Chapter 2
เธอคือใคร (2)
“ชื่อพลอย…งั้นเหรอ…”
แดนดินมองใบหน้าที่มอมแมมไปด้วยคราบขี้ดิน สบตากับแววตายาวรีที่มองมาอย่างตื่นกลัว คล้ายกับว่ายังไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าผู้ชายตรงหน้านั้นเป็นคนไว้ใจได้จริง ๆ
“คุณเอ่อ…คุณสองคนเป็นคนเจอพลอยในป่าใช่มั้ยคะ”
หล่อนมองหน้าสองหนุ่มสลับกันไปมา ก่อนแดนดินจะพยักหน้าแทนคำตอบ
“เอาละ ๆ เธอจะมีที่มาที่ไปยังไงก็แล้วแต่ ฉันคิดว่าเธอควรไปแจ้งตำรวจ แล้วก็ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย”
ติณณภพยังยืนกรานเหมือนเดิม เขาทำท่าจะเข้าไปคว้าข้อมือหญิงสาวแปลกหน้าเพื่อพาไปสถานีตำรวจ หากแต่หล่อนก็ถอยกรูดไปข้างหลังจนชิดกำแพง ทั้งที่ขายังเจ็บจากการพลัดตกลงมา
“ไม่ค่ะ! พลอยไม่ไป ถ้าพลอยออกไปสู่โลกภายนอก พลอยต้องตายแน่ ๆ”
หล่อนเสียงสั่นเครือ แววตาคล้ายหวาดกลัวกับอะไรสักอย่าง จนติณณภพต้แงถอนหายใจออกมา
“ดูสภาพเธอสิ ถ้าเธอไม่ไปหาหมอ เธออาจตายในป่านี้ก็ได้ แล้วเธอก็จะทำพวกเราซวยไปด้วย แล้วมีเหตุผลอะไรถึงต้องไม่อยากไปเจอตำรวจฮึ!”
“เอ่อ…”
“หรือเธอทำความผิดอะไรมา ถึงกลัวตำรวจจนลนลานน่ะฮึ!”
น้ำเสียงดุ ๆ ทำให้พลอยไพลินก้มหน้างุด มีท่าทีกระอึกกระอักจนแดนดินต้องยกมือห้ามเพื่อนเป็นเชิงให้ค่อย ๆ คุยกัน
“ใจเย็น ๆ ไอ้ติณห์ ฟังเหตุผลเธอก่อน”
แดนดินหันไปสบตากับคนที่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา เขาคลี่ยิ้มไปให้หล่อนเพื่อให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดทุเลาลง
“เอาละ ๆ อย่าเพิ่งพูดถึงตำรวจเลย เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาคุยกันถึงที่มาทีไป ฉันชื่อช้าง เรียกว่าพี่ช้างก็ได้ ส่วนนี่เพื่อนพี่ ชื่อพี่ติณห์”
พลอยไพลินพยักหน้ารับ ยิ้มเฝื่อนคลี่ส่งมาให้สองหนุ่มแปลกหน้า หล่อนยังมีท่าทีกลัวติณณภพ เพราะดูเขาไม่ใจดีเหมือนเพื่อนของเขาเลยสักนิด
“พลอยค่ะ ชื่อจริง พลอยไพลิน”
แดนดินมองสำรวจหญิงสาวแปลกหน้า แม้หล่อนจะดูขมุกขมอม แต่ก็เดาไม่ยากว่าหล่อนน่าจะอายุน้อยกว่าพวกเขาหลายปี
“แล้ว…นอกจากขาที่เจ็บ เธอมีบาดเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า”
พลอยไพลินก้มลงมองสำรวจตัวเอง ยกสองแขนมาพลิกดู เห็นรอยขีดข่วนจนผิวสวย ๆ เป็นริ้วรอย หล่อนรู้สึกเจ็บตรงชายโครง คงเป็นเพราะตอนกลิ้งลงมากระแทกต้นไม้ ก่อนจะสลบไป
“รู้สึกเจ็บตรงนี้ค่ะ”
หล่อนจิ้มไปยังจุดที่เจ็บ และติณณภพก็โพล่งขึ้น
“ฉันถึงได้บอกว่าให้เธอไปตรวจร่างกาย หากช้ำในตายในป่าใครจะแบกศพเธอออกไปฮึ!”
