“อืม อ่า...”
“…”
“พี่เจีย พี่เจียคะ...อ่า”
ซ่า!
“กรี๊ดดดดดด!”
เสียงกรีดร้องดังสนั่นพร้อมกับความชุ่มฉ่ำจากน้ำในปริมาณมหาศาลทำให้การกระทำทั้งหมดของฉันหยุดชะงักลงในทันใด
ฉันผละใบหน้าออกจากซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาวตรงหน้าอย่างแสนเสียดาย พร้อมกับยกมือปาดหยดน้ำบนใบหน้าของตน
ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และพาร่างที่เปียกโชกไปด้วยหยดน้ำเดินออกไปทางประตูหน้าห้องน้ำในทันใดด้วยแววตาว่างเปล่าแต่แฝงเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองอย่างไม่มีปิดบัง
“ออกมาแล้วเหรอ...ยัยเลสเบี้ยนโรคจิต”
หญิงสาวที่ฉันคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดียืนกอดอกรอการปรากฏตัวของฉัน
ทั้งรอบข้างของหล่อนก็มีลูกสมุนยืนล้อมรอบอยู่ประมาณ 4-5 คนให้ฉันได้แต่มองเห็นว่าภาพตรงหน้านั้นเหมือนกับหมาชิวาว่าที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มก็มิปาน
ซึ่งพวกมันทุกตัวตั้งท่าจะเห่าฉันโดยไม่มีเหตุผล...และฉันมั่นใจว่าไม่เคยไปทำให้อะไรพวกมันเลยแม้เพียงสักครั้ง
“คราวนี้มันเล่นเด็ก ม.3 เลยว่ะ!”
เด็กสาวอายุน้อยกว่าฉันที่รู้ตัวว่าถูกพูดถึงนั้นรีบก้มหน้าหลุบตาลงต่ำอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะวิ่งออกไปอย่างอับอายเต็มทีแม้สภาพจะเปียกชุ่มไม่ต่างกับฉัน
ทิ้งให้ตอนนี้มีเพียงแค่ฉันคนเดียวที่ยืนเผชิญหน้ากับกลุ่มหมาบ้าเหล่านี้ ทั้งหล่อนก็ยังยกยิ้มราวกับสมเพชกันอยู่กราย ๆ ที่ฉันเข้าไปทำอนาจารในห้องน้ำของทางโรงเรียนอย่างประเจิดประเจ้อโดยหล่อนหวังที่จะเห็นว่าฉันอับอายเมื่อถูกจับได้
แต่ขอโทษที...ที่ฉันไม่ได้รู้สึกอับอายแต่อย่างใดเลย
“น่าสมเพชจริง ๆ ที่บ้านไม่สั่งสอนหรือยังไงว่าทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้แล้วมัน...”
“ก็ดีกว่าเข้าไปสารภาพรักกับหนุ่มสุดฮ็อตในโรงเรียนแล้วโดนเขาไล่ตะเพิดกลับมาแหละนะ...อย่างน้อยฉันก็ยังได้กินแม้ว่าเธอคนนั้นจะเป็นผู้หญิงเหมือนกันกับฉัน”
ฉันรีบพูดสวนออกไปให้เจ้าหล่อนหน้าเหวอในทันทีที่ฉันพูดจนจบประโยค
ซึ่งหล่อนก็หันซ้ายแลขวามองหน้าเหล่าลูกสมุนของตนเองในทันที และฉันพอจะเข้าใจแล้วว่าเจ้าหล่อนไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร...แม้กระทั่งกับกลุ่มเพื่อนของตัวเองที่เดินตามหล่อนเป็นลูกหมาต้อย ๆ พวกนั้น
“กะ แกพูดเรื่องอะไร!”
“ก็พอจะรู้นะว่าเป็นสาวสุดฮ็อตที่หนุ่ม ๆ หลายคนตามจีบ”
เจ้าหล่อนเริ่มจ้องหน้ากันอย่างเดือดดาล
“แต่ไม่สังเกตดูบ้างเหรอ...ว่าไอหนุ่มพวกนั้นมันเห่ย ผิดกับสเป็คที่เธอตั้งไว้มากโข”
“แก...แก!”
