บทที่ 3:พลังฝ่ามือแดง
อาร์นยืนชะเง้ออยู่กลางป่า บริเวณที่เคยเข้ามาล่าสัตว์และใช้ชีวิตร่วมกับพี่น้องของเขา
เขายกฝ่ามือขึ้นเพ่งมองในแสงสลัวที่ลอดผ่านแมกไม้นานาพรรณ เส้นเลือดบนฝ่ามือของเขากระตุกเต้นถี่ยิบ มันเป็นสัญญาณของพลังลึกลับบางอย่างที่ถูกปลุกขึ้นมาในจิตวิญญาณและร่างกายของเขา
“นี่คือเลือดของผู้ที่ข้ารัก”
เขากระซิบกับตัวเอง เสียงของเขาสั่นเครือเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความโหยหา การที่มีนาถูกจับตัวไปทำให้เขารู้สึกถึงความรับผิดชอบที่หนักอึ้งในหัวใจ ราวกับว่าสิ่งที่เขารู้สึกในตอนนี้คือการประท้วงของเลือดที่เรียกร้องความยุติธรรม
“มีนา ! มีนา!ข้าจะทำตามที่เจ้าเรียกร้องด้วยความกล้าหาญของข้าให้ถึงที่สุด”
ขณะที่เขายกฝ่ามือทั้งสองขึ้นต่อแสงสว่างของดวงอาทิตย์ สัมผัสที่เย็นเยียบแทรกเข้ามาในหัวใจของเขา อาร์นรู้สึกได้ถึงพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน มีบางอย่างที่เขายังไม่เข้าใจเกิดขึ้นในตัวเขา มันคือความโกรธแค้นที่ซ่อนอยู่ในความรัก ซึ่งนำไปสู่พลังอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้เขาไม่รู้สึกหวั่นกลัวสิ่งใดๆอีกเลย
“จะไม่มีใครมาขวางทางฉันได้”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ภาพของมีนาผุดขึ้นมาในมโนสำนึก เสียงร้องขอและอ้อนวอนของเธอดังก้องอยู่ในโสตประสาท ความรักของเขาคือขุมพลังแรงกล้าที่ผลักดันให้เขาเดินหน้าต่อไปไม่รั้งรอ
อาร์นสืบก้าวเดินด้วยความมุ่งมั่น การยืนทื่อๆอยู่กับที่ไม่ใช่การเพียงรอคอยให้โชคชะตากลับมา แต่คือการไปหาโอกาสและนำกลิ่นหอมหวานกลับมาด้วยตัวเอง เขาตัดสินใจที่จะเข้าสู่ถ้ำที่เธอถูกจับตัวไป ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีอำนาจมากกว่า เหี้ยมโหดมากกว่าเพียงใดก็ตาม
บัดนี้ !
เขารู้ดีว่ามีพลังบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา
เมื่อเขาเดินลึกเข้าไปในป่าดิบ ความมืดเริ่มเข้ามาห้อมล้อมรอบตัว แต่ในหัวใจของเขามีแสงสว่างที่ทำให้เขาสามารถมองเห็นเส้นทางข้างหน้าชัดเจน
เขาเดินลิ่วไปตามเสียงน้ำไหล และความทรงจำที่มีนาผู้เฉลียวฉลาดเคยบอกว่า
“จงตามหาหัวใจของสิ่งที่รัก”
“พลังหัวใจนี้จะช่วยฉัน”
อาร์นพูดย้ำกับตัวเอง ขณะที่เขายกฝ่ามือขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกถึงพลังที่รุนแรงไหลผ่านรูขุมขน เขาเริ่มสังเกตเห็นลวดลายบางอย่างที่ปรากฏนูนเด่นขึ้นบนฝ่ามือของเขา
มันเป็นลายที่คล้ายกับลายฝ่ามือที่บรรพชนและเขาวาดไว้บนผนังถ้ำดึกดำบรรพ์
“นี่คือสัญญาณที่ดี”
เขาคิดในใจ เมื่อเขาเห็นมันปรากฏอยู่ตรงหน้า เขารู้ว่าพลังนี้คือการเชื่อมโยงระหว่างเขากับมีนา ความรักของพวกเขาทำให้เขามีความแข็งแกร่งและความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความตายซึ่งเบ่งตัวพองรออยู่ในความมืดอย่างกระหาย
“ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้เธออยู่ในมือของอ้ายคาเลนคนเถื่อนนั่นเด็ดขาด” เขายืนยัน เขารู้ว่าการต่อสู้ที่แท้จริงยังไม่เกิดขึ้น และเมื่อเขาเข้าสู่แดนมิคสัญญีแห่งนั้น จะต้องมีการต่อสู้ที่ท้าทายและเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ด้วยความมุ่งมั่น เขาเดินลึกเข้าไปในป่า เสียงของธรรมชาติและความมืดรอบตัวเริ่มกลายเป็นพลังในตัวเขา ชั่วขณะหนึ่ง อาร์นรู้สึกเหมือนเขาไม่อยู่เพียงคนเดียว มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เคียงข้างเขาและให้กำลังใจเขา
“มีนา ฉันจะไปหาเธอ” เขากล่าวด้วยเสียงมั่นใจ ขณะนั้นเอง เขารู้สึกถึงความอุ่นใจจากพลังที่ก่อตัวขึ้นในฝ่ามือของเขา
พลังที่ทำให้เขาสามารถต่อสู้เพื่อความรักและนำเธอกลับมาอย่างเต็มกำลัง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่ยอมให้ความรักของเขาถูกทำลาย การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่าเขาสามารถทำให้สิ่งที่เขารักกลับมาสู่เขาได้
แม้ว่าในที่สุดอาจต้องจ่ายด้วยเลือดและความตายก็ตาม
…..