“ไอ้ติณห์ มึงก็พูดกับน้องเขาดี ๆ หน่อย น้องเขากลัวมึงหัวหดแล้ว บางทีเธออาจเพิ่งเจออะไรเลวร้ายมาก็ได้”
“เออ ๆ ไอ้พ่อพระ ถ้าเธอเอาความซวยมาให้กูจะหัวเราะซ้ำให้ดู”
แดนดินถอนหายใจ เขาเลิกสนใจเพื่อน ก่อนหันไปสบตากับแววตากลมโตที่มองมาตาปริบ ๆ คล้ายกับขอความเห็นใจคนไร้ที่พึ่งอย่างตน สภาพที่มอมแมมทำให้เขาคิดว่าหล่อนควรอาบน้ำเสียก่อน
“เอาละ ฉันคิดว่าเธออาจอยากอาบน้ำอาบท่าให้มันสดชื่น ไปอาบน้ำซะ แล้วเราค่อยมาคุยกัน”
หล่อนก้มลงมองตัวเอง พลางคิดว่าสภาพอย่างนี้จะเอาเสื้อผ้าที่ไหนเปลี่ยน
“แล้วพลอยจะใส่อะไรคะ เสื้อผ้าทั้งขาดทั้งเปื้อน”
“ไม่มีปัญหา”
แดนดินคลี่ยิ้ม ก่อนจะหันไปมองเพื่อนด้วยแววตาสื่อความหมาย
“อะไรไอ้ช้าง”
“กูคิดว่ามึงรู้”
“ไม่ ๆ กูไม่รู้”
แดนดินขยับเข้าไปใกล้เพื่อน กระซิบให้ได้ยินกันสองคน
“มึงต้องไปยืมเสื้อผ้าน้องพิมพ์มาให้เธอใส่แก้ขัดไปก่อน ดูแล้วตัวเท่า ๆ กัน น่าจะใส่ด้วยกันได้ หลังจากนี้ค่อยว่ากัน”
“ไอ้ช้าง มึงก็รู้กูไม่อยากให้มีเรื่องผู้หญิงมาเกี่ยวข้อง สัมพันธ์ของกูกับพิมพ์กำลังไปด้วยดี มึงอยากให้เธอกังขากูอีกเหรอ”
“ถ้ามึงกลัวผิดใจกับเมีย กูโทร.ไปบอกให้ก็ได้ แล้วมึงแค่ขับรถไปเอาเสื้อผ้ามา”
ติณณภพมองไปยังหญิงสาวคนต้นเหตุ ถอนหายใจยาวอย่างกลัดกลุ้ม
“ให้ตายสิ แล้วยายบ้านี่ทำไมต้องพลัดตกถนนมาตรงบ้านมึงพอดีด้วยวะ”
“อย่าบ่น ตอนนี้เราไม่มีทางเลือก เอาโทรศัพท์มา เดี๋ยวกูโทร.เล่าให้น้องพิมพ์ฟังเอง”
“ไม่ต้อง ๆ กูไปให้ก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะไอ้ช้าง มึงจะซ่อนเธอไว้ไม่ได้ มึงต้องพาเธอไปหาตำรวจ”
“เออ ๆ รีบไปเถอะ”
แดนดินตัดบท ก่อนที่ติณณภพจะหันหลังเดินจากไป แววตาเข้มมองตามร่างสูงจนลับสายตา ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้คนที่ยืนตัวลีบอยู่ตรงฝาบ้าน บอกหล่อนให้รอเสื้อผ้าแล้วปล่อยให้หล่อนอยู่อย่างส่วนตัวในบ้าน ส่วนตัวเขาไปนอนบนเปลที่ผูกอยู่ริมน้ำเพื่อรอเพื่อนนำเสื้อผ้ามาให้หล่อนเปลี่ยน