สับนิ้วทิ้ง

1575 คำ
“ แม่จันทร์มาที่นี้มีเรื่องอันใดรึ ข้ากับแม่พิกุลคุยกันเสร็จพอดี / เอาเป็นว่าเอาตามที่ข้าบอก ไปบอกบ่าวไพร่ที่เรือนของเจ้าซะ “ ขุนไกรหันมาพูดกับจันทร์เจ้าก่อนจะหันกลับมาหาพิกุลพร้อมกับบอกให้นางทำตามที่ตนบอก พร้อมกับสายตาบีบบังคับเปนในๆ ด้วยความดื้อของพิกุลนางไม่อยากทำตามไอ้บ้ากามขุนไกรคนนี้เลย ปากก้บอกว่าเลียดนางอย่างกับใส้เดือนกิ้งกือแต่การกระทำกับสวนทางกันกับคำพูด พิกุลมองหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาไม่พอใจพร้อมกับทำหน้ามุ่ย ก่อนจะหันมาจ้องหน้าอย่างเอาเรื่องกับจันทร์เจ้าที่คิดจะฆ่าเธออีกครั้ง จากนั้นางก็ลงเรือนของขุนไกรไปอย่างเงียบๆด้วยคสามรู้สึกที่ไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก “ คุณพี่มีเรื่องอะไรกับแม่พิกุลหรือเจ้านางถึงได้มองหน้าน้องอย่างกับว่าจะกินเลือดกินเนื้อของน้อง” จันทร์เจ้าที่รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ศัตรูตัวร้ายที่นางคิดจะกำจัดหันมามองหน้านางอย่างกับจะเอาเรื่องเพราะที่ผ่านมาพิกุลกลัวนางแค่ไหนใครๆที่เรือนต่างก็รู้ดี แต่พอมาวันนี้สายตาที่พิกุลจ้องมาที่นางกับเปลี่ยนไปอย่างกับว่าเป็นคนละคน และเรื่องนี้ก็ทำให้จันทร์เจ้ายอมไม่ได้แต่ก้เก็บความรู้สึกไว้ภายในเพื่อไม่ให้ขุนไกรรู้แล้วนางจะแอบไปจัดการกับพิกุลด้วยตัวของนางเอง เมื่อขุนไกรได้ยินคำถามแบบนั้นเขาก็รู้สึกพอใจเป้นอย่างมากที่เห็นเมียสาวของตัวเองมองหญิงสาวด้วยสายตาเอาเรื่อฃงด้วยความที่เขาเป็นคนหลงตัวเองหรือเปล่าก้ไม่รู้ได้ เขาคิดว่าสายตาที่พิกุลมองจันทร์เจ้าแบบนั้นเป็นเพราะนางหึงหวงเขา แล้วก็แสดงออกมาแบบนั้นก็เท่านั้น “ ไม่มีอันใดดอกน้องจันทร์เจ้า พี่แค่เรียกแม่พิกุลมาเอ็ดเรื่องอาหารที่ทำให้พี่ทานเท่านั้นเอง “ ขุนไกรพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นปกติเพื่อที่ไม่อยากให้นางได้รู้ตัวและก็หันไปทำร้ายหญิงสาว จันทร์เจ้าเมื่อได้ยินว่าขุนไกรเรียกพิกุลมาเอ็ดนางก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก แล้วอีกอย่างเรื่องที่นางคิดว่าขุนไกรมที่เกลียดพิกุลอย่างกับขี้จะหันมาพิสวาทนางคงเป็นไปได้ยาก เมื่อจันทร์เจ้าได้ยินสิ่งที่ขุนไกรพูดออกมาเป็นที่พอใจของนางแล้วทั้งสองก็ค่อยแยกย้ายกัน แต่การแยกย้ายของนางในครั้งนี้นางแยกย้ามาที่เรือนของพิกุล เพื่อที่จะมาพูดเยาะเย้ยเรื่องอาหารที่คิดว่าจะทำมาเอาใจขุนไกร เรือนของพิกุล “ แม่นาย แม่นายจะเดินไปเดินมาอีกนานไหมเจ้าคะ ในเมื่อท่านขุนให้แม่นายไปอยู่ที่เรือนแม่นายก็ไปสิเจ้าคะ แม่นายจะมาคิดมากใยกันละ คริ คริ คริ “ แม้นพูดออกมาอย่างอารมณ์ดีที่อยู่ๆแม่นายของตนก็เป็นที่โปรดปรานของขุนไกรนั้นหมายถึงว่าอำนาจในเรือนทั้งหมดก็ต้องตกเป็นของพิกุลและนั้นจะไม่มีผู้ใดกล้ามาทำอันตรายแม่นายของตนได้ จำปา แม้น และก็บ่าวไพร่ที่เรือนของพิกุลต่างก็พากันตื่นเต้นดีใจที่จะได้ไปเป็นบ่าวเรือนใหญ่ พิกุลเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของบ่าวเธอก็หันมามองค้อนอย่างน่ารัก แทนที่บ่าวไพร่จะกลัวกันแต่บ่าวไพร่กับรู้สึกเอ็นดูแม่นายที่น่ารักอย่างกับเด็กน้อยที่กำลังโกรธเมื่อไม่ได้ดั่งใจ “ เมื่อกี่เจ้าว่ากะไร “ จันทร์เจ้าที่ถือวิสาสะขึ้นมาบนเรือนเล็กของพิกุล ก็ตวดออกมาอย้่างไม่อยากจะเชื่อหูเลยว่าสิ่งที่บ่าวกับนายกำลังคุยกันนั้นจะเป็นเรื่องที่ขุนไกรให้พิกุลไปอยู่ที่เรือนใหญ่กับเขา แล้วอีกอย่างนางเพิ่งมาจากเรือนใหญ่แล้วเหตุใดขุนไกรถึงไม่บอกนางสักคำว่าจะให้พิกุลมาอยู่ด้วย ทั้งเจ้านายและบ่างไพร่ที่กำลังหาลือกันอยู่นั้นก็ต้องเงียบปากของตัวเองลง เมื่อแขกที่ไม่ได้รับเชิญเดินเข้ามาขัดจังหวะ พิกุลเมื่อเห็นอีตัวปัญหาที่ทำให้เธอต้องย้ายไปอยู่ที่นู่น นางก็เลยย่างสามขุมเข้ามาหาจันทร์เจ้าอย่างไม่เกรงกลัว และนั้นก็ทำให้จันทร์เจ้ารู้สึกกลัวนางขึ้นมาซะแล้วเพราะท่าทางของนางเปลี่ยนไปมากอย่างกับคนละคนหลังจากที่นางกลับมาจากความตายได้พิกุลก็เปลี่ยนไปมากไม่เหมือนพิกุลคนเดิม แต่ด้วยอีโก้ที่นางมีมากกว่าความกลัวจันทร์เจ้าทำท่าทางเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับมองพิกุลอย่างเอาเรื่อง “ เป็นเพราะมึงเลยอีจันทร์เจ้า โอ๊ะไม่ใช่สิอีจันทร์เหม็นเป็นเพราะมึงกูถึงได้หลุกขึ้นมาจากหลุมเพื่อมาจัดการคนสารเลวอย่างมึง มึงคิดว่าแผนที่มึงคิดจะวางยากูอีกจะสำเร็จเหรอ กูจักบอกมึงให้เอาบุญนะอีคางคกขึ้นวอ กูอีพิกุลคนที่จะมาพามึงกับโคตรเหง้าของมึงไปลงนรก มึงจำคำกูเอาไว้ถ้ามึงคิดจักฆ่ากูก็จงฆ่ากูให้ตายแต่ถ้าคราวนี้กูรอดไปได้อีก คนที่ต้องตายไม่ใช่กูแต่เป็นมึงอีจันทร์ “ พิกุลฉุนขาดเมื่อเห้นหน้าอีตัวปัญหา เธอเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับพูดเสียงรอดไรฟันบอกหญิงสาวออกมา จันทร์เจ้าเธอไม่เคยเห็นท่าทางหน้ากลัวและก็คำพูดที่เปลี่ยนไปมากของพิกุลขนในกายของเธออยู่ๆก็ลุกขึ้นมาทั้งตัวแถมคำขู่ที่นางขู่เธออีกเป็นคำพูดที่แล้วว่าเป็นความจริงมาก จันทร์เจ้าพร้อมกับบ่าวไพร่ที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนอ่อนหวานอ่อนแออย่างพิกุลจะกล้าพูดกับจันทร์เจ้าแบบนั้น บ่าวของจันทร์เจ้าที่ติดตามมาด้วยเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของผู้เป็นนายไม่สู้ดี