บทที่ 11

1441 คำ
โจวานเซไม่ใช่คนแรกที่หลงใหลละเมอเพ้อพกกับความงดงามของเธอ และไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้รับการปฏิบัติจากบรรดาสุภาพบุรุษทั้งหลายเฉกเช่นที่โจวานเซปฏิบัติต่อเธอ เพราะในสถานที่ทำงาน เธอก็เจอเหตุการณ์เช่นนี้ตลอดเวลา นายตำรวจทุกนายไม่ได้ชื่นชมผลงานของเธอ แต่พวกเขากลับชื่นชมนิยมชมชอบในความสวย ความงามของเธอแทน ซึ่งเธอคิดว่าบางทีรูปทรัพย์อันงดงามชวนพิศมันเป็นเหมือนดาบสองคม ในขณะที่มันสามารถทำให้งานของเธอเดินได้คล่องเหมือนเฉกเช่นในวันนี้และในขณะนี้ แต่บางครั้งมันก็ทำให้เธอถูกเพื่อนร่วมงานครหาเอาเช่นเดียวกัน เพราะมีเพื่อนร่วมงานผู้หญิงบางคนทั้งเกลียดและอิจฉา พูดกันลับหลังว่าเธอใช้ความสวยความงามในการไต่เต้าจนได้ยศร้อยตำรวจเอกหญิง ภายในระยะเวลาไม่นาน ผู้ปลอมตัวเป็นแม่ครัวหัวป่านั่งรออยู่ตรงสนามหญ้าไม่ถึงสิบนาทีดี ก็เห็นร่างใหญ่โตราวกับยักษ์ปักหลั่นของบอร์ดี้การ์ดอีกคนในชุดสีดำสนิท ซึ่งเธอเดาว่าคงเป็นคนที่โจวานเซบอกว่าชื่อแลนโดส เดินอาดๆ ตีสีหน้าเรียบเฉยตรงมายังบริเวณที่เธอนั่งอยู่ “คุณคือคุณราเนียที่จะมาเป็นแม่ครัวที่นี่ยังงั้นหรือ” มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง หัวหน้าบอร์ดี้การ์ดอย่างแลนโดสก็กระทู้ถามหญิงสาวที่รีบผุดลุกขึ้นยืนด้วยน้ำเสียงห้าวทุ้มราบเรียบ ขณะเดียวกันดวงตาของบอร์ดี้การ์ดผู้มากประสบการณ์เรื่องการฆ่าคน ก็กวาดสายตามองผู้ที่จะมาเป็นแม่ครัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งดวงตาสีสนิมทั้งคู่นั้นมีอาการไม่ต่างจากโจวานเซจ้องมองรีจินาในก่อนหน้านี้ เพราะแลนโดสเองก็ไม่เชื่อว่าหญิงสาวที่มีเรือนร่างอรชรบอบบาง นิ้วมือเรียวยาวดุจลำเทียนดูเปราะบางราวกับกระเบื้องแก้ว จะกล้าหยิบจับอุปกรณ์ทำครัวให้มือแตกด้าน รีจินาลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เมื่ออ่านสายตาของชายผู้นี้ออก อีกคนแล้วสินะ ที่คิดว่าผู้หญิงสมัยใหม่อย่างเธอจะทำอาหารไม่เป็น “สวัสดีค่ะ ดิฉันราเนีย โชติกานต์ค่ะ มาจากสถาบันอาหารไทยที่คุณติดต่อไปค่ะ” ผู้กองหญิงในคราบของแม่ครัว เลี่ยงการใช้ชื่อจริงและนามสกุลของบิดาที่เป็นชาวอิตาเลี่ยนแท้ หญิงสาวเลือกใช้ชื่อเล่นและนามสกุลของมารดาเป็นการแนะนำตัวเอง เพราะเธอ มั่นใจว่าคงไม่มีใครรู้จักราเนีย โชติกานต์ อย่างแน่นอน แลนโดสตีสีหน้าผิดหวังให้เห็นทันที เมื่อได้ยินได้รู้ว่าหญิงสาวแสนงดงามซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า