8

1288 คำ
“ตรี ช่วยปลื้มด้วย ปลื้มแตกหักกับพ่อประกาศตัดขาดกันแล้วขับรถหนีไปเลย แม่จะตามไปแต่พ่อจับไว้ ฮือๆ” “แม่ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องออกจากบ้าน ดึกแล้วมันอันตราย ผมดูปลื้มให้แม่แล้วจะรีบส่งข่าว” นั่งไม่ติดเก้าอี้ ทำอะไรอยู่ในเวลานั้นเป็นอันต้องทิ้งทั้งหมด “ปลื้มเอ๊ย อดทนตั้งนานมาฟิวส์ขาดอะไรเอาวันนี้” ตรีวิทย์บึ่งรถกลับคอนโดฯ ที่ซื้ออาศัยคนละห้องชุด เขามาทันก่อนปรเมศวร์ขับรถออกไป ไม่มีเวลาถอยรถเข้าช่องจอดติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้อย่างนั้น ก้าวพรวดคว้าท่อนดึงให้ลงจากรถ “ตรี ปล่อย! อย่าทำให้ฉันอารมณ์เสียไปมากกว่านี้!” “นายจะไปไหน แม่เป็นห่วงนายมากนะ ให้ฉันตามมาดู” “บอกให้ปล่อยไม่ได้ยินหรือไง!” ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทแต่ริอ่านมาแตะตัวตอนหัวเสีย สาบานได้เขาจะหักแขนมันให้หัก! “โทษทีนะเพื่อน แต่ฉันปล่อยนายไปไม่ได้ แม่นายขอร้องให้มาดูแล บ้าไปแล้วเหรอ ถึงไปท้าทายพ่อให้ยกสมบัติให้ลูกๆ คุณสิรี โรงพยาบาล บ้าน แล้วไหนจะทรัพย์สมบัติอื่นตั้งเยอะ” “ไม่ได้ท้า แต่เอาจริง ฉันจะไม่กลับไปเหยียบที่นั่น” “ไม่กลับไปได้ยังไง บ้านนายนะปลื้ม!” “ไม่ใช่อีกต่อไป ฉันตัดขาดกับ ผอ. ของแกแล้ว” “สายเลือดนะเว้ย ไม่ใช่กระดาษ ตัดขาดง่ายๆ ได้ยังไง ฉันรู้ว่าตอนนี้นายกำลังโกรธ แต่นายต้องใจเย็น ขึ้นห้องเถอะนะ ถ้านายอยากไป พรุ่งนี้ค่อยไป ขืนปล่อยให้ขับรถไปไหนมาไหนเองด้วยอารมณ์อย่างนี้ ประสบอุบัติเหตุมาจะทำยังไง” “อย่าห้ามเลย ขืนอยู่ที่นี่ฉันคงได้กลายเป็นบ้าสักวัน” “แล้วคนไข้ล่ะปลื้ม จู่ๆ จะทิ้งไปเลยเหรอ!” “หมอเฉพาะทางมีถมเถ โอนเคสไปให้พวกเขาสิ จะมาอะไรกับฉันนักหนา ไม่มีฉันสักคนโรงพยาบาลไม่เจ๊งหรอก” หรือต่อให้เจ๊งก็เจ๊งไปเลย เขาเบื่อที่ต้องทำงานหนักหาเงินให้เมียน้อยพ่อเอาไปถลุงใช้ คนพวกนั้นไม่มีใครทำงานสักคนดีแต่เกาะพ่อกินไปวันๆ ไม่ยุติธรรมกับแม่และเขาที่หาเงินใช้เอง “ขอร้องล่ะตรี ปล่อยเถอะ เราจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน” มือที่ตรึงแน่นค่อยๆ คลายแรง “พูดอะไรไป นายจะไม่ใจเย็นลงใช่ไหม” “ลองมาเป็นฉันนายจะใจเย็นไหวเหรอ ที่ต้องมีชีวิตอยู่ในครอบครัวอย่างนี้ ฉันไม่มีความสุข ไม่เคยสงบสุข พอเถอะ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว อยากออกจากงาน อยากย้ายไปอยู่ที่อื่น ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ลองดูสักตั้ง เผื่อชีวิตจะนิ่งแล้วมีความสุขมากขึ้น” เพื่อนสนิทจริงจังเสียจนตรีวิทย์ไม่มีคำคัดค้าน หนักหนากว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทุกทีทะเลาะกันแค่หัวเสียลากเพื่อนๆ ไปดื่มแก้กลุ้มแต่ไม่ถึงขั้นปลงและอยากออกจากกองมรดกแสนล้าน “ถ้าไม่กลับมา นายจะไปอยู่ที่ไหน” สถานการณ์จวนตัวจนไม่แน่ใจว่าเพื่อนรักวางแผนไว้ล่วงหน้าหรือแค่พูดประชด ภาวนาขอให้เป็นอย่างหลังจะดีมาก แต่ปรเมศวร์ไม่ให้คำตอบแน่ชัดแก่ตรีวิทย์ “อีกหน่อยนายจะรู้เอง” “อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ไม่อยากให้ขับรถตอนกลางคืน” “อย่าห่วงเลย ไม่ได้ขับไปเอง จะไปเครื่องบินต่างหาก เสียเวลาเก็บของกับคุยกับนายตั้งนาน ไม่รู้มีตั๋วหรือเปล่า” ถ้าไม่มีก็นอนสนามบินหนึ่งคืนค่อยออกเดินทางรุ่งเช้า หัวอกคนจะไปเอาของหนักร้อยตันมาทับก็รั้งไม่อยู่ จะไปท่าเดียว “เอากระเป๋านายมา แล้วไปขึ้นรถ” “อะไร” คันนี้รถเขา ชี้ไปทางรถที่จอดด้านหลังทำไม “ถึงยังไงก็ต้องทิ้งรถไว้สนามบินไม่ใช่เหรอ ทิ้งไว้คอนโดฯ ดีกว่า มีคนช่วยดูแลให้เยอะแยะ ไปเถอะ ฉันไปส่งนายเอง” ไอเดียนี้ไม่เลว ปรเมศวร์ไม่อิดออดขนย้ายสัมภาระจากรถสปอร์ตราคาหลักสิบล้านไปไว้ในน้องน้ำพักน้ำแรงรถตรีวิทย์ “ดึกป่านนี้ไม่มีเที่ยวบินแล้วมั้ง ไม่เปลี่ยนใจแน่เหรอ” ระหว่างทางไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตรีวิทย์คอยโน้มน้าว “กลับคอนโดฯ ตอนนี้ยังทันนะ มีทางให้กลับรถข้างหน้า” ไม่สำเร็จ วงหน้าเข้มจัดไม่ปริปากพูดแม้แต่คำเดียว ตามใจมันแล้วกัน คนอย่างเขาเหรอจะเปลี่ยนใจปรเมศวร์ได้ ต้องกันต์ดนัยนู้น รายนั้นสุขุม หว่านล้อมคนเก่งมากกว่า ใช้ทางด่วนมาถึงที่หมายในเวลาต่อมา ยังไม่จอดรถด้วยซ้ำแค่ชะลอเนื่องจากการจราจรหนาแน่นมีรถเข้าออกจำนวนมาก ปรเมศวร์กลับถือกระเป๋าลงจากรถเดินลิ่วๆ กลืนหายไปกับฝูงชน “อย่างนี้ก็ไม่พ้นถูกแม่นายด่าสิวะ!” จะถ่อสังขารมาถึงที่นี่ทำไม ในเมื่อไม่รู้จุดหมายปลายทางว่าปรเมศวร์ไปไหน ตรีวิทย์อยากจะบ้าตายกับความเอาแต่ใจของเพื่อนสนิท เครียดไปกันใหญ่ เมื่อมีสายเรียกเข้าจากแพทย์หญิงกาญจนาที่โทรมาถามข่าว เจ้าของคฤหาสน์ขึ้นบันไดเวียนมาชั้นสอง การประดับตกแต่งหลายอย่างยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปจากครั้งสุดท้ายที่ท่านเคยนอนกับกาญจนา คฤหาสน์ชั้นแรกนายแพทย์สิทธิเดชอาศัยกับสิรีและลูกสาว ลูกชาย ลูกสะใภ้ ชั้นสองยกให้กาญจนาเพื่อไม่ให้ทะเลาะกัน มีห้องนอนใหญ่ที่ท่านเคยเป็นห้องหอ และห้องนอนปรเมศวร์ที่ว่างเปล่ามานับจากวันที่ท่านพาสิรีเข้ามาในบ้าน ลูกชายต่อต้านท่านมาตั้งแต่นั้น นับวันความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกแย่ลงมาแตกหักวันนี้ ประตูห้องนอนกาญจนาปิดสนิท ท่านเปิดเข้าไปมาทันได้ยินเสียงกาญจนาคุยกับใครสักคนเกี่ยวกับลูกชาย กาญจนาเป็นห่วงลูก ไม่สบายใจจนร้องไห้ให้คนในสายได้ยิน อย่าว่าแต่ภรรยาเลย นายแพทย์สิทธิเดชทะเลาะกับปรเมศวร์หลายครั้ง มีครั้งนี้ที่คิดว่าหนักที่สุด เพราะเหมือนกับว่าปรเมศวร์ไม่เอาพ่อตัวเองอีกแล้ว “แม่ต้องวางแล้ว ขอบใจตรีมาก ถ้าปลื้มติดต่อมาโทรบอกแม่ด้วยนะ” กาญจนาเหลียวหลังกลับไปทางประตูหน้าห้องพบว่าสามีเข้ามาข้างใน มือข้างที่จับโทรศัพท์มีแรงสั่นโดยไม่ตั้งใจ “ตรีโทรมาว่ายังไงบ้าง” สถานการณ์ตึงเครียด เจ้าของคฤหาสน์มองออกว่าภรรยาโกรธ แต่แสร้งวางตัวเฉยไปนั่งบนโซฟาสอบถามราวกับไม่ได้สำคัญ สายตาท่านอาลัยอาวรณ์คิดถึงอดีตสมัยที่มีกันและกัน แต่ก็เท่านั้น อดีตผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไข “คุณควรขออนุญาตฉันก่อนเข้ามา” “ผมแค่จะมาถามว่าลูกถึงคอนโดฯ หรือยัง” “ตัดขาดกันไปแล้วไม่ใช่เหรอ จะสนใจทำไม” “ลูกต่างหากที่พูดจาไม่ดีกับผม คุณก็ได้ยินไม่ใช่เหรอแล้วทำไมถึงมาหาเรื่องผม เพราะคุณนิสัยอย่างนี้ไงคุณนา ผมถึงได้เบื่อคุณจนทนไม่ไหวไปมีเมียน้อย สิรีเอาใจเก่ง ดีกว่าคุณเยอะ” “ถ้าว่ามันดีมากนักก็ไปหามันสิ มายุ่งกับฉันทำไม! เมื่อก่อนฉันนิสัยดีมีเมตตายิ่งกว่านางฟ้า แต่คุณก็ยังนอกใจฉันไปมีเมียน้อย เป็นเพราะคุณสันดานต่ำสืบพันธุ์ไม่เลือกคนต่างหาก! เลิกสักทีเถอะ คอยแต่จะโทษคนอื่นไปเรื่อยโดยไม่เคยโทษตัวเอง!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม