“อย่า...อย่าปล่อยข้าตาย”
นางไม่อยากเสียสติหรอกเช่นนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มันน่าใจหายใจคว่ำเหลือเกิน
สองมือเรียวป่ายแปะที่ร่างของอีกฝ่าย ซึ่งนางไม่ได้ตั้งใจซุกซนแต่เพราะกลัวจริงๆ
และด้วยเพราะทรวดทรงนางเร้าใจ หน้าอกอวบสวย เอวคอดกิ่ว สะโพกพาย บั้นท้ายงอนงาม พอเคลื่อนไหวแรงๆ เรือนร่างนางนุ่มนิ่มจึงเสียดสีกับกายบุรุษ ซึ่งยามนั้นส่งไอผะผ่าวร้อนออกมาไม่หยุด
แข็ง...
อุ่นจัด
และเกรี้ยวกราด ราวกับเจ้าป่า!
ซึ่งอาจจะดุร้าย จนไม่อาจมีผู้ใดควบคุมได้ แต่ยกเว้นเตียวหยวนหยวนโฉมงามผู้นี้
หญิงสาวรับรู้ว่าท่อนไม้กึ่งกลางลำตัวบุรุษกำลังพองขยาย และมันชนกับจุดหวานล้ำของนางพอดี
“หายใจไม่ออก อ๊ะ... ข้า หายใจไม่ออก!”
พอเอ่ยออกแล้ว นางจึงพยายามลอยตัวเหนือน้ำ เพื่อไขว่คว้าอากาศเข้าปอด และกลายเป็นว่า ริมฝีปากอวบอิ่มนางถูกอีกฝ่ายประกบอย่างพอเหมาะพอดี และเขาปล่อยลมปราณเข้าสู่ร่างกายนางเพื่อปรับสมดุล มินานอาการตื่นตกใจ หรือลนลานจึงค่อยๆ ลดลงทีละส่วน
กระทั่งเขาอุ้มนางขึ้นมาจากลำธาร หญิงสาวพบว่า...คนที่ช่วยนางเป็นบุรุษที่ใครก็ไม่อาจละสายจากเขา องค์ชายสี่หรอกรึ นางรำพึงรำพันในใจ
หัวคิ้วกระบี่ของเขาขมวดเข้าหากัน และเอ่ยถามนางเสียงเข้มจัดอยู่สักหน่อย
“นี่คือ การต้อนรับของสตรีหมู่บ้านหลัวโป ใช่หรือไม่... ช่างหน้าตื่นตาตื่นใจเสียจริง!”
เตียวหยวนหยวนได้ยินคำของเขาเต็มสองรูหู บุรุษเนื้อแน่น กล้ามแกร่งและตัวอุ่นจัด คือกัวเจิ้งอี้ใช่หรือไม่ พอคิดได้ดังนั้นก็ต้องใช้ไม้เด็ด ใช่จะมีสิ่งใดที่ทำได้ในตอนนี้
“โอ้... ขะ ข้า คือ หยวนหยวน...คุณหนูสาม สกุลเตียว!”
นางบอกกัวเจิ้งอี้เช่นนั้น เอ่ยแล้วนางก็สลบ เรียกว่าแกล้งสลบในอ้อมกอดอบอุ่นของชายหนุ่มก็คงไม่ผิดไปจากนั้น
หมี่หลิงที่ถูกทหารช่วยเหลืออย่างปลอดภัย นางรีบรุดหน้ามาหาเตียวหยวนหยวน ถึงอย่างไรนางก็เป็นสาวใช้ นายอยู่บ่าวอยู่ แม้ไม่ชอบหน้าเตียวหยวนหยวน แต่นางคงทิ้งให้หญิงสาวเสียชื่อเสียงไม่ได้
“โอ้ คุณหนู ทะ ท่าน เป็นอย่างไรบ้าง”
สาวใช้ว่าแล้วจึงก้าวเข้าไปหาเตียวหยวนหยวน และพอเห็นว่าเสื้อผ้าสีเหลืองสดตัวงามของนางไม่เรียบร้อย อีกทั้งเต้าอวบๆ ชนกับหน้าอกแกร่งของกัวเจิ้งอี้ หมี่หลิงได้แต่ตะลึงตะลาน ภาพวาดในหนังสือใต้หีบสินเจ้าสาว ยังไม่ชวนให้เสียวไส้ มากมายขนาดนี้
สองเต้าไหวสะท้านแนบชิดกายแกร่ง และริมฝีปากของทั้งคู่ละม้ายจะเชื่อมถึงกัน!
หมี่หลิงนึกว่าตนกำลังเคลิ้มฝันภาพถึงภาพร่วมรักของชายหญิงอยู่ แต่พอหยิกเนื้อตน นางแจ้งใจว่า ตนไม่ได้ฝันไป
“คุณชายผู้นั้น ส่งตัวคุณหนูมาให้ข้าดูแลเถิด”
“นางสลบอยู่” กัวเจิ้งอี้ตอบเสียงห้าวเข้ม
“ข้าทราบ แต่หญิงที่ยังไม่ออกเรือนไฉนจะใกล้ชิดเนื้อแนบเนื้อกับบุรุษได้ เรื่องนี้ไม่สมควร และหากถูกแพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลให้คุณหนูเสียหาย และข้าคงมิอาจรับผิดชอบได้”
กัวเจิ้งอี้พยักหน้าน้อยๆ และกล่าวขึ้น
“ฮึๆ ๆ เมื่อครู่นอกจากแนบเนื้อกัน ข้ายังเติมลมปราณให้นางด้วย เช่นนี้นับว่าสมควรหรือไม่”
หมี่หลิงตบหน้าอกตนเองแรงๆ ไม่แพ้เหล่าทหารที่ยืนห่างออกไป และพวกเขาลอบอมยิ้มด้วย แต่พอเห็นดวงตาคมกริบของกัวเจิ้งอี้ ก็กลัวเงาหัวจะไม่มี เลยรีบค้อมตัวแล้วหลบไป
“โอ้ แม่นางผู้นี้ คือคุณหนูสามตระกูลเตียวสินะ”
“ถูกต้อง นางเป็นแก้วตาดวงใจของใต้เท้าเตียว”
“ถือเสียว่า ข้าได้ตอบแทนบุญคุณใต้เท้าเตียว ชีวิตใหม่ของนางที่ข้ามอบให้นี้ คงแทนอาหารหลายมื้อได้”
“เอ กล่าวเช่นนี้ คุณชายผู้นี้คือ”
หมี่หลิงพอจะดูออกว่าชายรูปร่างสูงใหญ่องอาจเป็นผู้นำทัพ หาใช่ทหารปลายแถว แต่นางอยากให้เขาประกาศตัว เพื่อชาวบ้าน และทหารที่อยู่ในบริเวณนั้นจะได้รู้ว่า เตียวหยวนหยวนได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใด ซึ่งชื่อเสียงนางคงต้องหวังพึ่งบุรุษองอาจผู้นี้พิทักษ์เอาไว้
“ข้าคืออ๋องเจิ้ง ผู้นำทัพราชสีห์คำรามมายังหมู่บ้านหลัวโป”
กัวเจิ้งอี้ คือองค์ชายลำดับที่สี่ ซึ่งเกิดจากฮ่องเฮากุ้ยหลินของฮองเต้กัวผิง และกัวเจิ้งอี้เป็นชายรูปงาม ที่รอบรู้หลายด้าน ฉลาดแต่ชอบแกล้งเป็นคนปัญญาทึบ อีกทั้งบ้าระห่ำอย่างที่สุด
แต่เรื่องที่สร้างความกังขาให้ทุกคนคือ เขาประกาศยกทัพไปปราบคนเถื่อนที่ร่วมมือกับต่างแคว้น สุดท้ายแทนที่จะรบได้ชัยชนะ เขากลับพ่ายแพ้ เสียทั้งเลือดเนื้อ ทั้งผืนแผ่นดินไปหลายเมือง เสบียงก็ถูกขโมยไปจนหมด ฮ่องเต้กัวผิงจึงสั่งให้เขามาซ่อมกำแพงที่เมืองซีเฉิง ป้องกันการบุกรุกของแคว้นอื่น รวมถึงดูแลหมู่บ้านหลัวโป ซึ่งเปรียบเสมือนแดนสวรรค์ เป็นแผ่นดินที่ปลูกสิ่งใดก็งาม และเป็นแหล่งอาหารของใต้หล้า
“เป็นท่าน ผะ ผู้มาเยือน...”
หมี่หลิงว่าและแสดง อาการตกอกตกใจเกินจริงมิต่างงิ้วที่นางเคยดู ส่วนชาวบ้านที่เริ่มก้าวเข้ามามุง ก็ส่งเสียงอื้ออึง ราวกับพบเทพเซียน
“ถึงอย่างนั้น องค์ชายได้โปรดส่งคุณหนูให้ข้าเถิด เกรงว่าหากอุ้มนางไว้ ผู้คนอาจครหาได้ คุณหนูเป็นสตรีบอบบาง และยังอ่อนต่อโลก นางเป็นสาวบริสุทธิ์ ที่ไม่เคยต้องมือบุรุษใดมากก่อน”
เตียวหยวนหยวนได้ฟังทุกคำพูดของหมี่หลิง และอดชื่นชมความฉลาดเจ้าเล่ห์ของนางไม่ได้ ซึ่งไม่ว่าสาวใช้จะหวังดี หรือร้าย แต่หมี่หลิงทำให้เตียวหยวนหยวนกลายเป็นสตรีที่กัวเจิ้งอี้ต้องรับผิดชอบนาง
อึดใจต่อมา ดวงตากลมค่อยๆ ลืมตื่นช้าๆ และนางไม่วายแสดงความตื่นตกใจ อย่างสมจริง
“อะ อ๊ะ... คุณชายผู้นี้ ขะ ข้าขออภัย”
หญิงสาวยกมือเรียวสวยกันหน้าอกของเขาให้ห่างจากตน และต้องยอมรับว่า หัวใจนางเต้นระรัวแรง กัวเจิ้งอี้รูปงาม และมีเสน่ห์ อีกทั้งไอร้อนของเขา ที่แผ่อยู่ทั่วทั้งตัวดึงดูดนาง นี่คงเป็นผลมาจากการเขียนนิยายของว่าที่แม่สามี ที่จงใจให้เตียวหยวนหยวน หลงชายผู้นี้แบบหัวปักหัวปำ จนถึงขั้นวางแผนทำลูกกับเขา ซึ่งแผนดังกล่าวนี้ก็ซ้ำรอยที่หมี่หลิงเคยทำกับคุณชายใหญ่ตระกูลเตียว นั่นก็คือเคี่ยวน้ำแกงจากหญ้าราคะ พร้อมทำไสยเวทย์เพื่อจะได้มัดใจบุรุษ!
การที่คุณหนูกับสาวใช้ ที่มีความคิดโง่ซ้ำซ้อนกล้าทำเรื่องอับจนปัญญาเช่นนี้ จะโทษใครได้ หากไม่ใช่เหม่ยหลินผู้เขียน และยังเป็นว่าที่แม่สามีของนางของต้าหยวนในโลกปัจจุบัน!