กับแม่บ้าน ปรเมศวร์พูดจาดีมีหางเสียงมากกว่าเวลาคุยกับพ่อแท้ๆ นายแพทย์สิทธิเดชหน่วงในหัวใจ รู้สึกอิจฉาแม้กระทั่งคนงาน สองพ่อลูกทำงานโรงพยาบาลเดียวกัน ทว่าไม่มีโอกาสกินอาหารเที่ยงหรือคุยกันในแต่ละวัน อย่าว่าแต่ใช้เวลาเล็กๆ น้อยๆ อยู่ด้วยกัน แค่ผ่านทางมาเจอ ปรเมศวร์จงใจแยกตัวเดินหนีไปอีกทางก็มี ระยะห่างระหว่างพ่อลูกนับวันยิ่งไกลห่าง เหมือนกับว่าสายสัมพันธ์ท่านกับลูกชายหมดสิ้น
“หยุดพูดจาเลวๆ กับพ่อตัวเองได้แล้ว ทำตัวเหมือนคนไม่มีการศึกษามากขึ้นทุกวัน ทีกับขี้ข้าพูด ครับ ตามหลังทุกคำ!” สิรีแผดเสียงดัง สุธี สุจิราอยู่ใกล้ต่างเอื้อมมือมาเขย่าแขนไม่ให้พูด
“ถ้าผมพูดจาเลวตามที่ป้าปรักปรำต้องขึ้นไอ้! ขึ้นอี!”
ปรเมศวร์ปรายสายตาไปทางสุธี สุจิรา มาปิดท้ายด้วยสิรี ทำให้ทั้งสามคนโกรธหน้าดำคร่ำเครียด
“แต่ผมยังไม่ได้พูดแล้วจะด่าผมได้ยังไง ไม่ได้ยินผมกับพ่อทะเลาะกันสักวันจะตายลงตรงนี้ให้ได้เลยใช่ไหม!”
“ทำไมพูดกับน้าอย่างนี้! คุณพี่ คุณพี่ต้องจัดการลูกชายให้น้องนะคะ น้องไม่ยอม ลูกชายคุณพี่ไม่ให้เกียรติน้อง!” สิรีเขย่าแขนประมุข ร้องเรียนสามีให้ช่วยลงโทษคนทำผิด
“สงบปากสงบคำของเธอเดี๋ยวนี้ยัยสิรี! ถ้าเธอไม่จ้องหาเรื่องตาปลื้ม คิดเหรอ ลูกชายฉันจะอยากลดตัวลงไปคุยกับเธอ! ตาปลื้มมาถึงก็กินข้าว มีแต่เธอพูดไม่หยุด หวังจี้ใจดำอยากให้พ่อลูกทะเลาะกัน แผนตื้นๆ แค่นี้ คิดว่าคนอื่นมองไม่ออกหรือไง! ที่ตาปลื้มไม่อยากกลับบ้าน เพราะรังเกียจคนนิสัยแบบเธอยังไงล่ะ!”
“พี่นาก็ดีแต่เข้าข้างลูกชาย ไม่ลืมหูลืมตาดูเลยสักครั้งว่าลูกชายนิสัยเสียปากเสียกับพ่อตัวเองมากแค่ไหน คุณพี่ก็เหมือนกัน ยอมให้ลูกถอนหงอกอยู่ได้ ระวังเถอะลูกชายคุณพี่จะปากเสียจนกู่ไม่กลับ! น้องไม่อยากกินแล้วให้เด็กมาเก็บจานไปได้เลย ตาธี ยัยจิน ยัยฟ้า รีบกินรีบเข้าห้อง ไม่ต้องมาเดินเพ่นพ่านให้คนแถวนี้รำคาญ เกิดพลาดเดินชนลูกชายคนโปรดจะถูกเฉดหัวออกจากบ้านเอาได้!”
“ควรทำอย่างนั้นมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ เพ่นพ่านอยู่ได้ ทั้งแม่ ทั้งลูก อีกหน่อยมีหลานมาด้วย น่าขยะแขยงสิ้นดี!”
“พี่นา! ด่าว่าดิฉันกับลูกๆ ถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ!”
