เตียวหยวนหยวนรีบดึงสติตนกลับ นางย่อมฉลาดกว่าหมี่หลิงเพราะมาจากโลกปัจจุบัน เป็นหญิงสาวที่นับว่ามหัศจรรย์คนหนึ่งในหมู่กลุ่มเพื่อนๆ ดังนั้นจึงบอกกับอีกฝ่ายว่า “อ่อ... ข้าแค่ท่องบทละครที่เคยอ่าน หาใช่พูดความจริง”
“บทละคร! คุณหนูสามหมายถึงงิ้วในโรงละครฝูไฉ อย่างนั้นหรือ”
“ใช่ เจ้าไม่รู้รึ หญิงงามมักได้บุรุษที่องอาจ มากด้วยบารมีเป็นสามี”
“แต่บุรุษที่ทั้งองอาจ มากบารมีที่คุณหนูเอ่ยถึงคือองค์ชายสี่นะเจ้าคะ”
เตียวหยวนหยวนไม่ตอบ นางได้แต่พยายามนึก นึกว่าบุรุษแซ่กัว นามว่าเจิ้งอี้ เขามีคุณสมบัติใดที่นางควรปีนขึ้นเตียง คิดแล้วใจก็คอไม่อยู่กับเนื้อตัว ทั้งที่ไม่ชอบอ่านนิยายสักเท่าไหร่ แต่งานเขียนของแม่ว่าที่สามีกลับหลอกหลอนนาง กระทั่งทำให้ทะลุมิติมาอยู่ในโลกที่คล้ายจีนโบราณนี้ หลังจากถูกใครบางคนผลักตกระเบียง
และก่อนที่จะไปดูสวนผักกับแม่หมูสาวที่กำลังจะคลอดลูก เตียวหยวนหยวนต้องร้อนรุ่มไปทั้งร่าง ด้วยเบื้องหน้านางมีลำธารกว้าง บรรยากาศร่มรื่น คราแรกนางไม่คิดจะสนใจสิ่งใด ทว่าเป็นเพราะเสียงร้องเพลงที่ดังทุ้มกังวาน ส่งให้นางต้องทอดสายตาลงไปมองร่างของชายหนุ่มหลายชีวิตที่กำลังตักน้ำ มีบางคนกำลังล้างเนื้อล้างตัว!
อากาศยามนี้เย็นอยู่สักหน่อย แต่มันไม่เป็นอุปสรรคต่อบุรุษร่างกำยำที่เปลือยท่อนบน และท่อนล่างคือกางเกงผ้าบางๆ ซึ่งเปียกน้ำ
“โอ้... ตายแล้วคุณหนู ไม่ได้นะเจ้าคะ สตรียังไม่ออกเรือนทำกิริยาไม่งามเช่นนั้น เป็นการไม่บังควรเจ้าค่ะ”
หมี่หลิงบอกเตียวหยวนหยวน แต่นางกลับสอดส่ายสายตามองทหารหนุ่มที่อยู่บริเวณลำธาร ยามนั้นทั้งคุณหนู ทั้งหญิงรับใช้ ต่างพากันลำคอแห้งผาก ส่วนที่อยู่ในเนื้อผ้าก็ร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้
และการเป็นสตรีที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์ หากไม่ค่อยได้มีเวลาใช้ดรรชีร้อยเล่ห์ ทำให้นางต้องเป็นเช่นนี้!
“รถลากคันนี้ จะไปให้เร็วขึ้นไม่ได้หรือ!”
เตียวหยวนหยวนออกำคำสั่ง เป็นเพราะนางกลัวเหลือเกินว่าตนจะเผลอไผลต่อร่างกายของทหารหุ่นกำยำ
อึดใจต่อมาก็เกิดความโกลาหล เมื่อวัวทั้งสองตัวตกใจเสียงเห่าของสุนัขป่าที่มากับทหารเหล่านั้น
รถลากวัวที่เคลื่อนตัวช้าๆ อยู่ก่อนหน้า กลับพุ่งไปข้างหน้าไม่หยุด แม้แต่คนบังคับรถยังตกใจ จนพลัดตกรถ ตอนนี้จึงเหลือเพียงเตียวหยวนหยวน และหมี่หลิงที่เสียขวัญ พวกนางไม่อยากหวีดร้อง แต่อดไม่ได้
“คุณหนู ระ เราจะตายไหมเจ้าคะ”
“ได้ยังไง ข้าเพิ่งโผล่มาที่นี่ได้ไม่ถึงครึ่งวัน ต้องตายอีกแล้วหรือ และหากต้องสิ้นลมหายใจ ชาติต่อไป ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เป็นมนุษย์หรือไม่ ข้าไม่ยอมแน่ๆ ถ้าต้อง เป็นมด ปลวก หรือกิ้งกือ ในนิยายของเหม่ยหลิน!”
หมี่หลิงมองผู้เป็นนายแวบหนึ่ง นางอึ้งพูดสิ่งใดไม่ออก คราวนี้ความกลัว ความเศร้าถาโถมใส่หลังไหล่ นี่นางต้องมาตายไปพร้อมกับคุณหนูผู้มีสติปัญญาไม่ปกติอย่างนั้นรึ คิดแล้วหมี่หลิงก็น้อยใจวาสนาตน ก่อนหน้านั้น นางถูกรับตัวมาเพื่อเป็นหญิงปรนนิบัติคุณชายใหญ่เตียวซุน แต่ความงามของนางอาจไม่เป็นที่ถูกใจเขา ทั้งที่นางเป็นถึงลูกสาวของผู้ใหญ่บ้าน อ่านออก เขียนได้ ทำอาหารก็หาตัวจับยาก ผิดแต่คืนนั้น ที่นางถูกส่งตัวเข้าห้องของคุณชายใหญ่ นางทำให้เขาไม่แข็ง ด้วยอีกฝ่ายดื่มเหล้าและยังพักผ่อนน้อย นางจึงปลุกปล้ำแท่งหยกของเขาทั้งด้วยสองมือ ริมฝีปาก ทว่าแท่งหยกเขากลับไม่ลุกขึ้นสู้ จนนางจนปัญญา แต่เมื่อเข้าห้องนอนคุณชายใหญ่แล้ว นางต้องเป็นของเขา จะออกไปโดยไม่ได้สิ่งใดติดมือไม่ได้ สุดท้ายความคิดชั่วร้ายจึงผุดขึ้น
หมี่หลิงใช้ยาปลุกกำหนัดกัลคุณชายใหญ่ โดยการลักลอบใส่ในอาหารให้เขากินและผสมลงในสุรา และจัดการข่มขืนแท่งหยกของอีกฝ่าย ซึ่งเรื่องน่าอายนี้มีคนลับรู้ และคนๆ นั้นคือ เตียวหยวนหยวน !
เมื่อคุณชายใหญ่ดื่มและกินสิ่งที่ปรุงจากหญ้าราคะ เขาก็หักโหมกับหมี่หลิงหลายคืนต่อกัน กระทั่งเขาล้มหมอนนอนเสื่อ แท่งหยกก็คอพับคออ่อนไม่ลุกขึ้นสู้ เรื่องนี้ถูกเก็บไว้เป็นความลับของสกุล ซึ่งหมี่หลิงมีความผิดมิน้อย แต่นางได้รับการยกเว้นโทษตายเพราะฮูหยินรองยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
“ข้าไม่อยากตายเป็นผีรับใช้คุณหนู หากสิ้นลมหายใจไป และยังต้องรับใช้คุณหนูอีก ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้า!”
หมี่หลิงร้องขึ้น นางหวาดกลัวจับใจ
“หมายความว่ายังไง ฮึ” เตียวหยวนหยวนตวาดถาม
หมี่หลิงน้ำตาไหลนองหน้า เอ่ยเสียงสะอื้น “ฮูหยินรอง ให้บ่าวมาอยู่กับคุณหนู คอยสอดแนมทุกอย่างว่าคุณหนูทำอะไร คิดอย่างไร ถ้าหากทำงานไม่สำเร็จ บ่าวมิต้องติดตามท่านไปจนถึงปรโลก คอยรายงานสิ่งต่างๆ ของคุณหนูอยู่เช่นนั้นหรือ”
“มีเรื่องชั่วช้าเช่นนั้นที่แม่รองทำกับข้า”
“โถ คุณหนู เหตุใดพึ่งมาฉลาดในตอนใกล้ตาย”
ได้ยินคำตัดพ้อของหมี่หลิง เตียวหยวนหยวนโกรธจัด นางอ่านนิยายของแม่ว่าที่สามีเพียงผ่านๆ ตา เห็นว่ามันไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เหตุใดเมื่อโผล่มาอยู่ในโลกนี้ ตัวละครถึงได้เล่นสมบทบาทนัก และยังสร้างเรื่องน่ากลัวได้จนน่าขนลุก
“ขะ ข้าจะตายไม่ได้ ไม่...”
เตียวหยวนหยวนประกาศเสียงดัง และกวาดตาไปรอบๆ ตัว ช่วงเวลาดังกล่าว นางเห็นว่ารถลากที่ไร้คนบังคับลงเนินเขาด้วยความเร็วจนน่าหวาดเสียว ซึ่งเบื้องหน้าเป็นทางลาดชัน หากวัวยังวิ่งบ้าระห่ำต่อไป นางคงสิ้นชีพแน่
“ชะ ช่วยด้วย”
หญิงสาวร้อง ด้วยอาการใจหายใจคว่ำ พอมองไปยังร่างของหมี่หลิง จึงกลายเป็นว่านางกำลังจะคิดสั้นด้วยการพยายามกัดลิ้นตัวเอง
“นี่เจ้าจะทำสิ่งใด!”
“บ่าวไม่อาจตายพร้อมกับคุณหนู ขอร้องเถอะเจ้าค่ะ ให้บ่าวได้เลือกทางของตน ขอสิ้นลมหายใจก่อนดีกว่า จะได้หมดเวรสิ้นกรรมกันเพียงแค่นี้!”
หมี่หลิงเอ่ย และทำท่าจะกัดลิ้นตน แต่เตียวหยวนหยวนส่ายหน้าระอา นางรีบคว้าเอาผ้าเช็ดหน้ายัดใส่ปากสาวใช้ อีกฝ่ายเลยไอโขลกๆ น้ำหู น้ำตาเล็ด กลายเป็นว่ากลัวตายขึ้นมาเสียอย่างนั้น
รถวัวลากพุ่งเร็วไปข้างหน้าอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด กระทั่งล้อข้างหนึ่งของมันชนกับก้อนหินใหญ่ จากนั้นจึงเสียหลังหมุนคว้าง ตัวรถลากกับวัวแยกออกจากกัน ร่างของเตียวหยวนหยวนที่ทรงตัวไม่ค่อยดีเพราะถูกหมี่หลิงทั้งผลัก ทั้งถีบจึงกระเด็นออกนอกตัวรถลากวัว
ยามนั้นนางคิดว่า หากตกลงบนถนน ถ้าไม่คอหักตายคงได้แผลทั่วตัว มิหนำซ้ำคงเสียโฉมกลายเป็นนางร้ายแสนอัปลักษณ์
“ขะ ข้า ต้องตายเช่นนี้ จริงๆ หรือ ไม่นะ ไม่....!”
เตียวหยวนหยวนไม่ได้มองสิ่งใด นางหลับตาปี๋ ภาวนาในใจ หากต้องตายจริงๆ หนนี้ขอไร้ซึ่งการเจ็บปวด
อึดใจต่อมา แทนที่ร่างนางควรหล่นกระแทกพื้น กลับกลายเป็นว่าตกอยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆ ของใครบางคน และตามด้วยเสียงน้ำแตกกระจาย
“ขะ ข้า ว่ายน้ำไม่เป็น!”
ยามนั้น สาวงามอยู่ในลำธารพร้อมกายแกร่งของบุรุษ
เนื้อตัวเขาแน่นและไออุ่นแผ่ซ่าน คนตัวโตประคองร่างนางไว้หลวมๆ ทว่ากลับเป็นต้าหยวนที่พยายามเกาะแกะเขาอย่างไม่ยอมปล่อย ราวกับเป็นตุ๊กแก!