แนะนำให้รู้ว่าตัวเธอนั้นมาจากสถาบันการสอนอาหารไทย ที่เขาติดต่อไป “ผมนึกว่าคุณจะอายุเยอะกว่านี้เสียอีก อายุน้อย ท่าทางยังละอ่อนแบบนี้ คุณจะทำอาหารเป็นหรือ ใบประกาศที่ได้มา เธอซื้อมาหรือเปล่า” ‘ฮึ! ยังละอ่อน ขอโทษ ฉันอายุ 25 ปี และมียศร้อยตำรวจเอกหญิงประดับนำหน้าชื่อด้วย’ ผู้หญิงส่วนมาก หากมีคนชมว่าหน้าเด็กกว่า ดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง คงพากันร้องกรี๊ดด้วยความดีอกดีใจ แต่รีจินาผิดแผกไปจากผู้หญิงเหล่านั้นมาก เธอไม่เคยยินดีหรือปลาบปลื้มไปกับคำชมประจบสอพลอ ซึ่งเป็นดั่งยาพิษหลุดออกมาจากปากของบุรุษเพศ “ดิฉันทำอาหารเป็นและอร่อยมากด้วยค่ะ ส่วนเรื่องที่ว่าซื้อใบประกาศมานั้น คุณหมดห่วงได้เลยค่ะ ดิฉันไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน” ‘ท่านผู้บังคับการเลสซันโดรต่างหาก ที่เป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้’ รีจินาไม่ถือว่าตัวเองเป็นคนโกหก เพราะเธอไม่ได้ซื้อใบประกาศจากสถาบันสอนอาหารไทย ที่ยืนยันการันตีว่าเธอนั้นเรียนจบมาจากสถาบันดังกล่าว เพราะเรื่องใบประกาศและเรื่องการเปิดทางส่งเธอมายังเกาะซิซิลี ท่านผู้บังคับการซึ่งมีลูกน้องคอยช่วยเหลือ เป็นแขนเป็นขาให้มากมาย เป็นคนจัดการเรื่องใบประกาศที่ว่าให้กับเธอ “ผมชื่อแลนโดส เป็นหัวหน้าบอร์ดี้การ์ดของที่นี่” แลนโดสเอ่ยแนะนำตัวเสียงเข้มเป็นการข่มแม่ครัวสาวไปในตัว ก่อนจะเอ่ยสบประมาทแม่ครัวสาวแสนสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้า “เดี๋ยวก็รู้ว่าคุณเก่งแต่ปากหรือเปล่า และจะได้เป็นแม่ครัวในคฤหาสน์มาโก้ร์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝีมือการปรุงอาหารของคุณ ดอนคาร์ลเจ้าของคฤหาสน์กลับมาทานมื้อค่ำที่บ้านทุกวัน คุณต้องแสดงฝีมือทำอาหารไทยตามต้นตำรับให้ดอนได้รับประทาน ซึ่งดอนจะเป็นคนตัดสินชะตาชีวิตของคุณเองว่า ฝีมือการทำอาหารของคุณจะผ่านหรือเปล่า ซึ่งหากรสชาติอาหารที่คุณปรุงแต่งนั้นไม่ได้เรื่อง ไม่สมกับที่ได้รับใบประกาศมาจากสถาบันสอนอาหารไทย คุณก็เก็บกระเป๋ากลับบ้านได้เลย” “เดี๋ยวก็รู้ว่าดอนของคุณพึงพอใจฝีมือการทำอาหารของดิฉันหรือเปล่า” รีจินาแย้มยิ้มบางๆ ตรงมุมปาก ไม่ยกยอตัวเองไปมากกว่านี้ สู้ไว้ให้ดอนคาร์ลได้พิสูจน์ด้วยตนเองเสียจะดีกว่า “ว่าแต่ครัวของเจ้านายคุณเถอะคะ มีอาหารสด มีเครื่องปรุงครบถ้วนให้ดิฉันแสดงฝีมือหรือเปล่า เพราะต่อให้แม่ครัวเก่งเลิศเพียงใด แต่องค์ประกอบไม่ครบถ้วน ก็ไม่สามารถทำ อาหารออกมาได้อร่อยเช่นเดียวกันค่ะ” “มาทางนี้สิคุณราเนีย” แลนโดสเอ่ยบอกสั้นๆ ก่อนจะเดินนำไปทางด้านหลังคฤหาสน์ ซึ่งมีการทำห้องครัวแยกจากตัวคฤหาสน์ เพื่อไม่ให้กลิ่นควัน กลิ่นอาหารที่ปรุงแต่งในแต่ละมื้อ ลอยเข้าไปตลบอบอวลอยู่ในตัวบ้าน ในขณะเดินตามหัวหน้าบอร์ดี้การ์ดที่แนะนำตัวว่าชื่อแลนโดส ผู้กองสาวที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นดอนคาร์ล ก็พยายามกวาดสายตาเก็บรายละเอียดของอาณาบริเวณคฤหาสน์มาโก้ร์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อก้าวตามแลนโดสเข้าไปในห้องครัวอันกว้างใหญ่ ก็อดทึ่งไม่ได้เมื่อเห็นห้องครัวอันทันสมัยมีอุปกรณ์ทำครัวอย่างครบครัน “สิ่งที่เธอต้องการอยู่ในนี้ทั้งหมดแล้วคุณราเนีย” มือใหญ่ของแลนโดสเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่ออกกว้าง เผยให้เห็นอาหารสด ผักสดและวัตถุดิบในการปรุงอาหารอันเลิศรสอัดแน่นอยู่ภายในตู้เย็นขนาดใหญ่หลังนี้ “แบบนี้ก็น่าลุ้นนะคะคุณแลนโดส” รีจินาเอ่ยยิ้มๆ แต่ใบหน้างามและดวงตาคู่สวยสีฟ้าอ่อนใสหาได้แย้มยิ้มตามน้ำเสียงที่เอ่ยพูดออกไปไม่ เธอเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนที่แขวนไว้ตรงฝาผนังมาสวมด้วยกริยาทะมัด ทะแมง จากนั้นก็ทยอยหยิบจับอาหารสดออกมาจากตู้เย็น โดยไม่ลืมถามหัวหน้าบอร์ดี้การ์ดที่ยืนตีสีหน้าเรียบเฉยอยู่ใกล้ๆ ตัวเธอ “เจ้านายของคุณจะกลับมาทานมื้อค่ำตอนกี่โมงคะคุณแลนโดส” “หนึ่งทุ่มตรง” ผู้ถูกเอ่ยถามหลุดปากตอบสั้นๆ พลางยืนกอดอกมองแม่ครัวสาวหยิบโน่นหยิบนี่มาวางบนโต๊ะด้วยท่าทางคล่องแคล่ว “โอเคค่ะ ดิฉันจะตั้งโต๊ะก่อนหน้านั้นสักสิบนาทีนะคะ” รีจินาเอ่ยตอบโดยไม่ได้หันมามองแลนโดสและโจวานเซ ที่เดินตามเข้ามาในห้องครัวด้วย หญิงสาวมุ่งความสนใจอยู่กับวัตถุดิบในการปรุงแต่งอาหารสำหรับมื้อค่ำ ซึ่งเป็นมื้อที่จะพิสูจน์ฝีมือ และตัดสินว่าเธอจะได้ทำงานอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ต่อหรือเปล่า “หนึ่งทุ่มตรงนะคุณราเนีย อย่าผิดเวลาแม้แต่นาทีเดียว เพราะดอนเกลียดคนที่ไม่ตรงต่อเวลาที่สุด” ‘ดิฉันก็เกลียดคนที่ดีแต่ออกคำสั่ง เหมือนเจ้านายของคุณเช่นเดียวกัน’ รีจินาอยากตะโกนตอบเฉกเช่นที่ตอบอยู่ในใจ ทว่าถ้อยคำที่เธอสามารถตอบได้ในขณะนี้กลับตรงกันข้ามที่หัวสมองกำลังนึกคิด “หนึ่งทุ่มตรง ดอนคาร์ล ต้องได้รับประทานอาหารไทยเลิศรสอย่างแน่นอนค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม