บทที่ 10

1315 คำ
“ไว้ใจได้ใช่ไหมแลนโดส” ดอนคาร์ลเอ่ยถามเรื่อยๆ ชีวิตที่เกิดและเติบโตมาบนเส้นทางของมาเฟีย ซึ่งเต็มไปด้วยลูกตะกั่วร้อนๆ ไม่รู้ว่าจะลอยมาเจาะตัวจนเป็นรูเมื่อไร ทำให้เขาและคนรอบข้างต้องรัดกุมในเรื่องเหล่านี้ด้วย “ครับดอน ไว้ใจได้แน่ครับ” แลนโดสรับคำเสียงหนักแน่น เจ้าพ่อหนุ่มพยักหน้าช้าๆ กับการตัดสินใจของลูกน้องมือขวาของตนเอง “ถ้านายมั่นใจว่าไม่ใช่มาตาฮารี ชักไฟเข้าบ้านเรา ก็ลองให้เธอมาทำอาหารให้เรากินสักมื้อ แล้วเราจะตัดสินใจเองว่าแม่ครัวคนนี้จะได้อยู่ทำอาหารให้เราทานต่อหรือต้องกระเด็นออกไปจากคฤหาสน์มาโก้ร์ตั้งแต่วันแรกของการทำงาน” “ครับดอน หากแม่ครัวคนนี้เป็นนางนกต่อ ผมจะจัดการเชือดนกตัวนี้ด้วยมือของผมเองครับ” แลนโดสเค้นเสียงตอบเย็นยะเยือก แต่ทว่าผู้เป็นนายกลับสวนกลับได้เย็นยะเยือก ชวนขนหัวลุกมากกว่าหลายเท่านัก “หากเธอเป็นเช่นดั่งมาตาฮารี ก็ไม่ต้องรอให้ถึงมือนายหรอกแลนโดส เรานี้แหละจะเป็นคนส่งเธอกลับบ้านเก่าเอง” ผู้เป็นลูกน้องถึงกับขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว เชื่อว่าดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์ ผู้ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งเจ้าพ่อ คงไม่ลังเลเรื่องการกำจัดคนทรยศอย่างแน่นอน เพราะนอกจากผ***วที่ดอนรังเกียจหนักหนาแล้ว ดอนหนุ่มผู้นี้ยังเกลียดคนทรยศคิดไม่ซื่อกับดอนด้วย และลูกน้องคนล่าสุดที่ทรยศคิดไม่ซื่อ ก็กลายเป็นผีเฝ้าทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว “ดอนจะทานอะไรหน่อยไหมครับ เดี๋ยวผมจะให้แม่ครัวทำอาหารให้ใหม่” ลูกน้องมือขวาเอ่ยถามเสียงเป็นกังวล เมื่อเห็นร่างกำยำล่ำสันของดอนหนุ่มผุดลุกขึ้นจากโซฟาหนังราคาแพงแล้วทำท่าว่าจะเดินเข้าไปยังห้องทำงานใหญ่ เพื่อทำงานที่ค้างคาต่อโดยไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย ดอนคาร์ลโบกมือปฏิเสธว่อน ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงราบเรียบ “อย่าดีกว่าแลนโดส เรายังไม่อยากคายของเก่าออกมา นายหากาแฟมาให้เราดื่มสักแก้วก็พอแล้ว” “ครับดอน” แลนโดสรับคำ พอเจ้านายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องทำงานแล้ว ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆ ด้วยความหนักใจ “ขืนให้ชินหย่างเป็นแม่ครัวต่อ ดอนคงได้ทานกาแฟต่างมื้อค่ำเป็นแน่แท้ หวังว่าแม่ครัวคนใหม่จะทำอาหารไทยได้ถูกปากดอนคาร์ล ไม่เช่นนั้นเราคงเหนื่อยเรื่องการควานหาแม่ครัวหัวป่าอีกรอบแน่” ++++++++++++++++++ รีจินารอเวลานี้มานาน รอเวลาที่จะได้เหยียบย่ำอาณาจักรของดอนคาร์ลถึง 15 ปีเต็ม ซึ่งมันเป็นเวลาอันแสนทรมาน และเธอก็สั่งสมความคลั่งแค้นไว้แน่นคับอก ไม่มีวินาทีใดที่เธอจะไม่โกรธไม่เกลียดเจ้าพ่อผู้นี้ ‘คฤหาสน์ใหญ่โอ่อ่าน่าดู แกคงใช้เงินสกปรกที่ได้มาท่ามกลางน้ำตาของคนบริสุทธิ์ มาสร้างวิมานบนดินให้กับตัวเองล่ะสิท่า’ รีจินากวาดสายตามองคฤหาสน์ใหญ่โตหลังงามบนพื้นที่นับสิบๆ ไร่ด้วยสายตาเหยียดหยาม จู่ๆ ก็เกิดอาการรังเกียจขยะแขยง ไม่อยากแตะต้องทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในอาณาจักรของดอนคาร์ล เมื่อคิดว่าเงินที่อีกฝ่ายได้มานั้น มันต้องแลกด้วยเลือด และหยาดน้ำตาของคนบริสุทธิ์นับร้อยนับพันคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีพ่อแม่และพี่ชายของเธอรวมอยู่ด้วย “คุณราเนีย รออยู่ตรงนี้ก่อน ผมจะไปบอกลุงแลนโดสว่าคุณมาถึงแล้ว” โจวานเซซึ่งเป็นลูกน้องของแลนโดส