“แล้วก็ขอบคุณสำหรับน้ำที่สาดเข้ามานะ...”
ฉันยังคงพูดต่อไม่เปิดโอกาสให้เจ้าหล่อนได้เอ่ยเถียงแต่อย่างใด
“ดับไฟที่กำลังร้อนรุ่มในกายของฉันได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ สงสัยนัดเย็นนี้กับน้องบัตเตอร์...คงต้องเลื่อนออกไปก่อนเสียแล้ว”
“ยัย...ยัย!”
“แล้วก็ฉายาที่ตั้งให้ฉันน่ะ”
ฉันเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของแม่สาวสุดฮ็อตที่ตั้งตนเป็นแอนตี้ของฉันอย่างจังจนพยายามหาเรื่องมากลั่นแกล้งกันทุกวิถีทาง
ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่เคยไปทำอะไรให้หล่อนเลยด้วยซ้ำไป...
“ฉันโคตรชอบมันเลยว่ะ!”
“กรี๊ดดดดดดดด!”
ก่อนที่ฉันจะพาร่างของตัวเองเดินออกมาจากห้องน้ำในทันที
ท่ามกลางสายตาของคนอีกหลาย ๆ คนที่สบมองฉันเป็นตาเดียวตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องน้ำ...จนกระทั่งเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยมาดของผู้ชนะทั้ง ๆ ที่โดนกลั่นแกล้งจนเปียกชุ่ม
“แก! พี่เจียโคตรเท่!”
อ่า...ฉันชอบชะมัดเลยความรู้สึกแบบนี้น่ะ
“ยัยเลสเบี้ยนโรคจิต! กรี้ดดดดดดด!”
เสียงกรีดร้องภายในห้องน้ำพาลทำให้รอยยิ้มของฉันค่อย ๆ ปรากฏ
ซึ่งฉันก็หันมองไปรอบกายเพื่อหาตัวช่วยในวันนี้เนื่องจากว่าฉันไม่ได้พกเสื้อผ้ามาเปลี่ยน และดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะกลายเป็นที่สนใจของผู้คนทั้งโรงเรียนอินเตอร์แห่งนี้ไปเสียแล้วแม้ว่าในความเป็นจริงฉันจะเป็นที่สนใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ต้องขอบคุณฉายาที่ยัยคนนั้นตั้งให้ฉันเลย...มันทำให้มีผู้หญิงกล้าเข้าหาฉันมากขึ้นเพราะโดยปกติใบหน้าของฉันจะไม่ค่อยรับแขกเท่าไร...แม้ความเป็นจริงแล้วฉันจะชอบยิ้มมากกว่าทำหน้าบี้งก็ตาม
“ว่าแต่จะมีใครใจดีให้ฉันยืมเสื้อบ้างไหมคะ?”
ฉันยืนพูดกับเหล่าผู้คนที่ยังคงสบมองฉันไม่วางตา
ด้วยแววตาแพรวพราวที่ฉันมั่นใจ...ว่าฉันเอาอยู่
“พี่ พี่เองค่ะ...”
หญิงสาวทีท่าเขินอายเดินออกมาจากมุมหนึ่ง ทั้งในมือของเธอก็มีเสื้อพละที่พกติดสอยห้อยตามมาด้วยราวกับตั้งใจ
ซึ่งเธอคนนี้ฉันจำได้ว่าเจ้าหล่อนเป็นตัวแทนของสภานักเรียนในเกรด 12 ด้วยอุปนิสัยของหล่อนที่ขี้อายแม้ว่าจะหน้าตาน่ารักสักเพียงไหนก็ไม่เคยมีข่าวเดทกับใครในโรงเรียนโสมมแห่งนี้เลย
อืม...รู้สึกร้อน ๆ อีกแล้วแฮะ
“ถ้าอย่างนั้นไปช่วยเจียเปลี่ยนเสื้อในห้องแต่งตัวนักกีฬาได้ไหมคะ?”
เจ้าหล่อนยืนบิดไปบิดมาด้วยใบหน้าแดงก่ำให้ฉันรับรู้ได้แล้วว่าเจ้าหล่อนนั้นน่ารักไม่หยอก...ทั้งยังรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นผู้ชนะเพราะเอาเข้าจริงเจ้าหล่อนต่างหากที่ไม่ยอมออกเดทกับใคร
“นำหน้าพี่ไปสิคะ...”
