ตอนที่ 1 คุณหนูสามตระกูลเริ่น
หลังจากผ่านพ้นฤดูหนาวมาเมืองหลวงแคว้นหมิงเริ่มมีอากาศอุ่นสบายตามลำดับ อากาศหนาวกำลังคลายตัวลงพร้อมทั้งรับการเข้ามาแทนที่ด้วยความอบอุ่น มวลบุปผาพากันผลิดอกบานสะพรั่งต้อนรับฤดูกาลใหม่ ถนนทั้งสายที่เชื่อมโยงการเดินทางรอบวังหลวงเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันที่พากันชูช่อสวยสดตระการตา ตอนนี้คือช่วงเวลาที่งดงามที่สุดในฤดูใบไม้ผลิ สิ่งที่ตามมากับฤดูกาลคงไม่พ้นงานมงคลที่จะเกิดขึ้นในหลายบ้าน ตระกูลเริ่นเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
เริ่นฉือโจว เป็นรองเสนาบดีกรมโยธา เขาสร้างผลงานเลื่องชื่อไว้นับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าเป็นขุนนางผู้มีความสามารถที่ได้รับการนับหน้าถือตาจากคนจำนวนมาก ท่านเสนาบดีมีบุตรชายบุตรสาวรวมกันถึงสามคนและบุตรีทั้งสองกำลังจะมีงานวิวาห์ในเร็ววัน บ้านตระกูลใหญ่จึงดูคึกคักเป็นพิเศษ
พรุ่งนี้จวนใหญ่จะส่งตัวบุตรีคนเล็กของใต้เท้าเริ่นไปตบแต่งกับคุณชายหนุ่มจากตระกูลมหาเสนาบดี จากนั้นสามวันให้หลังบุตรสาวคนรองก็จะแต่งเข้าบ้านคหบดีตามลำดับ
“คุณหนูให้บ่าวเอาไปให้ดีกว่าเจ้าค่ะ” ห้องในปีกซ้ายของจวนมีหนึ่งนายหนึ่งบ่าวกำลังยื้อกันไปมา ร่างอรชรในอาภรณ์ม่วงยืนกรานจะไม่ยอมท่าเดียว
เริ่นเม่ยเซียน งัดลูกไม้ทุกอย่างออกมาจนหมดสิ้นทั้งดื้อรั้นก็แล้ว ร้องขอก็แล้ว อีกนิดเดียวคงต้องใช้ความน่าสงสารเข้าช่วย อันที่จริงถานเจ๋อเสว่ก็ไม่ได้เป็นคนใจแข็งอะไร แค่คุณหนูทำตาละห้อยเข้าหน่อยนางก็ใจอ่อน แต่ก็ต้องห้ามตามหน้าที่
“เรือนเล็กอยู่แค่นี้เอง อีกอย่างนี่เป็นของที่ข้าอยากมอบให้พี่รองด้วยตนเอง เจ้าอยู่ที่นี่น่ะดีแล้ว หากท่านแม่มาจะได้คอยแจ้งว่าข้าเข้านอน ขืนเราหายไปทั้งคู่ท่านแม่ได้โกรธท่านพี่มากขึ้นอีกแน่” ว่าที่เจ้าสาวคนงามชักแม่น้ำทั้งสายมาโน้มน้าวบ่าวรับใช้คนสนิท มือเล็กกำกล่องผ้าไหมในมือแน่นไม่ยอมปล่อย นี่เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าสาวต้องใช้นางจึงตั้งใจจะไปมอบให้พี่สาวด้วยตนเองก่อนที่ตนจะได้แต่งออกไป
“การที่คุณหนูมอบของสิ่งนั้นให้ต่างหากที่จะทำให้คุณหนูรองลำบากนะเจ้าคะ เกิดฮูหยินผู้เฒ่าเห็นเข้าคุณหนูรองคงถูกซักไซ้ไม่เลิกแน่ ๆ เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งแง่กับคุณหนูรองตั้งแต่นางอยู่ในครรภ์มารดา ผู้เป็นย่าไม่เคยเมตตาหลานสาวที่เกิดจากบ่าวรับใช้ ยิ่งเป็นเพราะความไม่ตั้งใจจากบุตรชายด้วยแล้ว แม้คุณหนูรองจะมีสายเลือดตระกูลเริ่นอยู่ครึ่งร่างแต่ก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติดี ๆ ด้วยสักครั้ง ขนาดงานมงคลยังถูกวางกำหนดไว้หลังน้องสาวด้วยซ้ำ
“ถือว่าช่วยข้าอีกสักครั้งเถอะนะ หากเราพี่น้องแต่งออกไปก็กลายเป็นคนของบ้านสามี ท่านย่าคงไม่ตามไปถามท่านพี่หรอกว่านางได้รับของชิ้นนี้มาจากผู้ใด” เม่ยเซียนยังคงไม่ลดละความพยายาม ดวงเนตรคู่งามฉายแววเศร้าสร้อยประหนึ่งลูกแมวหูตก
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ อย่างไรรีบกลับมานะเจ้าคะ” สุดท้ายพอเห็นคุณหนูอ้อนหนักเข้าเจ๋อเสว่ก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว นางถอนหายใจอย่างยอมแพ้
“อื้อ! ข้าไปครู่เดียวเท่านั้นเจ้าไม่ต้องห่วงนะ”
“เจ้าค่ะ” นางเป็นคนอนุญาตเองก็จริงทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดอวัยวะในอกบีบแน่นจนลมหายใจติดขัด รู้ตัวอีกทีมือหยาบก็จับเข้าที่ข้อมือของเจ้านายสาว
“เอ๊ะ?”
