"แปลกใจ ไม่เชื่อ ไม่คิด ไม่คาดฝันใช่มั๊ยล่ะ หึหึ แต่เชื่อเถอะมาริกา หนูลองเอาหน้าผู้ชายคนนี้ไปเทียบกับหน้าหนูเอ๋ยดูซิ" กรพัฒน์กล่าวต่อ
ด้านมาริกาได้ยินดังนั้นจึงหันไปพิจารณาหน้าของเปรมกิจแล้วเงยหน้าขึ้นกรอกตาไปมา แล้วหันมามองหน้ากรพัฒน์อีกครั้งอย่างต้องการคำอธิบายที่มากกว่านี้
"ท่านคะ...." มาริกาหยุดไว้เพียงแค่นั้น
"เชื่อเถอะหนูเหมียว" กรพัฒน์กล่าวยิ้ม ๆ
"ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ผมมันบ้าถือชั้นวรรณะ ในที่สุดก็ไม่เหลือใครแม้แต่แม่ของลูก" เป็นเปรมชัยที่กล่าวแทรกขึ้นเสียเอง
"ทั้งหมดยืนยันด้วยผล ดี.เอ็น.เอ.แล้ว เพียงแต่เด็กและแม่เด็กยังไม่รู้แค่นั้นเอง" เปรมชัยอธิบายต่อ ส่วนมาริกาหันไปมองกรพัฒน์อย่างขอความเห็น
"ถ้าหนูเหมียวอยากให้หลานสาวและน้องสาวของหนูมีครอบครัวที่อบอุ่นอีกครั้งก็ร่วมมือกับพวกเราเถอะ ทุกอย่างคือความจริง" กรพัฒน์ยืนยันสำทับ พร้อมกับยื่นผล ดี.เอ็น.เอ.ความสัมพันธ์พ่อลูกให้มาริกาดู ส่วนมาริกาถึงกับตาเบิกโพรงและมองหน้าแขกผู้มาเยือนทั้งสามคนอย่างชั่งใจ
"พวกคุณสองคนไม่มีวัตถุประสงค์อื่นใช่มั๊ยคะ คุณไม่มาหลอกน้องสาวของฉั๊นใช่มั๊ยคะ/ ส่วนคุณ คุณคือคุณเปรมกิจใช่มั๊ยคะ คุณรักอรัญญาจริงหรือคะ แล้วทำไมถึงไม่ตามหา ก่อนนี้น้องลำบากมากนะคะ ตัวก็แค่นี้ ทำงานทุกอย่าง ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพื่อเลี้ยงลูกให้เติบโต มันยากมากนะคะสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนึงที่ไม่มีแม้แต่ญาติพี่น้อง" มาริกาซักถามระคนต่อว่ากลาย ๆ
"ผม..รัก..อัน..ครับ.. แต่..ผม..ไม่รู้..ว่า..อัน..ท้อง.. แล้ว..ผม..เสีย..ใจ..ดื่ม..เหล้า.. แล้ว..ก็..ป่วย..ครับ" เปรมกิจเล่าอย่างตะกุกตะกักเพราะต้องใช้สมองเรียบเรียงอย่างหนักเนื่องจากรอยโรคที่ป่วยหลอดเลือดสมองแตก
"อย่าลังเลเลยเหมียว หลานกิจป่วยจริง ๆ ตอนนั้นอาการเป็นตายเท่ากัน แต่เรายื้อชีวิตหลานกิจได้ทันแต่ก็กลับมาไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่สิ่งที่หลานกิจจำได้คือคำว่า อัน หลังจากฟื้นขึ้นมา" กรพัฒน์กล่าวราบเรียบ
"ค่ะ เหมียวตกลงเพื่อครอบครัวที่อบอุ่นของหลาน แต่เหมียวไม่รับรองว่าอันเค้าจะยอมใจอ่อนหรือเปล่านะคะ เหมียวเคยถามเรื่องพ่อของลูกกับเค้าครั้งนึง เค้านิ่งเงียบมาก ยังนึกกลัวใจอยู่จนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ" มาริกากล่าว
"ขอบใจมากหนู ขอบใจ/ ขอบคุณมากหนูเหมียว/ขอบ..คุณ..มาก..คับ" เปรมชัย กรพัฒน์ และเปรมกิจ ต่างขอบคุณแนวร่วมคนใหม่กันยกใหญ่
"แต่ว่าท่านคะ คือเหมียวต้องไปส่งหลานที่บ้านก่อนน่ะค่ะ นัดกับแม่เค้าไว้ให้แม่เค้าไปเจอกันที่บ้านเลย นี่ก็ใกล้เวลาแม่เค้าเลิกงานแล้ว เหมียวขออนุญาตเสียมารยาทนะคะ ไม่อยากให้แม่เค้าสงสัย ถ้าเค้าถามลูกสาวขึ้นมา เพราะปกติสี่โมงเย็นลูกค้าก็จะหมดแล้ว" มาริกาเอ่ยอย่างเกรงใจ "เอาซิหนูเหมียว พวกเราก็กำลังจะกลับเหมือนกัน ตากิจเองก็จะได้กลับบ้านไปพักผ่อน" กรพัฒน์เอ่ยขึ้นพร้อมกับขยิบตาให้สองพ่อลูก เป็นอันเข้าใจความหมาย