“ทำไมฉันจะว่าไม่ได้ในเมื่อมันคือความจริง! แค่หล่อนกับลูกๆ สามคนฉันก็เหลืออดเหลือทนมานาน แต่ตาธีกลับพาเมียเข้ามา ตั้งใจจะขยายเผ่าพันธุ์ให้บ้านหลังนี้มีแต่พวกเธอเหรอ!”
“หยุดหยาบคายได้แล้วคุณนา!” เจ้าบ้านเคลื่อนไหวหลังจากทนฟังคนในครัวทะเลาะกันมานาน
“ตาธีเป็นลูกชายผมเหมือนตาปลื้ม เขามีสิทธิ์อยู่ที่นี่ มีสิทธิ์ให้ลูกเมียย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน ผมเป็นเจ้าของบ้าน ไม่ใช่คุณ คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งวุ่นวาย!”
“คุณเคยสัญญากับฉัน! ต่อให้คุณจะมีลูกกับเมียน้อยกี่คน แต่คุณจะยกบ้านยกสมบัติให้ตาปลื้มคนเดียว! มาถึงวันนี้คุณกลับอนุญาตให้ลูกหลานที่เกิดจากเมียน้อยย้ายเข้ามาตั้งมากมาย อย่างนี้ตาปลื้มจะอยากย้ายกลับมาอยู่ได้ยังไง ใครจะไปทนได้! ที่บ้านมีปัญหาคนในครอบครัวแตกแยกทั้งหมดล้วนมาจากความมักมาก กินไม่เลือกของคุณคนเดียว!”
“คุณนา!” ฟาดมือลงบนโต๊ะทีเดียวเงียบไปทั้งห้องอาหาร
“บ้านหลังใหญ่ออกปานนี้ อยู่ด้วยกันจะเป็นไรไป!”
“เห็นจะมีแต่คุณเท่านั้น มีความสุขอยู่ในบ้านที่มีสองเมีย! รู้บ้างไหม ว่าลูกเกลียดแค่ไหน ที่คุณทำตัวแบบนี้!”
“เกลียดนักก็ไม่ต้องมาเรียกผมว่าพ่อ ไสหัวออกไป! ไม่ต้องกลับมาเหยียบบ้านหลังนี้! คุณก็ด้วย อยากจะหย่ากับผมไหมล่ะ!”
ปรเมศวร์กลืนอาหารไม่ลงวางช้อนส้อมลงกระแทกขอบจาน
“ท้าแม่หย่า เพื่อหวังจะยกเมียน้อยขึ้นแท่นหรือยังไง!”
“ฟังที่แม่แกพูดสิ ชวนทะเลาะแม้กระทั่งตอนกินข้าว!”
“แม่ไม่ได้ชวนทะเลาะ แม่แค่พูดแทนคำในใจผม! ผมไม่เคยบอกเหรอว่าผมขยะแขยงเมียน้อยกับลูกๆ ของพ่อมากแค่ไหน แล้วเร็วๆ นี้จะมีหลานของพ่อเพิ่มมาอีก ผมยิ่งขยะแขยงจนไม่อยากกลับมาเหยียบที่นี่ แต่ผมจะอดทน จะรอจนกว่าจะถึงวันที่พ่อไม่อยู่ รอวันที่ผมเข้ามาเป็นใหญ่ในนี้ แล้วเฉดหัวพวกมันออกไป!”
“ปลื้ม!” นายแพทย์สิทธิเดชหน้าเขียว ออกจากโต๊ะอาหารตามหลังลูกชายที่พอด่าทุกคนเสร็จก็ลุกเดินหนี
“ลูกชายคนเก่งของพี่นา ท่าทางจะตกกระป๋องซะแล้ว”
สิรีแผดเสียงหัวเราะนางมารร้ายใส่ภรรยาหลวง ขยิบตาให้ลูกสาวคนรอง ลูกชายคนโต และลูกสะใภ้ที่นั่งเก้าอี้ตัวถัดไป
“ไม่มีวัน!” กาญจนาอาฆาตแค้นพวกกาฝาก ออกจากโต๊ะอาหารตามหลังสามีกับลูกชายออกไปข้างนอก มาทันจังหวะสามีตามไปกระชากท่อนแขนลูกชายกลับมาเผชิญหน้า
“ไม่ได้ยินที่พ่อสั่งหรือไง กลับไปขอโทษคุณสิรี!”
