“แล้วพรุ่งนี้พบกันนะคะ”
“เช่นกันค่ะ...ขอบคุณที่ให้โอกาสนะคะ”
เธอยกยิ้มให้กันจนเต็มดวง ทั้งยังสบมองใบหน้าของฉันด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสนุกสนาน
“คุณหัวหน้า”
ก่อนที่เธอจะหันหลังและเดินออกไปจากห้องทำงานของฉันจนลับสายตาไปในที่สุด
ฉันทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ด้วยแววตานิ่งเฉย ทั้งในหัวใจของฉันก็รู้สึกชินชากับทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับวกวนอยู่ในลูปเดิมที่อีกไม่นานฉันก็จะหลุดพ้น
ก๊อก! ก๊อก!
ฉันเงยหน้าสบมองที่ประตูหน้าห้องด้วยสีหน้าเรียบเฉยอีกครั้งหนึ่ง
“แก!”
และแม้จะยังไม่ได้เอ่ยอนุญาตให้ใครอีกคนเข้ามาแต่อย่างใด...
แต่เธอคนนี้กลับพรวดพราดเข้ามาแล้วอย่างเสียมารยาท ซึ่งฉันก็ทำได้เพียงแต่ส่ายหัวให้กับเพื่อนสนิทคนนี้อย่างเอือมระอาเท่านั้น เพราะเคยตักเตือนไปแล้วหลายครั้งหลายคราแต่เพื่อนตัวดีคนนี้ก็ยังไม่ยอมรับฟังกันเสียที
“เห็นนี่หรือยัง?”
เจ้าหล่อนว่าอย่างกระตือรือร้นและวางซองสีน้ำตาลที่ไม่มีจ่าหน้าซองใด ๆ เลยลงตรงหน้าของฉัน
มือของฉันเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาสบมองดูด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเงยหน้าสบมองกับเพื่อนสนิทอีกครั้งหนึ่งอย่างต้องการคำขยายความเพิ่มเติม แต่เจ้าหล่อนกลับถลึงตาใส่กันเป็นเชิงบอกว่าให้ฉันเปิดมันดูให้ได้เห็นกับตาของตัวเองเลยจะดีเสียกว่า
ซึ่งฉันก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ อย่างเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธกับสิ่งที่เพื่อนสนิทวางลงตรงหน้าแต่อย่างใด
ฉันเปิดซองออกและเอื้อมมือเข้าไปที่ด้านในเพื่อควานหาของ ก่อนจะดึงมันออกมาให้ดวงตาทั้งสองของตนเองเบิกโพลงเพราะมันล้วนแล้วแต่เป็นภาพแอบถ่ายทั้งหมด
มือของฉันเปิดดูภาพแอบถ่ายเหล่านั้นไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดปริปาก แอบเห็นปฏิกิริยาของเพื่อนสนิทที่ยืนลุ้นจนตัวโก่งว่าฉันจะว่าอย่างไรแต่แล้วฉันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลยจนรูปใบสุดท้ายได้ถูกสบมองโดยดวงตาของฉัน
หญิงสาวตรงหน้าท้าวแขนของตัวเองลงบนโต๊ะทำงานของฉันในทันทีที่ฉันวางรูปทั้งหมดลงบนโต๊ะอย่างตื่นตระหนก
ซึ่งฉันก็เอนหลังพิงกับเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ผิดกับเพื่อนสนิทมากโขที่ตอนนี้กำลังใบหน้าแดงก่ำอย่างที่ฉันเข้าใจได้ในทันทีเลยว่าเธอคงจะเดือดจัดพร้อมระเบิดอารมณ์แล้วเต็มที
“เจีย! ทำไมแก...”
“ฉันเห็นแล้ว”
“ว่ายังไงนะ!”
น้ำเสียงของเธอปนเปไปด้วยความสับสน
ซึ่งฉันก็ยังทำตัวตามสบายไม่ได้ทุกข์ร้อนแต่อย่างใดให้เพื่อนสนิทได้แต่หัวเสียแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะนั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างคนที่ทนยืนต่อไปไม่ไหวเต็มที
“แล้วทำไมแกยังนิ่งอยู่ นี่อย่าบอกนะว่ายอมรับได้?”
“บ้าหรือไง...เรื่องแบบนี้ใครมันจะไปรับได้กัน!”
ฉันตวาดใส่เพื่อนสนิทอย่างนึกโมโห
ฉันยอมรับเลยว่าตัวเองก็ไม่ได้เจนจัดในเรื่องของความรักมากเท่าไร แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่หลวงที่คนอย่างฉันยังรับรู้ได้เลยว่ามันไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งกับคู่รักของตนเอง
และยิ่งไปกว่าคำว่าคู่รัก...ก็คือคู่แต่งงานที่ตอนนี้ฉันมีไอเจ้านี่ค้ำคอของตัวเองอยู่
“ไม่ยอม แล้วทำไมถึงยังนิ่ง...นี่มันครั้งที่เท่าไรแล้ว!”
“ใครว่าฉันนิ่งล่ะ...”
