นแฟนเจ้านี่ละสิ” ภาคพูดแซว เขาไม่เคยเห็นแฟนของเพื่อนเพราะตนเองอยู่อังกฤษนาน ๆ จึงกลับมาที และทุกครั้งที่นัดเจอกับบริณัย เพื่อนก็ไม่เคยพาแฟนมาเปิดตัว ครั้งนี้เขากลับมาแต่งงาน จากนั้นก็จะกลับอังกฤษพร้อมกับเจ้าสาว
“เอ่อ...ไม่ใช่ค่ะ ฉันเป็นเลขาฯ ของคุณบลู” อารียารีบปฏิเสธอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแดงจัด
“อ่อ...งี้นี่เอง” ภาคพูดจบก็รัดคอบริณัยไปอีกทาง พลางกระซิบที่ข้างหู
“นี่สเปกแกเลยนี่หว่าไอ้บลู”
“พูดอะไรบ้า ๆ หุบปากไปเลยนะ”
“แกคิดไม่ซื่อกับเลขาฯ ตัวเองรึเปล่าวะ” ภาคยิ้มอย่างรู้ทันเพราะสังเกตเห็นใบหูเพื่อนที่เริ่มแดง
“พอ ๆ เลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว” แม้ปากจะปฏิเสธแต่บริณัยกลับยิ้มบาง ๆ ออกมา ก่อนจะรั้งตัวออกจากวงแขนของเพื่อนรัก แล้วเดินมาประกบอารียาทันที เขารู้สึกไม่สบอารมณ์นิดหน่อยเพราะสายตาของพวกผู้ชายที่เดินแถวนั้นกำลังจ้องอารียาด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้ใจเลยสักคน
“ฉันพาอายไปที่โต๊ะก่อนนะ แกไปรับแขกเถอะ”
“เออ ๆ ปากหนักนักนะบลู ดูแลเลขาฯ แกให้ดีแล้วกัน ขอตัวก่อนนะครับ” ภาคยังไม่วายเอ่ยแซวเพื่อนสนิทก่อนหันมาพูดสุภาพกับอารียา แล้วจึงค่อยกลับไปหาเจ้าสาวที่ทำหน้าที่รับแขกอยู่คนเดียว
“ไปเถอะอาย” บริณัยยื่นแขนแกร่งให้เธอสอดแขนของเธอเข้ามา อารียามองที่แขนนั้นแล้วเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม เมื่อเห็นรอยยิ้มของเขาเธอก็ใจอ่อนอีกรอบ สอดมือเข้าไปคล้องแขนเขา แล้วเดินเข้างานไปด้วยกัน
ภายในห้องจัดเลี้ยงเต็มไปด้วยดอกไม้สีสดใส และน้ำแข็งแกะสลักเป็นรูปต่าง ๆ บนโต๊ะที่จองไว้สำหรับเพื่อนที่ไปเรียนอังกฤษด้วยกันอยู่ทางด้านหน้าของงานซึ่งมีเหล่าเพื่อน ๆ ของเขานั่งกันอยู่เกือบเต็มโต๊ะ บริณัยพาอารียาเดินไปตรงที่นั่งพร้อมกัน
“เฮ้ย! บลูพาสาวที่ไหนมาวะ” เพื่อน ๆ บนโต๊ะแซวเขาเป็นเสียงเดียวกัน อีกทั้งยังมองอารียาแบบไม่วางตา จนบริณัยต้องพูดแทรกขึ้น
“หยุดเลย อายเป็นเลขาฯ ฉันห้ามจ้องแบบนั้นเด็ดขาด”
“โห…มีหวงด้วยโว้ย”
ขณะที่บรรดาเพื่อน ๆ กำลังแซวเล่นกันอย่างสนุกสนานบริณัยไม่รู้ตัวเลยว่าได้เผลอพูดคำที่ทำให้คนฟังอย่างอารียาสะอึกเข้าเสียแล้ว ถ้อยคำที่ตอกย้ำความเป็นจริง เธอเป็นเลขาฯ ของเขาเท่านั้น อย่าเผลอฝันเฟื่องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อยู่เลย เธอไม่มีสิทธิ์นั้น แค่นี้ก็มาเกินพอแล้ว
บริณัยเองที่พูดคุยอยู่กับเพื่อน ๆ จึงไม่ทันได้สังเกตว่าหญิงสาวข้างกายเงียบขรึมลงและนัยน์ตาหวานหม่นลงไม่สดใสดังเมื่อครู่ แต่ทำไงได้ ที่พูดเช่นนั้นออกไปโดยไม่รู้ตัวเพราะเขาไม่อาจเห็นชายหนุ่มทั้งหลายแม้ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทก็ตาม ใช้สายตาโลมเลียหญิงสาวของเขาแม้แต่วินาทีเดียว พอคิดถึงตรงนี่เขาก็ตกใจกับความติดตัวเอง ตั้งแต่ลงรถมาพร้อมกัน เขาคิดว่าอารียาเป็นผู้หญิงของเขามาโดยตลอด
“หวงไปได้น่า ฮ่า ๆ ๆ” เสียงหัวเราะของเพื่อน ๆ บ่งบอกว่ารู้ทันถึงความคิดของบริณัย มีใครบ้างไม่รู้ว่าบริณัยชอบผู้หญิงสไตล์ไหน และสาวสวยตรงหน้าก็ตรงตามสเปกของเพื่อนทุกประการ แล้วยังอาการหวงอย่างออกนอกหน้านี่อีก บ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้มีน้ำหนักในใจเพื่อนไม่น้อย