“มีอะไรรึ” คนถูกจับชะงักเล็กน้อย
“ระวังล้มนะเจ้าคะ” บ่าวคนสนิทคลายมือที่จับไว้ออก เจ้าของอาภรณ์ม่วงหันมายิ้มให้นางครั้งหนึ่งก่อนที่จะวิ่งไปยังท้ายจวน
ทำไมกันนะเจ๋อเสว่รู้สึกราวกับว่าต้องรั้งอีกฝ่ายไว้ หญิงสาวมองมือที่เอื้อมไปจับเจ้านายด้วยความสงสัยก่อนจะมองแผ่นหลังเล็กวิ่งหายไปช้า ๆ
เริ่นหลิงเซียว แม้จะเป็นคุณหนูรองของบ้านแต่นางเกิดจากภรรยาบ่าวนั่นทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ค่อยอยากพบหน้าหลานคนนี้เท่าไหร่ ผู้เป็นบิดาจึงจำต้องจัดให้นางอยู่ในเรือนเล็กท้ายจวนที่ห่างไกลจากเรือนหลักพอสมควรเพื่อมิให้สองคนที่มีปัญหาต้องมาปะทะคารมกัน กระนั้นทั้งเขาและลูกชาย ลูกสาวที่เกิดกับฮูหยินเอกก็มักจะไปเยี่ยมเยียนนางอยู่เสมอ เวลามีงานสำคัญใดหลิงเซียวก็ได้เข้าร่วมประหนึ่งเป็นลูกสาวสายตรงทำให้มีเพียงคนในเท่านั้นที่รู้ว่าแท้จริงแล้วบ้านสกุลเริ่นเป็นเช่นไร
แต่เรื่องของผู้ใหญ่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเด็ก ๆ ทายาททั้งสามมีวัยไล่เลี่ยกันจึงเป็นเพื่อนเล่นที่สนิทสนมมาตั้งแต่เล็ก ต่อให้เรื่องในบ้านจะรุนแรงเพียงใดสายใยระหว่างพี่น้องก็มิได้รุนแรงตามไปด้วยนับว่าดีกว่าบ้านอื่นหลายขุม
ร่างอ้อนแอ้นในชุดแพรสีม่วงวิ่งเหยาะ ๆ ไปยังท้ายจวน บริเวณเรือนหลังเล็กไม่มีบ่าวรับใช้ทำให้มักจะเงียบเหงาอยู่เสมอ เม่ยเซียนเคยขอบ่าวรับใช้ให้คอยอยู่ดูแลพี่สาวแต่ก็โดนท่านย่าห้ามไว้ พอจะลองขอให้ท่านพ่อช่วยก็กลายเป็นโดนดุกันทั้งสองคนจนสุดท้ายพี่สาวจึงต้องดูแลตนเองเช่นนี้ แต่หลิงเซียวเป็นคนไม่ยึดติด นางไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากท่านพ่อเลยสักครั้งนั่นทำให้เม่ยเซียนอยากแบ่งปันสิ่งที่นางได้รับให้พี่สาวต่างมารดาอยู่ตลอด
วันนี้ช่างทองนำเครื่องประดับเจ้าสาวเข้ามาให้คุณหนูสามเลือก นางพบว่ามีชิ้นหนึ่งที่งดงามไม่แพ้กันจึงใช้เงินส่วนตัวซื้อมาเพื่อเตรียมมอบมันให้พี่สาวไว้ใช้ในวันสำคัญ
“ท่านพี่-” เม่ยเซียนที่เดินมาถึงเรือนเล็กแล้วพบว่าไฟเปิดอยู่จึงเดินเข้ามาโดยมิได้ขออนุญาตตามประสาคนคุ้นเคยทว่าหญิงสาวจำต้องหยุดฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงครวญครางที่ดังออกมาจากด้านใน
“อ๊า มะ... ไม่ได้นะเจ้าคะ ตรงนั้น อื้อ!” เจ้าของเสียงโอดครวญนี้ฟังไม่ออกว่ากำลังทรมานหรือมีความสุขกันแน่ แม้จะกลั้นเอาไว้เต็มที่แต่ด้วยระยะที่ห่างกันระหว่างต้นเสียงกับแขกสาวมีเพียงบานประตูทำให้เม่ยเซียนได้ยินอย่างแจ่มชัด
“อืมม ลึกมากเลยเจ้าค่ะ ระ… แรงอีกสิเจ้าคะ” ร่างบางเร่งเร้าคล้ายอยากได้รับการเติมเต็มมากยิ่งขึ้น
“ซี้ดดด อ่า... หลิงเอ๋อร์ เจ้ารัดแน่นแบบนี้พี่ก็แย่น่ะสิ อืมมม” ตามมาด้วยเสียงบุรุษคุ้นหูดังออกมาจากบานประตูที่เปิดแง้มอยู่ นอกจากเสียงคนทั้งสองแล้วยังมีเสียงเนื้อกระทบกันดังระคนออกมา
...........................................................................................
สวัสดีค่ะนักอ่านที่น่ารัก วันนี้ไรท์มีนิยายเรื่องใหม่มาให้ติดตามอีกแล้วค่ะ
เรื่องนี้มีทั้งการเอาคืนของนางเอก ความคลั่งรักของพระเอก
ฝากทุกท่านกดติดตาม กดเข้าชั้น และคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ทั้งสองด้วยน๊า
ขอบคุณมากเลยค่า~