ฉันรีบสวนกลับในทันทีอย่างไม่คิดยอมแพ้
พร้อมกับที่ฉันดึงลิ้นชักด้านข้างของตัวเองให้เปิดออกและหยิบของที่อยู่ข้างในนั้นขึ้นมาวางลงบนโต๊ะให้เพื่อนสนิทของฉันได้มองเห็น
ทีแรกฉันตั้งใจเอาไว้ว่าจะดำเนินแผนการนี้เงียบ ๆ คนเดียวก่อนจนกว่าที่มันจะสำเร็จผล...แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เพื่อนสนิทของฉันจะได้สิทธิ์เข้ามาเอี่ยวด้วยแล้วจากความตื่นตระหนกของเจ้าหล่อนที่พยายามคาดคั้นให้ฉันบอกเอง
ซึ่งเธอก็เบิกตาโพล่งในทันทีที่ได้เห็นรูปถ่ายหลายสิบใบไม่รวมกับของตนเองวางกองกันอยู่บนโต๊ะ บ่งบอกได้ว่าฉันเองก็ไม่ได้นิ่งเฉยที่เห็นว่าสามีของตัวเองนั้นนอกใจไปมีผู้หญิงคนอื่น
ฉันเป็นถึงเจ้าของบริษัท มีลูกน้องหลายร้อยชีวิตให้การนับถือ จบการศึกษาจากสถาบันชื่อดังของต่างประเทศด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง...และฉันไม่ใช่คนโง่ที่จะต้องถูกผู้ชายคนหนึ่งสวมเขาเห็นว่าฉันไร้ค่าอยู่แบบนี้
การแต่งงานของฉันกับเขาเกิดขึ้นมาแล้วหลายปี และเขาก็โง่เขลาให้ฉันจับได้นับครั้งไม่ถ้วนกับการที่เขานอกใจฉันไปมีผู้หญิงคนอื่น
จากความเสียใจในคราแรกค่อย ๆ เปลี่ยนผันให้กลายเป็นความชินชาและความแค้น และที่ฉันยังอยู่ตรงนี้ไม่ยอมเลิกรากับเขา...แน่นอนล่ะว่าฉันมีเหตุผลสำหรับเรื่องนั้น
และฉันรู้แล้วว่าตัวเองควรจะต้องทำอย่างไรต่อไปกับผู้ชายมักมากไม่รู้จักพอคนนั้น คนที่ครั้งหนึ่งฉันเคยมอบให้หมดทั้งหัวใจของฉัน...แต่ตอนนี้แม้แต่เศษเสี้ยวหัวใจของฉันก็ไม่มีเขาอยู่ข้างในนั้นอีกต่อไป
“แล้วแกจะทำยังไงต่อไป?”
ฉันที่กำลังคิดเหม่อลอยอยู่นั้นหันหน้าไปสบมองเพื่อนสนิทในทันทีพร้อมทั้งรอยยิ้มที่ประดับ
มือบางของฉันเอื้อมไปหยิบแฟ้มเอกสารสมัครงานของคนก่อนหน้าขึ้นมาและส่งมอบให้กับเพื่อนสนิทที่กำลังสบมองฉันอย่างพยายามทำความเข้าใจอยู่
“ยัยคนนี้มัน...”
“ใช่แล้วล่ะ”
“ยัยนี่มันจงใจจะมาหยามแกชัด ๆ ถึงได้มาสมัครงานที่บริษัทของแกน่ะ!”
“ก็คงเป็นอย่างนั้น”
ฉันตอบคำถามของเพื่อนสนิทอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเอนตัวไปด้านหน้าและวางคางของตนลงที่ฝ่ามืออย่างสบายอารมณ์
“อย่าบอกนะว่าแกรับยัยนี่เข้ามาทำงาน?”
“อื้ม”
“จอร์เจีย...นี่แกคิดจะทำอะไรของแก!”
“คิก!”
ฉันเผลอหลุดหัวเราะออกมาอย่างขบขันให้เพื่อนสนิทได้แต่สบมองอย่างสงสัยมากไปกันใหญ่
แผนการที่ฉันวางเอาไว้มันอาจจะฟังดูบ้าบอในความคิดของคนอื่น...แต่ฉันกลับรู้สึกนึกสนุกสนานและอยากจะลองเล่นเกมดูบ้างสักครั้งในแบบฉบับของฉัน
“จอร์เจีย!”
“ภรรยาของเขาแต่เป็นสามีของหล่อน...แกคิดว่าวลีนี้มันหมายความว่ายังไง?”
“นี่แกคิดจะทำอะไรกันแน่?”
แววตาของฉันเป็นประกายสุกใสท่ามกลางความลำบากใจของเพื่อนสนิท
สงสัยงานนี้ฉันคงได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง...
ฉายายัยเลสเบี้ยนโรคจิตที่ฉันเคยได้มาเมื่อตอนมัธยมปลาย...
ฉันจะไม่ทำให้คนที่ตั้งฉายานี้ให้กับฉัน...ต้องผิดหวังกับมันเป็นอันขาด!