เพราะเจ้าหล่อนตอบรับคำขอของกันด้วยความเต็มใจ...
ให้ในเย็นวันนั้นฉันจดจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ...ว่าเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปกลับมาทั้งหมดกี่ครั้งต่อกี่ครั้งกันแน่
“แล้วแกจะเอายังไงต่อ?”
ฉันได้สติหวนกลับหลังจากที่เพื่อนสนิทอย่างเกรซเดินทางมาหากันอีกครั้งที่บริษัท
เจ้าหล่อนดูจะเป็นห่วงเป็นใยกับเรื่องของฉันมากแม้ว่าฉันจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง แต่เจ้าหล่อนก็ยืนกรานหนักแน่นเลยว่าจะคอยช่วยเหลือฉันอยู่เสมอขอเพียงแค่เอ่ยปาก
“แล้วยัยนั่นมาทำงานหรือยัง?”
ฉันเงยหน้าสบมองนาฬิกาบนผนังพร้อมกับยกยิ้มออกมาจนเต็มใบ
เวลานี้เลยเวลาเข้างานมาเป็นชั่วโมงแล้ว ยังไม่ได้รับรายงานจากเลขาเลยว่าพนักงานใหม่เข้ามาทำงานในวันนี้ ซึ่งฉันคิดเอาไว้แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้แน่ ๆ หากเธอคนนั้นตั้งใจที่จะเข้ามาหยามกัน
คงจะพยายามทำให้ตัวเองนั้นมีตัวตนต่อหน้าภรรยาอย่างฉัน...แต่หล่อนคงจะไม่รู้ว่าฉันน่ะมันตัวแสบกว่าที่เธอคิดเอาไว้ตั้งหลายสิบเท่าเลยเชียวล่ะ!
กริ๊ง!
เสียงโทรศัพท์ของบริษัทดังขึ้นมาให้ฉันเปรยสายตาไปสบมอง ซึ่งฉันก็กดรับสายนั้นในทันทีอย่างไม่มีอิดออดเพราะพอจะทราบเรื่องที่เลขาจะแจ้งคร่าว ๆ แล้ว
“คุณจอร์เจียคะ...คุณปัญฑารีย์มาทำงานแล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“แก! บริษัทแกเข้างาน 9 โมงไม่ใช่เหรอ...นี่มันผ่านมาเป็นชั่วโมงกว่าแล้วนะ”
เกรซร้อนรนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเรื่องที่เลขาของฉันเอ่ยบอก
“นี่มันตั้งใจมาหยามกันชัด ๆ เดี๋ยวฉันจัด...”
“หยุดเลยเกรซ หยุด!”
เพื่อนสาวที่กำลังจะลุกขึ้นถึงกับทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ดังเดิมในทันทีเมื่อฉันเอ่ยปราม
“น้อย ๆ หน่อยเรื่องชอบหาเรื่องคนอื่นเนี่ย...”
เจ้าหล่อนหน้าหงอยเหมือนสุนัขหูลู่ก็มิปาน
“ตอนมัธยมเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังเป็นยังงั้น...”
“ฉันดีขึ้นมากแล้วเถอะ!”
และหล่อนก็กอดอกสะบัดหน้าหนีกันอย่างแง่งอนในทันทีให้ฉันเผลอหลุดขำ
ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินตรงไปหาเพื่อนสนิท ก่อนจะวางก้นของตนเองลงยังที่วางแขนของเก้าอี้ตัวที่เกรซนั่งอยู่ให้เจ้าหล่อนทำทีเป็นไม่สนใจแต่ฉันแอบเห็นว่าหล่อนเปรยสายตามาสบมองกันเล็กน้อยอย่างเรียกร้องความสนใจ
ฉันวางมือลงไปที่ศีรษะของเจ้าหล่อนให้เกรซสะดุ้งโหยง ก่อนที่เกรซจะหันมามองกันตาขวางแต่สายตาของหล่อนแฝงเต็มไปด้วยความน้อยใจเสียเต็มประดาให้ฉันนึกเอ็นดูหนักหนา
“บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวฉันจัดการเอง...เธอแค่คอยอยู่เป็นกำลังใจให้ฉันได้ไหม หืม?”
ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวานหูจนคนข้าง ๆ ถึงกับผ่อนแรงที่กอดอกลงในทันทีอย่างยอมแพ้
“อือ...เอางั้นก็ได้”
และก็ยอมตบปากรับคำให้ฉันได้นึกเบาใจจนเผยยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุขที่มีเพื่อนที่แสนดีคนนี้อยู่เคียงข้าง
แม้ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกมันจะไม่ค่อยดีเท่าไรก็ตาม...
“โอเค ถ้าอย่างนั้นนั่งเล่นในห้องรอไปก่อนนะ”
“แล้วแกจะไปไหน?”
ฉันยกยิ้มโดยไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนจะพาร่างของตัวเองเดินออกไปจากห้องในทันทีอย่างนึกสนุกกับสิ่งที่ตนเองกำลังจะทำต่อจากนี้ไป
“ฝากงานก่อนนะ...เดี๋ยวฉันขอไปเดินดูรอบ ๆ สักหน่อย”
“ได้ค่ะคุณจอร์เจีย”
เมื่อเลขารับคำฉันก็เดินยิ้มร่าอย่างมีความสุขออกมาในทันที
สองขาก้าวเดินอย่างมีเป้าหมายทั้งรอยยิ้มที่ประดับ ก่อนในที่สุดฉันจะมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าแผนกบัญชีซึ่งมันถัดลงมาจากชั้นผู้บริหารของฉันอยู่มากโขเลยทีเดียว
ตอนนี้พนักงานหลาย ๆ คนไม่ได้อยู่ที่โต๊ะ แต่ฉันได้ยินเสียงฮือฮาดังมาจากที่ใกล้ ๆ และทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานให้ฉันเดินไปสบมองดู
และก็ได้พบเห็นว่าตอนนี้ปัญฑารีย์พนักงานคนใหม่ของฉัน...หรือจะเรียกอีกอย่างก็คือชู้ของสามีฉันนั้นกำลังยิ้มร่าทักทายผู้คนอย่างมีไมตรีอยู่
ฉันยืนมองหล่อนจากระยะที่ไม่ใกล้ไม่ไกล และฉันก็ยังคงยืนยันคำเดิมจากเมื่อวานที่ได้พบเห็นหล่อนเป็นครั้งแรกว่าหล่อนน่ะ...สวยมากจนฉันไม่นึกแปลกใจเลยที่สามีของฉันนั้นเลือกหล่อน
นับว่าไอคนนั้นก็ตาถึงอยู่...
“ท่านประธานคะ มายืนทำอะไรตรงนี้คะ?”
แต่เสียงเอ่ยเรียกของใครบางคนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังให้ฉันต้องหันกลับไปสบมอง
พร้อมกับผู้คนที่ยืนเจี้ยวจ้าวกันอยู่ในคราแรกก็หันมาสบมองฉันเป็นตาเดียวเฉกเช่นเดียวกัน...รวมไปถึงเธอคนนั้นก็ด้วย
“อ๋อ...แค่อยากจะมาดูการทำงานของหัวหน้าแผนกบัญชีคนใหม่หน่อยน่ะค่ะ”
“อ๋อ...”
คนที่เอ่ยทักเมื่อครู่รับคำให้ฉันเลิกสนใจเจ้าหล่อน
ซึ่งฉันก็เปรยสายตาไปสบมองที่ปัญฑารีย์อีกครั้งและยังคงชื่นชมในความสวยของเธอ…
แต่สายตาที่หล่อนสบมองและยกยิ้มให้กันราวกับเป็นผู้ชนะอยู่ในตอนนี้น่ะ...ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะเปิดศึกกับฉันเสียแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณจอร์เจีย...ตัวจริงสวยกว่าที่ฉันเคยได้ยินมาอีกนะคะ”
ฉันยกยิ้มตอบรับคำเอ่ยชมของเธออย่างไม่นึกถ่อมตน
“สวัสดีค่ะคุณปัญฑารีย์...คุณเองก็สวยอย่างที่ฉันคาดหวังเอาไว้ไม่มีผิดเลยนะคะ”