ก็รีบเข้ามาดึงแขนของแม่นายออก แต่ด้วยความที่ไม่เคยยอมใครมาก่อนของจันทร์เจ้าเมื่อถูกขู่แบบนั้นด้วยความที่กลัวเสียหน้า นางก็สบัดแขนของตัวเองออกจากมือบ่าวก่อนจะทำท่าง่างมือจะตบแต่ด้วยความที่น้ำผึ้งเธอก็เป็นคนประเภทเดียวกันซะด้วยและก็เป็นคนที่ตั้งใจกัดแล้วก็กัดไม่ปล่อยจนกว่าว่าเหยื่อในปากของนางจะตาย พิกุลที่ทำท่าจะหันหลังเดินเมื่อความรู้สึกไวของเธอบอกว่าอันตรายกำลังจะเข้าหา เธอก็พูดขึ้นมาลอยๆโดยที่ไม่ได้หันหลังไปว่า “ ถ้ามือของเจ้าสัมผัสแม้แต่ปลายผมของข้า ข้าสาบานเลยว่านิ้วเรียวๆสวยๆที่มันโดนข้า ข้าจะสับมันไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูกไม่เชื่อเจ้าก็รองดู “ น้ำผึ้งที่อยู่ในร่างของพิกุลเธอพูดขู่ออกมาโดยที่ไม่ได้หันหน้าไปมอง สิ่งที่เธอพูดบอกเลยว่าเธอไม่ได้ขู่แน่นอน คนที่ปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เด้กอย่างน้ำผึ้งแม้แต่ความตายเธอก็ไม่กลัว อย่าว่าแต่ความตายเลยนรกหรือว้่าสวรรคเธอก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เมื่อจันทร์เจ้าได้ยินเสียงเยือกเย็นของพิกุลที่พูดออกมาไม่รู้ว่าผีห่าซาตานะไรกระซิบบอกนางว่าให้หยุดมือนนั้นซะไม่อย่างนั้นสิ่งที่นางพูดจะเกิดขึ้น จันทร์เจ้าสีหน้าซีดเผือดอย่างกับไก่ต้มน้ำปล่าเมื่อเธอสัมผัสได้ว่าสิ่งที่พิกุลพูดเป็นเรื่องจริง นางเอามือลงพร้อมกับเดินกระทืบเท้าออกไปอย่างคนหัวเสีย บ่าวไพร่ที่ทำหน้าตกใจก็ต้องกรูกันเข้ามาหาเจ้านายด้วยความเป็นห่วงส่วน มิ่ง จ๋อย คนของขุนไกรที่มาแอบฟังการสนทนาของจันทร์เจ้าและพิกุล ตามคำสั่งของขุนไกรที่คิดว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอย่างแน่นอนหลังจากที่จันทร์เจ้าลงจากเรือนของตนไปและก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ที่ไม่จริงก็คือคนที่จัดการไม่ใช่จันทร์เจ้าแต่เป็นพิกุลต่างหากที่น่ากลัวแม้แต่ มิ่ง กับจ๋อยที่แอบได้ยินทุกคำพูดของแม่นายพิกุลยังตกใจหันหน้ามองกันอย่างกับว่าเรื่องที่ได้ยินแม่นายพิกุลไม่ได้เป็นคนพูด ส่วนขุนไกรที่รอฟังข่าวจากสองสหายเมื่อได้ยินสิ่งที่สองบ่าวพูดแทนที่เขาจะตกใจและก็แปลกใจ ขุนไกรกับยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจที่ได้ยินเรื่องของพิกุล “ เอ็งสองคนไปบอกให้บ่าวไพร่ไปช่วยแม่นายพิกุลขนของมาที่เรือนซะไป” แถมขุนไกรยังพูดอย่างอารมณืดีเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นอีกด้วย มิ่งกับจ๋อยเมื่อเห็นลอยยิ้มและคำพูดของเจ้านายทั้งสองถึงกับเกาหัวเลยทีเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม