@ร้านมายาฟลาวเวอร์เหรอ.. ทางด้านคนที่อยู่อีกมุมหนึ่งของโลกที่เตรียมตัวจะบินกลับมาที่ไทยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ได้แต่ยิ้มอย่างมีความหวังเพราะอะไรน่ะเหรอ
สายโทรออก
ป๊า: คร้าบลูก มีอะไรให้ป๊ารับใช้อีกแล้วคร้าบ
กร: แหมป๊าก็ กรคิดถึงป๊าไง
ป๊า: กุเลี่ยน มีไรว่ามะ
กร: ป๊า ตัวเล็กไปทำงานร้านมายาฟลาวเวอร์เด็กทุนป้าน่ะ ถามให้หน่อยซิ
ป๊า: มายาฟลาวเวอร์เหรอ เอ หนูเหมียวเหรอลูก
กร: ถูกต้องแล้วคร้าบ เห็นเดินจูงมือข้ามถนนกันกระหนุงกระหนิง คงรู้จักกัน สืบให้หน่อยดิ่
ป๊า: เออ สืบแล้วให้ทำไงต่อ บอกยัยเหมียวเลยมั๊ยว่าให้จับตัวส่งไปให้แกเลยมั๊ยไอ้ลูกชาย
กร: ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า ไม่ต้องขนาดน๊าน แค่ให้เจ้เหมียวเป็นหูเป็นตาให้ก็พอ เป็นไม้กันหมาได้ยิ่งดี
ป๊า: เออ แค่นี้ใช่มั๊ย เมื่อไหร่กลับ
กร: ก็อีกคนครบ 18 ปีละครับ ผมกลับแน่ ป๊าเตรียมตัวรับลูกสะใภ้คนโตไว้เลย
ป๊า: โว๊ะไอ้นี่ เออ วางละ (พูดจบก็กดวางสาย)
หลังจากวางสายจากบิดา ปกรณ์ได้แต่ยิ้มกับลมกับฟ้าไปเรื่อยอย่างอารมณ์ดีเพราะเกิดเรื่องจุดใต้ตำตอ เพราะแดนไตรเพื่อนรักส่งข้อความมาบอกว่า เปรมมนัส หรือไอ้หมอกีพบหลานสาวแล้วที่งานแต่งงานของมัน เพียงแต่ไอ้หมอกีมันไม่รู้ว่านั่นคือหลานของมันในภายหลังและรอให้เฮียกิจฟื้นฟูร่างกายให้ดีกว่านี้ แล้วเดินหน้าง้อแม่ของหลาน ส่วนหลานสาวที่่่ว่าก็คือเด็กหญิงเมื่อสองสามปีที่แล้วที่เขาตั้งใจหลบมาเรียนที่นี่ก็เพราะกลัวจะห้ามใจตัวเองไม่ไหว เผลอทำมิดีมิร้ายเด็กนั่นนะซิ
อีกด้านของอรัญญา
เธอยังคงใช้ชีวิตอย่างสมถะ ขับรถคันเดิม กินอาหารเดิม ๆ ใส่ชุดเดิม ๆ ทุกอย่างอยู่ในความประหยัดอดออมและมีวินัยในการใช้เงินอย่างเคร่งครัดเธอละเลิกทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหารเครื่องดื่มแฟชั่นสมัยนิยมต่าง ๆ ตลอดจนอาหารที่ส่งถึงบ้านเพราะเธอเลือกที่จะปรุงเองและห่อไปกินที่ที่ทำงานเสียมากกว่า วันนี้เป็นอีกวันที่เธอนั่งกินข้าวคนเดียวที่โต๊ะหินอ่อนได้ร่มไม้ที่บริษัททำไว้ให้พนักงานได้นั่งเล่นเพลิน ๆ กัน เธอกินอาหารอย่างรีบ ๆ อยู่ในทีและดื่มน้ำตามจากนั้นก็ขึ้นไปบนอาคาร โดยใช้เวลาในการกินอาหารไม่ถึงสิบนาที
ตัดมาที่เปรมชัยและเปรมกิจที่แอบสังเกตดูอยู่รู้สึกสงสารและเห็นใจคนตัวเล็กมากที่ต้องต่อสู้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนเปรมชัยถึงกับน้ำตาตก อดคิดโทษตัวเองไม่ได้ที่มองลูกสะใภ้ผิดไป
"พ่อครับ อย่าร้องไห้ กลับบ้านเรากันผมจะฝึกเดินให้ดี ผมจะกลับมาง้ออันให้กลับมาหาผมอีกครั้งให้ได้ น้องเอ๋ยต้องมีพ่อ ผมจะสู้อีกครั้งครับพ่อ" เปรมกิจพยายามพูดมันออกมาอย่างช้า ๆ แต่ชัดทุกคำ
"ขอบใจมากลูกที่ให้อภัยพ่อ กลับก็กลับ ลูกสะใภ้พ่อขึ้นไปทำงานแล้วนู่น ขยันจริง ๆ เอางานเอาการทุกอย่างตัวก็แค่เนี๊ยะ ซึ่งอรัญญาเป็นผู้หญิงร่างเล็ก ส่วนสูงน่าจะไม่เกิน 160 ซม. น้ำหนักน่าจะอยู่ราว ๆ 45 กก.เท่านั้น
อรัญญาหลังจากขึ้นมาที่ออฟฟิศก็ทำงานอย่างขมักเขม้น สักพักโทรศัพท์มือถือของเธอก็ร้องเตือนว่ามีเสียงเรียกเข้าซึ่งเธอเปิดเสียงไว้เป็นเสียงคล้ายเสียงแตะคีบอร์ดเพื่อความกลมกลืน จึงหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นเบอร์ของมาริกาจึงกรอกเสียงลงไป
อรัญญา: สวัสดีค่าพี่เหมียว
มาริกา: อัน คือพี่จะโทรมาบอกว่าไม่ต้องมารับลูกที่ร้านพี่หรอกนะ พี่จะไปส่งน้องเอ๋ยที่บ้านเองแล้วจะอยู่รออันที่บ้านเลย จะไปเล่นกับบุญเก็บด้วย
อรัญญา: อ๋อ...ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่เหมียว
มาริกา: งั้นเจอกันที่บ้านอันเลยนะ สวัสดีจ้ะ
อรัญญา: ค่า พี่เหมียว สวัสดีค่า แล้วสัญญาณก็ถูกตัดไป
ตัดมาที่สองพ่อลูกเปรมชัยและเปรมกิจที่นัดหมายกันกับกรพัฒน์ไว้ที่ร้านดอกไม้มายาฟลาวเวอร์
กรุ๊งกริ๊ง ๆ
"สวัสดีค่ะ ร้านมายาฟลาวเวอร์ยินดีต้อนรับค่ะ มาสั่งดอกไม้หรือคะ หรือสั่งไว้แล้วคะ" อัญญารินทร์ยกมือกระพุ่มไหว้พร้อมกับกล่าวอย่างมีมารยาท ทำเอาคนที่มาใหม่ถึงกับอึ้งไปพักใหญ่
อีกด้าน มาริกาที่เก็บของอยู่หลังร้านได้ยินเสียงกระดิ่งเข้าใจว่าลูกค้ามาจึงร้องบอกหลานสาวออกไป
"ลูกค้ามาเหรอจ๊ะน้องเอ๋ย เชิญลูกค้านั่งก่อนลูกเดี๋ยวป้าออกไป/รอสักครู่นะคะ" และเดินออกมา "เอ่อ สวัสดีค่ะท่าน มาสั่งดอกไม้หรือคะ
"มาริกาเอ่ยทักทายผู้มีอุปการะคุณที่เคยให้ทุนการศึกษากับเธออย่างนอบน้อมพร้อมกับยกมือไหว้อย่างรู้มารยาท
"สบายดีน๊ะมาริกา เป็นยังไงบ้างที่ร้าน เห็นว่ากิจการไปได้สวยเชียวนะ" กรพัฒน์กล่าวยิ้ม ๆ
"ก็พออยู่ได้ค่ะท่าน ถ้าไม่ใช่เพราะบุญคุณของท่านหนูคงไม่มีวันนี้"
"เป็นเพราะตัวเธอเองต่างหาก ได้ข่าวว่าเธอก็ให้ทุนน้อง ๆ ต่อเหมือนกันนิ่"
"ก็อยากส่งต่อโอกาสให้น้อง ๆ น่ะค่ะ"
"อืมดี"
"เอ่อ วันนี้คุณท่านไม่ได้มาเรื่องสั่งดอกไม้ใช่มั๊ยคะ"
"...." ชายสูงวัยได้แต่ยิ้มจนตาหยีแล้วมองไปที่เด็กหญิงแล้วหันมามองที่เธออีกทีทำให้มาริการู้ทันทีว่ามีลับลมคมใน
"อ่อ น้องเอ๋ยลูก ช่วยไปบอกให้พี่แม่บ้านเอาน้ำกับขนมมาเสริฟลูกค้าหน่อยไป แล้วหนูก็ไปดูซีรีย์ต่อเถอะลูก เสร็จแล้วเดี๋ยวป้าไปตาม
"ค่ะป้าเหมียว" จากนั้นเด็กสาวก็เดินออกไป แล้วสักพักใหญ่ก็มีแม่บ้านนำน้ำและขนมมาเสริฟและกลับออกไป
"คุณท่านมีอะไรจะบอกเหมียวเหรอคะ" มาริกาเปิดประเด็น
"นี่คือคุณเปรมชัย และถัดไปคือคุณเปรมกิจ ปู่และพ่อของน้องเอ๋ย" กรพัฒน์ยิ้มอย่างพอใจแล้วเล่าอย่างไม่ปิดบัง
"ห๊า.....อุ่บ" มาริกาเผลออุทานแล้วรีบปิดปากตัวเองอย่างไว
"แปลกใจ ไม่เชื่อ ไม่คิด ไม่คาดฝันใช่มั๊ยล่ะ หึหึ แต่เชื่อเถอะมาริกา หนูลองเอาหน้าผู้ชายคนนี้ไปเทียบกับหน้าหนูเอ๋ยดูซิ" กรพัฒน์กล่าวต่อ