"ค่ะ ขอบคุณค่ะ" "ไม่ต้องไปส่งพวกเราหลอกนะ ไปดูหนูเอ๋ยเถอะ เดี๋ยวพวกเรากลับเอง" กรพัฒน์กล่าวพร้อมกันพากันเดินออกมา ส่วนมาริกาเห็นว่าทั้งสามกลับกันหมดแล้วจึงขึ้นไปตามหลานสาวเพื่อไปส่งที่บ้านตามที่สัญญาไว้กับแม่เด็ก สองป้าหลานช่วยกันปิดหลานเสร็จเรียบร้อยจึงจูงมือกันไปที่รถยนต์และขับออกไปทันที
ด้านแขกผู้เยือนทั้งสามที่มาริกาเข้าใจว่ากลับไปแล้วค่อยเคลื่อนรถตามมาห่าง ๆ เพราะอยากจะรู้ว่าสองแม่ลูกพักอยู่ที่ไหนกันแน่ ส่วนกรพัฒน์ได้แต่ยิ้มในหน้า เพราะเขารู้ทั้งหมดเนื่องจากปกรณ์ลูกชายของเขาสั่งลูกน้องให้ติดตามน้องเอ๋ยและเขาได้บังคับให้ลูกน้องของลูกชายรายงานต่อเขาอย่างลับ ๆ ด้วย
ด้านอรัญญาหลังจากเลิกงานก็รีบขับรถออกจากบริษัทระหว่างทางเห็นกับข้าวขนมผลไม้น่ากินจึงแวะซื้อติดมือกลับบ้านทำให้ถึงบ้านเลทนิดหน่อย เมื่อมาถึงบ้านก็พบสองป้าหลานนั่งรอที่หน้ามุขอยู่ก่อนแล้วหลังจากจอดรถเรียบร้อยจึงรีบล้างไม่ล้างมืออุ่นกับข้าวเพื่อตั้งโต๊ะกินข้าว
"ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยล่ะอันเสียดายตังค์ พี่ก็ซื้อมาเนี่ย มีของชอบเธอด้วยนะนี่ปลาทอด น้ำพริกหนุ่ม ผักต้ม ของน้องเอ๋ยก็แกงจืด ไข่พะโล้ แล้วพี่ก็ทำไข่เจียวเพิ่มอีกนี่ไง แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว กับข้าวที่ซื้อมาก็เก็บใส่ตู้เย็นไว้เถอะ" มาริกาบ่นอืด
"โอ้ ซื้อมาชนกันหรอกหรือคะ งั้นกับข้าวเก็บก็ได้ แต่ขนมผลไม้นี่กินด้วยกันนะคะพี่เหมียว วุ้นกะทิน่ากิน แล้วก็ผลไม้ค่ะ เดี๋ยวอันไปหั่นให้ กินกันเลยนะคะ" ว่าแล้วอรัญญาก็เดินไปในครัว สักพักก็ถือจานขนมหวานและผลไม้ที่หั่นแล้วมาวาง ส่วนสองป้าหลานก็หม่ำข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่รู้เลยว่ามีใครแอบสังเกตการณ์อยู่ข้างนอก ส่วนอรัญญาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมล็อคกุญแจประตูรั้วบ้าน
"อ้อ กินกันไปเลยนะคะ อันลืมล็อคกุญแจบ้าน ขอไปล็อคแป๊บ ถ้าพี่เหมียวจะกลับค่อยไปไขอีกที" "ให้พี่ไปเป็นเพื่อนมั๊ยอัน" "ไม่ต้องหรอกค่ะพี่เหมียวกินต่อเถอะ อันไปแป๊บเดียว" ว่าแล้วก็ลุกขึ้นไปหยิบแม่กุญแจที่วางไว้ที่มุขหน้าบ้านเดินไปที่ประตูรั้วทันที
อีกด้าน
"นะ..นั่น..อัน..อัน..คับ..พ่อ." เปรมกิจพยายามพูดมันออกมา นัยน์ตาสั่นระริกด้วยความโหยหาคนที่กำลังเดินมาอย่างที่สุด
"พ่อรู้แล้วลูก พ่อรู้แล้ว..นั่นลูกสะใภ้พ่อ แต่เรายังไปแสดงตัวตอนนี้ยังไม่ได้นะลูก ใจเย็น ๆ กิจต้องรีบรักษาตัวเองให้หาย ต้องดีกว่านี้ เพื่อจะได้ดูแลลูกเมียได้ อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าพวกเค้าอยู่ที่ไหน ทำใจให้สบายนะลูก ตอนนี้พ่อว่าเรากลับบ้านไปพักผ่อนกันดีกว่า พ่อว่าคุณพยาบาลคงถือไม้เรียวรอแล้วหละ ไหนจะคุณนักกายภาพอิก กลับบ้านดีกว่าเน๊อะ" เปรมกิจปลอบประโลมและหว่านล้อมลูกชายให้ยอมกลับบ้านแต่โดยดี
"กับ..ก็..ได้..คับ..พ่อ..ผม..จะ..ไป..กินยา..แล้ว..ก็..ฝึก..เดิน..ครับ..พ่อ" "ดี ดี หลาน ดีมาก งั้นไปกันเลยนะ เดี๋ยวอามังกรให้คนรถไปส่ง"