“อย่าฝันเลยว่าผมจะทำอย่างนั้น พ่อรักเมียพ่อ ผมก็รักแม่ผม ไม่มีทางยอมให้แม่เจ็บช้ำน้ำใจฟรีๆ ผมเกลียดพวกมัน เกลียดที่สุด ผมจะทำทุกทางให้พวกมันร้อนรนจนอยู่ไม่ได้! เหมือนที่พ่อกับพวกมันทำไว้กับผม ทำให้ผมไม่มีความสุขในชีวิต!”
“พวกเขาต่างเป็นน้องของแก ทำไมจะอยู่ด้วยกันไม่ได้!”
“ผมไม่มีทางอยู่ร่วมกับพวกมันเด็ดขาด อย่างที่คุณแม่พูด เห็นจะมีแต่คุณพ่อที่มีความสุขกับสภาพบ้านเน่าๆ เหม็นๆ อย่างนี้!”
“พ่อไม่ยอม! ถ้าปลื้มคิดจะไล่พวกเขาออกจากบ้านตามที่พูด! พ่ออาจพิจารณายกบ้านหลังนี้ให้ตาธี! ยัยจิน หรือยัยจ๋า!”
“เอาเลยสิ ยกให้พวกแม่งไปเลย พวกมันก็ลูกพ่อเหมือนกัน!”
ปรเมศวร์หมดสิ้นความอดทนสะบัดปลายนิ้วท้าทาย
“ไม่ได้! ฉันไม่ยอม คุณจะทำอย่างนั้นไม่ได้! ฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตาปลื้มเป็นลูกคนเดียวของฉัน ตาปลื้มควรจะมีสิทธิ์เหนือลูกๆ ที่เกิดจากภรรยาน้อย!”
“ลูกๆ อีกสามคนของผมถูกรับรองด้วยกฎหมาย มีสิทธิ์เท่าเทียมกับตาปลื้มทุกประการ! ผมมีสิทธิ์ยก หรือไม่ยกสมบัติชิ้นไหนให้ใครก็ได้ และตราบใดที่ผมมีสิทธิ์ คุณกับลูกคุณไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่ง ไม่ว่าผมจะสั่งอะไรก็ตาม!”
“ถ้าอย่างนั้นพ่อก็ตัดผมออกจากกองมรดกได้เลย บ้านหลังนี้ โรงพยาบาลนั่นด้วย! ยกให้พวกนั้นไปเลย! ผมไม่อยากได้แล้ว ตัวของพ่อเอง ผมก็ไม่อยากนับว่าเป็นพ่อผมอีกต่อไป!”
“พูดอะไรออกมา! พ่อไม่เคยคิดเลยว่าแกจะกล้าพูดจาเลวๆ แบบนี้กับผู้มีพระคุณที่อุ้มชูชุบเลี้ยงแกมาจนโต!”
“มือคนมากลูกมากเมียไม่เคยทำให้ผมอบอุ่น! ผมเคยคิดว่าตัวเองโชคดีเกิดมาบนกองเงินกองทอง มีครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่นับวันโตขึ้นมากเท่าไหร่ผมกลับค้นพบความจริงว่าผมไม่เคยมีความสุขที่เกิดมาในบ้านหลังนี้ ต้องทนฟังพ่อแม่ทะเลาะกันเรื่องซ้ำๆ เดิมๆ ไม่รักกันก็หย่าขาดกันสิ จะทนอยู่ไปทำไม ถ้าทนอยู่เพื่อเงิน ใครอยากทนก็ทนไป ผมไม่ทนอีกแล้ว! โรงพยาบาลพ่อเปิดรับหมอคนใหม่ได้เลย ผมจะลาออก!”
“ปลื้ม อย่าพูดอย่างนั้น ขอโทษคุณพ่อสิลูก บอกคุณพ่อว่าปลื้มแค่พลั้งปาก ไม่ได้ตั้งใจพูด”
หัวใจแหลกสลาย สัมผัสได้ว่าลูกชายเอาจริง หน้าเปื้อนน้ำตาส่ายช้าๆ คว้าท่อนแขนลูกชายคว้าได้เพียงสายลม ปรเมศวร์ไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษ พร้อมจะจากบ้านหลังนี้โดยไม่หวนกลับมา