ตอนที่ 2 เราพอแค่นี้เถอะนะเจ้าคะ

1117 คำ
พั่บ! พั่บ! พั่บ! “อะ...อื้อ อืมม” เสียงร้องกระเส่าหายไปกะทันหันราวกับริมฝีปากของนางถูกอีกฝ่ายครอบครองไว้จนมิอาจเผยออ้าได้อีก “อ๊า!” เสียงร่างกายกระทบกันเมื่อครู่เร่งรัวก่อนจะจบลงในอึดใจต่อมา เกรงว่าคงมีใครบางคนถึงปลายทางเป็นที่เรียบร้อย “หวานเหมือนเดิมเลยนะคนดี” เขาเอ่ยชมหลังจากดอมดมบุปผาน้อยดอกนี้เสียจนพอใจ มาถึงจุดนี้ร่างของเม่ยเซียนหนักอึ้งไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ตามใจนึก นางจำได้ดีว่าน้ำเสียงของคนที่กำลังดังอยู่ด้านในเป็นใคร ใบหน้าเล็กชาหนึบไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรต่อไป จะหันหลังกลับแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่องหรือจะเดินหน้าต่อเพื่อคลายความสงสัยให้กระจ่างชัดเต็มสองตา ขณะที่ลนลานไม่รู้ว่าควรทำสิ่งใดก่อนหลัง ของที่เคยยึดถือไว้แน่นก็ลื่นหลุดมือ ป๊อก! เคร้ง! กล่องไม้บุผ้าไหมชั้นดีร่วงลงกระแทกหินด้านล่างทำให้ตัวกล่องเปิดออกจนปิ่นทองรูปหงส์กระเด็นออกมากระทบหินจนเกิดเสียงดังก้องบริเวณ ชั่วพริบตานั้นเรียวขาเล็กของดรุณีสาวถอยหลังไปครึ่งก้าว นางกำลังจะเดินหลบออกไปแต่ประตูเบื้องหน้าก็ถูกเปิดออกเสียก่อน “เริ่นเม่ยเซียน?!” บุรษด้านในกล่าวอย่างไม่เชื่อสายตา เขามีนามว่า หลี่ป๋ายจวิ้น เป็นบุตรชายคนโตมหาเสนาบดีหรือก็คือคู่หมั้นที่กำลังจะเข้าประตูวิวาห์กับนางในวันพรุ่งนี้ เขามิได้สวมใส่สิ่งใดร่างกายไม่เหลืออาภรณ์ไว้สักชิ้นเดียว ดวงตาดอกท้อสั่นไหวอย่างรุนแรง เม่ยเซียนมองผ่านร่างของชายหนุ่มไปยังเบื้องหลัง… ที่นั่นมีร่างเปลือยเปล่าของสตรีในสภาพอาบเหงื่อกำลังนั่งหอบหายใจรวยรินอยู่ ร่างกายของนางเต็มไปด้วยร่องรอยรักนับไม่ถ้วน ริมฝีปากที่หอบหายใจอยู่นั้นก็บวมเจ่อราวกับเพิ่งผ่านจุมพิตร้อนแรงมากหยก ๆ เพียงเท่านี้เม่ยเซียนก็พอเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาทั้งสองเพิ่งกระทำลงไปโดยมิต้องถามไถ่สิ่งใดเพิ่ม ขอบตาคู่สวยร้อนผ่าวจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ “ทำไม...” ป๋ายจวิ้นกำลังจะแต่งงานกับนางอยู่แล้วส่วนพี่สาวก็กำลังจะแต่งเข้าบ้านคหบดี แล้วเหตุใดคนทั้งสองที่เป็นว่าที่บ่าวสาวถึงได้มาทำเรื่องแบบนี้กัน ยิ่งกว่านั้นที่นี่คือส่วนหนึ่งของจวนสกุลเริ่น ระยะเพียงเท่านี้พวกเขายังกล้ากระทำเรื่องอย่างว่าโดยไม่เกรงกลัวผู้ใด “เม่ยเอ๋อร์คือพี่...” หลิงเซียวควานหาเสื้อผ้าที่กองอยู่มากอดไว้เพื่อปกปิดเรือนร่าง ริมฝีปากระเรื่อเม้มแน่น นางเปิดปากคล้ายจะพูดบางอย่างแต่ก็ทำได้เพียงก้มหน้ามิกล้าสบตาน้องสาวราวกับข้อแก้ตัวที่เอ่ยออกมาไม่มีทางฟังขึ้นอีกต่อไป “ฮึก... พวกท่านทำเรื่องเช่นนี้ลับหลังข้าได้อย่างไร” หยาดน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงเนตรงามซึ้ง ร่างบางถอยหลังไปหลายก้าว นางไม่อยากรับฟังข้อแก้ตัวใด ๆ จากปากพวกเขาอีกต่อไป “จับตัวไว้!” หลี่ป๋ายจวิ้นออกคำสั่ง เพียงเท่านั้นร่างบางที่กำลังร่นกายหนีก็ชนเข้ากับร่างสูงของบ่าวที่คอยอารักขาลูกชายมหาเสนาบดี เม่ยเซียนพยายามจะหลบหลีกแต่มันก็สายไปเสียแล้ว ข้อมือเล็กถูกพันธนาการไว้แน่นด้วยมือแกร่งในขณะที่ริมฝีปากก็ถูกผนึกไว้มิให้ส่งเสียง เมื่อเห็นว่าจับตัวพยานรู้เห็นได้แล้วหลี่ป๋ายจวิ้นจึงยืนขึ้นเต็มความสูงอย่างไม่เกรงกลัวอีกต่อไป “เม่ยเอ๋อร์ เจ้าน่าจะอยู่เงียบ ๆ แบบที่เป็นมาตลอดสิไม่น่ามารนหาที่ถึงที่นี่เลยจริง ๆ” มือหนาคว้าเสื้อคลุมมาสวมไว้ก่อนจะก้มลงหยิบปิ่นรูปหงส์ที่หล่นอยู่บนพื้นมาควงเล่น เขาพอเข้าใจแล้วว่านางมาด้วยสาเหตุใด ที่ผ่านมาชายหนุ่มมาที่นี่ตั้งหลายหนไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของบ่าวรับใช้ วันดีคืนดีมีคนมาเห็นเข้าแล้วคนที่ว่านั่นดันกลายเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขาเสียได้ ความบังเอิญเหล่านี้ช่างเป็นตลกร้ายเสียจริง “แต่ก็ดีแล้วแหละที่เจ้ามาข้าจะได้มิต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาว จับตัวนางมัดไว้แล้วไปเตรียมรถม้ามาเสร็จแล้วข้าจะตามไป” ประโยคหลังเขากล่าวมันออกมากับคนสนิทที่กำลังจับตัวคุณหนูสามเอาไว้ “อื้อๆๆๆ” เม่ยเซียนพยายามจะดิ้นให้หลุดจากการจับกุมเพียงแต่เรี่ยวแรงของสตรีจะไปสู้บุรุษได้อย่างไร ข้ารับใช้ของคุณชายหลี่เดินเข้ามาสมทบอีกคน เขาใช้เชือกรัดร่างเล็กและนำผ้าพันรอบริมฝีปากมิให้ส่งเสียงก่อนจะแบกร่างที่ถูกรัดจนแน่นขึ้นบ่า “เรามาต่อกันเถอะ” ชายหนุ่มเดินกลับไปหาหญิงสาวที่ด้านใน เขาดึงผ้าที่นางกอดไว้ออกและลูบไล้ไปตามเรือนร่างของนางอย่างย่ามใจท่ามกลางสายตาของคู่หมั้นและบ่าวรับใช้ “ตะ... แต่ท่านพี่ เราพอแค่นี้เถอะนะเจ้าคะ” หลิงเซียวน้ำตาคลอ นางพยายามห้ามอีกฝ่ายด้วยการดันร่างเขาเอาไว้ ดวงเนตรสีน้ำตาลหวานสั่นไหวด้วยความรู้สึกผิด “น้องสาวเจ้าเห็นไปแล้วนี่ดังนั้นต่อให้เราจะทำกันต่อหรือไม่ผลลัพธ์มันก็ไม่เปลี่ยนไปหรอก” กายแกร่งถอดชุดคลุมของตนเองออกเผยให้เห็นส่วนแข็งขืนบริเวณกลางกายที่กำลังรอการปลอบประโลมจากสตรีเบื้องหน้า “…” สองพี่น้องสบตากันในขณะที่เม่ยเซียนกำลังถูกแบกไปยังกำแพงด้านหลังจวน หลิงเซียวมองมาที่นางเช่นกันทว่าแววตาที่ฉายชัดบนใบหน้างดงามนั้นปราศจากความรู้สึกผิดเหมือนคราแรก มันคือใบหน้าที่เม่ยเซียนไม่เคยเห็นมาก่อน ดวงเนตรสีน้ำตาลฉายแววเย็นชา มุมปากข้างหนึ่งยกขึ้นเล็กน้อยราวกับพอใจในผลลัพธ์ตอนนี้ มือเล็กคว้าลำคอของบุรุษตรงหน้าเพื่อรั้งเขามาจูบไว้ก่อนที่ทั้งสองจะกดกันลงไปนัวเนียบนพื้นห้อง นั่นคือภาพสุดท้ายที่เริ่นเม่ยเซียนได้เห็น ........................................................................................... โอ้ยยย เอาล่ะ ข้าไม่ชอบอินี่! แม่ๆเกียมหยุมเลยนะคะ นังนี่มันร้ายยยย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม