นัยน์ตาหวานจดจ้องดอกกุหลาบขาวสัญลักษณ์ของความรักที่บริสุทธิ์พลางอมยิ้ม เธอชอบสีขาวและชอบดอกกุหลาบสีขาวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เธอไม่เคยบอกใครเลยว่าเธอชื่นชอบดอกกุหลาบขาว นอกจากเขาคนนั้นแล้วไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน
แม้ว่าดอกกุหลาบขาวจะสื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์ แต่คริษฐาไม่ได้มองว่ากุหลาบขาวดอกนี้ถูกส่งมาเพื่อสื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์หรอกนะ เธอมองว่ามันสื่อถึงความใส่ใจของคนให้เสียมากกว่า เขาส่งในสิ่งที่เธอชอบมา หมายความว่าเขาใส่ใจเธอ แม้หลายครั้งเขามักแสดงออกว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องยิบย่อยใช่มั้ยล่ะ
“กุหลาบก็มา ของโปรดก็มา แต่ทำไมตัวไม่มา ใจคอจะไม่มาเจอหน้าเลยรึไง รอเจอก่อนก็ไม่ได้”
“เขาไม่รอเจอแก ก็เพราะเขากลัวคุยนานๆ แกจะจับได้น่ะสิ” จีรชาแทรกขึ้นพร้อมกับก้าวมานั่งข้างๆ
คริษฐามองเพื่อนสาวใจห้าวที่ไม่ได้เดินมามือเปล่า แต่ยังมีเค้กชิ้นพอดีจานติดมือมาด้วย ก่อนจะหลุดขำจนลืมสิ่งที่เพื่อนสาวพูดไปเสียสนิทเมื่อมองไปที่ริมฝีปากของเพื่อน ดูเอาเถอะยัยห้าวที่บางครั้งทำตัวแมนกว่าผู้ชายเวลากินเค้กก็กินเปื้อนอย่างกับเด็กๆ เลยแน่ะ จะไม่ให้ขำได้ยังไง
“กินเลอะเป็นเด็กๆ ไปได้”
“ก็คนมันหิวนี่หว่า ก็ต้องเลอะบ้างอะไรบ้าง”
“เออ หิวก็กินไป แต่ฉันให้แกแค่เค้กนะ แซนด์วิชน่ะของฉัน ห้าม-ยุ่ง” หญิงสาวเน้นเสียงในคำว่าห้ามยุ่งก่อนจะหยิบช้อนส้อมอีกคันที่อยู่บนจานมาตักขนมเค้กสตรอว์เบอร์รีของโปรดเข้าปาก
“น้อยๆ หน่อยค่ะคุณมาการิต้า อย่าลืมว่านี่คอนโดฉัน แกอะหอบผ้ามาอาศัยคอนโดฉัน อย่าลืม” จีรชาแย้งก่อนจะดึงจานขนมเค้กไปใกล้ตัวราวกับจะไม่ให้คนมาอาศัยคอนโดอยู่ได้กินด้วย
คริษฐาถอนใจพรืดไม่จริงจัง...ใช่ เธอมาอยู่กับจีรชาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วและอาจจะอยู่ไปอีกพักใหญ่
จริงๆ แล้วเธอก็ซื้อห้องข้างๆ จีรชานี่ละ แต่ว่าอยู่คนเดียวแล้วมันรู้สึกแปลกๆ เลยหอบผ้าหอบผ่อนมานอนที่ห้องของจีรชาและทิ้งห้องนั้นไว้
“ชิ ไปหากินเองก็ได้”
จีรชายักไหล่ไม่ง้อคนที่บอกว่าจะไปหากินเองและลุกก้าวดุ่มๆ ไปในครัว สาวห้าวมองตามเพื่อนสาวก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาพิจารณาอย่างใคร่ครวญ...คริษฐาควรรู้เรื่องนี้มั้ยนะ
“เฮ้อ เอาไงดีวะ” คนห้าวแต่ยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่ทอมคิดอย่างสับสน ก่อนจะเผลอกดเปิดคลิปเสียงเมื่อได้ยินเสียงเข้มๆ ดังมาจากด้านหลัง
“เอาไง อะไร”
“เรื่องของผมเถอะเฮีย...” เสียงที่ดังมาจากสมาร์ตโฟนทำให้กรินยกรที่โผล่มาทำเสียงแมนใส่เพราะกะจะแกล้งสาวห้าวถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
“เชี่ยแล้วไง” จีรชาสบถเสียงดังลั่น รีบปิดคลิปเสียงก่อนที่ คริษฐาจะเดินกลับมาจากห้องครัว
“นี่มันอะไรเจี๊ยบ”
“ชู่!” สาวห้าวส่งสัญญาณก่อนจะรีบพุ่งตัวไปปิดปากกรินยกรไม่ให้พูดอะไรออกมา “ไม่ถาม ไม่พูด แล้วจะปล่อย โอเค้?”
กรินยกรพยักหน้าหงึกๆ แต่จีรชาก็ยังไม่ยอมปล่อย เธอหันมองซ้ายที ขวาทีก่อนจะค่อยๆ ลดมือลงและกลับไปนั่งราวกับก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างฝ่ายก็ต่างเงียบด้วยไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดเรื่องนี้อย่างไรดี แต่ในที่สุดกรินยกรก็อดรนทนไม่ไหว
“แก เราต้องบอกเคท”
“ไม่ดีมั้ง”
“ต้องบอก เคทมันควรรู้” แม้กรินยกรจะยังไม่รู้ทั้งหมด แต่ก็เดาได้ว่าคริษฐาคงจะยังไม่รู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งในฐานะเพื่อนเขาจะไม่ยอมให้คริษฐาโดนหลอกแบบนี้แน่นอน สิ่งที่คีรินทร์ทำนั้นมันไม่ถูก
“เคทต้องรู้”
“ต้องรู้อะไรเหรอ”
“ก็ต้องรู้ว่าเฮียคีย์ปลอมใบหย่าน่ะสะ...” คำพูดที่หลุดออกจากปากสะดุดกึกเมื่อรู้สึกได้ว่าเสียงที่ถามนั้นไม่ใช่เสียงของจีรชา หนึ่งสาวห้าวและหนึ่งหนุ่มใจสาวมองสบตากัน ก่อนจะหันไปยังทิศทางต้นเสียงพร้อมๆ กัน
“เคท!!!”
ใช่แล้ว...เป็นคริษฐาที่กลับออกมาจากห้องครัวพอดีนั่นเอง แม้จะตกใจกับคำที่หลุดออกมาจากปากเพื่อน แต่หญิงสาวก็ยังคงมีสติอยู่พอสมควร
“ที่พูดหมายความว่ายังไง”
จีรชามองสบตากรินยกรก่อนจะตัดสินใจเปิดคลิปเสียง ให้เสียงสนทนาที่บันทึกไว้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด คริษฐาฟังคลิปเสียงอย่างใจเย็นและพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบเมื่อคลิปเสียงบทสนทนาจบลง หญิงสาวไม่พูดอะไรออกมา ทำเพียงวางจานเค้กที่ถือมาจากในครัวลงบนโต๊ะและเดินหนีเข้าห้องไป คริษฐาไม่ใช่คนขี้โวยวาย หญิงสาวระงับอารมณ์ได้ประมาณหนึ่ง สองเพื่อนสนิทจึงไม่ได้เห็นเพื่อนสาวโวยวายอะไรออกมา แต่ทั้งคู่ก็รู้ดีว่าการเดินหนีเข้าห้องคือการหลบไปจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง คนเป็นเพื่อนที่รู้กันดีจึงไม่คิดจะตามไปรบกวน
ความจริงข้อนึงที่จีรชาและกรินยกรรู้ดีก็คือคริษฐาไม่ชอบโดนหลอก เธอเกลียดการถูกหลอก และไม่เคยให้อภัยคนโกหกหลอกลวงง่ายๆ คริษฐาเป็นคนใจแข็ง เวลาโกรธนั้นน่ากลัวไม่ใช่น้อย งานนี้มีคนโดนดีแน่ๆ
“สาธุ ขอให้เฮียคีย์แคล้วคลาดปลอดภัย”
“อ้าวยัยเจี๊ยบ แกเชียร์เฮียคีย์เหรอ” กรินยกรแย้งทันทีที่เพื่อนสาวห้าวทำท่าประนมมือบนบานศาลกล่าวทำนองเข้าข้างคนผิด
“ข้างไอ้เคทแหละ แต่ก็เห็นใจเฮียคีย์นิดหน่อย”
“ไม่ได้นะนังชะนีห้าว แกจะไปเห็นใจเฮียคีย์ไม่ได้ เฮียคีย์ทำไม่ถูก เราต้องเชียร์ไอ้เคทให้จัดการกำราบคนนิสัยไม่ดี”
“อย่าเชียร์เยอะ พอเขาดีกันเราจะหมากันหมด” จีรชาแย้งก่อนจะหยิบจานเค้กทั้งของตัวเองและที่คริษฐาทิ้งไว้ไปเก็บในตู้เย็น
หมดอารมณ์กินแล้วละ
คริษฐาเก็บตัวอยู่ในห้องทั้งคืน โผล่ออกมาอีกทีก็ตอนเช้า สีหน้าหญิงสาวแสดงออกถึงความมุ่งมั่นจนจีรชาและกรินยกรแปลกใจ คริษฐาเป็นคนใจเด็ด...ยายคนใจเด็ดคงไม่ได้ตัดสินใจทำอะไรแผลงๆ หรอกนะ
“เช้านี้ฉันไม่เข้าออฟฟิศนะ ลาให้หน่อยละกัน”
“แกจะไปไหน”
“ถามมาได้ ก็ไปจัดการคนหลอกลวงไง” หญิงสาวตอบกลับโดยไม่มีอารมณ์ล้อเล่นทำเอาเพื่อนทั้งสองกลืนน้ำลายเฮือก เสียวไส้แทนคนจะโดนจัดการ
“กะ...แกจะทำอะไรวะเคท ตั้งสติดีๆ นะเว้ย ผัวแกอะตำรวจนะ” จีรชาเอ่ยอย่างต้องการเตือนสติ “คุกไม่ได้มีไว้ขังหมานะ”
“ฉันก็ไม่ได้จะไปประทุษร้ายเขาสักหน่อย ฉันมีสติ และมีวิธีจัดการอย่างมีสติด้วย”
“แน่ใจนะ”
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่ แกรอดูแล้วกัน ฉันจะทำให้ผู้กองคีรินทร์คนเก่งหมอบราบคาบแก้วแทบเท้าให้ได้เลย ถ้าทำไม่ได้นะ ฉันยอมเป็นม่ายตลอดชีวิต” หญิงสาวเอ่ยเสียงจริงจังก่อนจะมุ่งตรงออกจากห้องไปโดยไม่รอให้จีรชาและกรินยกรได้ถามมาก จุดหมายปลายทางของหญิงสาวก็คือสถานที่ทำงานของคีรินทร์นั่นเอง