และเป็นอีกหนึ่งบอร์ดี้การ์ดของดอนคาร์ล เอ่ยบอกกับหญิงสาวผู้อ้างตัวว่าเป็นแม่ครัวที่แลนโดสได้ว่าจ้างมา ก่อนจะเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ เพื่อแจ้งให้หัวหน้าของตนเองทราบการมาถึงของแม่ครัวหัวป่า บอร์ดี้การ์ดหนุ่มก็หรี่ตามองสาวสวยตรงหน้า ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่เชื่อสักเท่าไร ว่าอีกฝ่ายจะทำอาหารเป็นและทำได้อร่อย เพราะดูจากรูปร่างดูอรชรอ้อนแอ้น ผิวพรรณยองใยชวนพิศชวนหลงใหลแล้ว หญิงสาวผู้นี้สมควรจะเป็นดารานางแบบมากกว่าการเป็นนางซินเฝ้าโยงอยู่แต่ในห้องครัว “เชิญตามสบายค่ะเอ่อ...คุณ...” รีจินาเอ่ยตอบเสียงหวาน พร้อมกับแกล้งชม้ายชายตาหวานฉ่ำ เป็นดั่งบ่วงแร้วดักล่อให้บอร์ดี้การ์ดผู้นี้ลุ่มหลงอยู่ในวังวนของเธอ เผื่อว่าวันข้างหน้าชายคนนี้อาจจะมีประโยชน์ต่อรูปงานของเธอ บอร์ดี้การ์ดหนุ่มที่มากประสบการณ์เรื่องรบ ทว่าอ่อนซ้อมในเรื่องมารยาหญิง ถึงกับเคลิ้มใจสั่นไปกับรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจ และน้ำเสียงหวานๆ ที่เอ่ยถามตนเอง “ผมชื่อโจวานเซครับ จะเรียกว่าโจเฉยๆ ก็ได้ครับคุณราเนีย” เจ้าของชื่อรีบเอ่ยตอบรัวเร็วแทบไม่ได้หายใจ พลางฉีกยิ้มกว้างเป็นการผูกมิตรไมตรีกับสาวสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ค่ะคุณโจ คุณเองก็ต้องเรียกราเนียเฉยๆ นะคะ ไม่ต้องมีคำว่าคุณ นำหน้าก็ได้ค่ะ” รีจินาหยอดคำหวานอีกครั้ง พลางยิ้มเยาะบอร์ดี้การ์ดผู้นี้อยู่ในใจ ‘ยิ้มไปเถอะนายโจวานเซ ต่อไปนายจะเป็นสะพาน ที่ฉันใช้เหยียบย่ำไปจัดการลากคอเจ้านายของแกให้ไปยังยมโลก’ “ครับผม ต่อไปผมจะเรียกคุณว่าราเนียนะครับ คุณสวยน่ารักมาก สง่างามเหมือนเจ้าหญิง สมแล้วที่ถูกตั้งชื่อว่าราเนีย” คนที่เก็บอาการปลื้มไว้ไม่อยู่ และเริ่มเคลิบเคลิ้มกับความสวยพิศชวนหลงใหล ถึงกับออกปากชมไม่ได้หยุด ไม่รู้สักนิดว่าตนเองนั้นกำลังถูกรีจินาใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นงานดอนคาร์ลผู้ยิ่งใหญ่ รีจินายิ้มบางๆ ตรงมุมปาก ซึ่งหากโจวานเซไม่มัวแต่หลงใหลไปกับรอยยิ้มหวานๆ และสังเกตสังกาสักนิด ก็จะเห็นว่ารอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความเยาะหยันในคำพูดของเขา ‘ใช่แล้วโจ รีจินาและราเนีย แปลว่าราชินี และราชินีคนนี้นี่แหละ ที่จะทำให้เจ้าพ่ออย่างดอนคาร์ลรู้จักกับคำว่าเจ็บปวดบ้าง’ “แหม! คุณโจก็ชมซะราเนียตัวลอยเลยนะคะ” รีจินาแกล้งต่อว่าเสียงหวานหยด ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้สีขาวสะอาดตรงบริเวณสนามหญ้า ก่อนจะเอ่ยพูดต่อด้วยน้ำเสียงหวานๆ ไม่แพ้ครั้งแรก “เดี๋ยวราเนียนั่งรออยู่ตรงนี้นะคะคุณโจ” “ครับผม รอสักครู่นะครับ ผมจะรีบไปบอกคุณแลนโดสเดี๋ยวนี้แหละครับ” ขณะเดินเร็วๆ เกือบเป็นวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ บอร์ดี้การ์ดหนุ่มก็แอบเอามือกุมหัวใจที่เต้นตึกตักรัวเร็วของตนเองไว้ ยอมรับเต็มปากเต็มคำว่าเกิดมาไม่เคยพบหญิงไหนที่น่ารัก และชวนให้หลงใหลเช่นหญิงสาวที่ชื่อราเนียมาก่อน “ฮึ! ผู้ชาย! ร้อยทั้งร้อย ลุ่มหลง ตกอยู่ในบ่วงของรอยยิ้มหวาน และเรือนกายงดงามที่เป็นรูปทรัพย์ภายนอก หากฉันอ้วนเป็นตุ่มขนาดน้องๆ ช้าง พวกแกจะยอมเสวนาผูกมิตรไมตรีกับฉันไหม" รีจินาเอ่ยลอยๆ ด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อโจวานเซเดินพ้นอาณาบริเวณที่จะได้ยินถ้อยคำของเธอแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม