แต่กว่าปรเมศวร์จะกลับบ้านก็เลยเวลาอาหารเย็นไปมาก สมาชิกหลายคนทนหิวหิ้วท้องรอเขาต่างชักสีหน้าแววตาไม่สบอารมณ์ ปรายสายตาเหยียดหยามไปทางปรเมศวร์ ที่พอมาถึงก็เลื่อนเก้าอี้ออกนั่งสั่งแม่นวลให้ตักข้าว เริ่มต้นกินไม่สนใจใคร ราวกับว่าบนโต๊ะอาหารมีเขาแค่คนเดียว
สุธีกับสุจิรา ลูกนอกสมรสสบสายตามารดา หัวเสียที่ปรเมศวร์ข้ามหน้าข้ามตาทุกคน แต่ออกปากไม่ได้ รู้สถานะตัวเองเป็นรองปรเมศวร์ทุกขุม ปรเมศวร์ต่างหากที่เป็นทายาทอันดับหนึ่งของตระกูล มีโอกาสรับช่วงโรงพยาบาลเอกชนรวมถึงคฤหาสน์
“ไม่รู้ตาปลื้มลูกชายคนเก่งคุณพี่ ไปตายอดตายอยากข้าวมาจากไหน มาถึงบ้านแทนที่จะขอโทษผู้ใหญ่ที่มาสาย กลับกินเอากินเอา ท่าทางจะไม่เคยได้รับการอบรมสั่งสอนมารยาท”
สิรีโจมตีอย่างที่ทำเป็นประจำทุกครั้งที่ลูกภรรยาหลวงกลับบ้าน
“ไม่ต้องพูดมาก เริ่มกินได้แล้ว ก่อนอาหารจะเย็นมากกว่านี้”
กล่าวตัดบท ไม่เข้าข้างภรรยาคนรองที่จ้องจะหาเรื่องให้ท่านกับลูกชายมีปากเสียง ขี้เกียจพูดให้มากความ เข้าข้างสิรี กาญจนาออกโรงปกป้องลูกชาย เข้าข้างลูกชาย สิรีจะตีอกชกหมัดบีบน้ำตาให้ท่านปวดหัว อยู่ร่วมบ้านกว่ายี่สิบปีเรียนรู้การวางตัวเฉยนั้นดีที่สุด
คนอื่นยังไม่เริ่มจับช้อนข้าวสวยในจานปรเมศวร์พร่องลงเกือบครึ่ง นายแพทย์หัวหน้าครอบครัวเหลือบไปทางแม่บ้าน
“ตักข้าวให้คุณหนูเพิ่มอีก ท่าทางจะหิวมาก”
คนงานบ้านนี้เลือกที่รักที่ชัง พร้อมบริการเสมอหากเป็นนายของตัวเอง ป้านวลคดข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานปรเมศวร์เพิ่มสองช้อน ขยับคิ้วเย้ยหยันแม่บ้านคู่อริที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนคุณหนูตัวเอง เมื่อนายแพทย์สิทธิเดชเอนเอียงไปทางลูกชายคนโต
บ่าวข่มบ่าวฉันใด นายข่มนายฉันนั้น คุณกาญจนาเก็บซ่อนรอยยิ้มสะใจไว้ไม่ไหว ต่อให้สามีจะมั่วไม่เลือกไปคว้าอีตัวมาทำเมียแถมมีลูกกับมันถึงสามคน แต่ตาปลื้มก็เป็นทายาทอันดับหนึ่งอยู่ดี คนพวกนี้แค่ส่งเรียนหนังสือก็บุญหัว อย่าหวังเลยว่าจะมีสิทธิ์ได้ครอบครองเงินทองหรือทรัพย์สมบัติชิ้นไหนของสามี ไม่ยอมเป็นแน่ จะหวงไว้ให้ลูกชายของท่านแค่คนเดียว
“เพราะคุณพี่เข้าข้างลูกอย่างนี้ไงคะ! ตาปลื้มถึงไม่เคยเห็นหัวดิฉันกับลูกๆ เลยสักครั้ง คิดอยากจะมาสายตอนไหนก็ได้ ยัยฟ้า ลูกสะใภ้ดิฉันกำลังท้อง ควรกินอาหารตรงเวลา แต่ต้องปล่อยให้ท้องว่างรอลูกชายคุณพี่! ยัยจิน ลูกสาวเราก็อยู่ในช่วงสอบแทนที่จะได้รีบไปอ่านหนังสือ ถ้ามารยาทแย่ไม่ตรงต่อเวลาไม่รู้จักขอโทษอย่างนี้ ดิฉันจะไม่ให้ลูกๆ รอลูกชายคุณพี่อีก!”
“ใครขอให้รอไม่ทราบ หิวก็กินสิ ผมไม่ได้เอาเชือกมัดปากคุณไว้” สายตาปรเมศวร์น่าเกรงขาม เกลียดชังหน้าเมียน้อยพ่อ ถ้าไม่ถูกหาเรื่องก่อนอย่าหวังว่าเขาจะเสียเวลาพูดด้วย
“ปลื้มพูดแบบนี้ไม่ถูก พวกเราอยู่บ้านหลังเดียวกัน ในเมื่อปลื้มจะกลับมากินข้าวที่บ้าน ต้องรอเป็นมารยาทอยู่แล้ว”
“ขอบใจ แต่ถ้ารอแล้วมาพูดจาน่ารำคาญให้ผมได้ยิน วันหลังไม่ต้อง มองทำไม! ท้องอยู่ก็รีบให้อาหารลูกทางปากเธอสิฟ้า! ยัยจินอีกคน จะสอบแล้วไม่ใช่เหรอ รีบๆ กิน รีบๆ ไปอ่านหนังสือ ยัยจ๋าจะจบปีหน้า ตัวเองเป็นพี่แต่เรียนปีสามไม่ผ่านสักที อายคนอื่นบ้างไหม เรียนไม่ไหวก็อย่าฝืนลาออกไปเต้นกินรำกินเลยไป!”
“คุณแม่!”
สุจิราเขย่าแขนมารดาไม่พอใจที่ถูกปรเมศวร์ค่อนแคะเรื่องการเรียน มีความสามารถสอบเข้าคณะแพทย์ได้แต่ไม่มีปัญญาเรียนจบ น้องสาวเกิดทีหลังไม่รู้กี่ปียังอุตส่าห์เรียนแซงหน้า
“แทนที่ปลื้มจะให้กำลังใจน้องกลับพูดจาทำร้ายน้ำใจ!”
“ให้กำลังใจคนหัวทึบไม่ต่างจากให้กระจกคนตาบอด ท่าทางลูกๆ คุณจะได้ความฉลาดจากพ่อมาแค่ยัยจ๋า!”
“พี่ปลื้ม!”
สุธี สุจิราเดือดร้อน ดิ้นพล่านๆ บนเก้าอี้ ไม่กี่ปีก่อนหน้าสุธีก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เรียนไม่จบคณะแพทย์ศาสตร์
สถานการณ์ตึงเครียด เจ้าของบ้านกลับรับประทานอาหารไม่สนใจใคร ขัดใจสิรี กลัวจะเสียหน้าไปมากกว่านี้โร่ฟ้อง
“ได้ยินลูกชายคนโปรดต่อว่าน้องกับลูกๆ ถึงขนาดนี้ คุณพี่ยังมีอารมณ์อยากรับประทานอาหารเหรอคะ!”
สิรีคำรามฮึ่มๆ บิดเนื้อตัวแสดงอาการไม่พอใจ
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ให้เธอพูดมากทำลายรสชาติอาหาร” นายแพทย์สิทธิเดชไม่ไว้หน้าภรรยาน้อย ภรรยาหลวงแสยะยิ้มได้พริบตาเดียวโดนหางเลขไปด้วย
“ปลื้มก็เหมือนกัน รีบกิน”
“รับข้าวเพิ่มไหมคะคุณหนู ช่วงนี้ไม่ค่อยกลับบ้าน ป้าคิดถึง”
ป้านวลไม่ชอบที่คุณผู้ชายใช้โทนเสียงนั้น ถือโอกาสเบียดตัวเข้าไปยืนใกล้ คุณหนูของตนน่ารักส่งยิ้มมาประจบคนแก่
“แค่สามช้อนที่ป้านวลตักให้ก็อิ่มจนพุงกางแล้วครับ เติมให้คุณแม่ดีกว่า” ปกติแล้วมารดารับประทานอาหารไม่เยอะ แต่เพราะลูกชายออกปากเองจำเป็นต้องรับข้าวช้อนที่สองจากแม่บ้าน
“ถ้าแม่นวลคิดถึงตาปลื้มก็ไปดูแลตาปลื้มที่คอนโดสิ จะได้ช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดห้อง แล้วก็จัดเตรียมอาหาร”
“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมไม่ชอบกินข้าวที่ห้อง”
“ไม่อยากให้ป้าไป เพราะกลัวจะไปจ๊ะเอ๋สาวๆ หรือเปล่า”
“อย่างอนสิครับ ไม่มีหรอก ผมชอบอยู่คนเดียว”
“คุณหนูค้างสักคืนสิคะ ป้าให้เด็กเก็บกวาดห้องไว้รอ”
“ไม่ล่ะครับ นอนไม่หลับกันพอดี”
“คุณพี่อิ่มแล้วเหรอคะ เพิ่งกินไปนิดเดียวเอง”
สิรีประจบเสียงหวาน เพิ่งเริ่มรับประทานไม่ทันไรสามีกลับวางช้อนคว้าแก้วมาดื่มน้ำ ใบหน้าดาราตกยุคร้าวระบมเมื่อสามีไม่สนใจตัวเอง แต่หันไปสนใจลูกชายคนโปรด
สิรีแค้นใจ ทั้งที่ปรเมศวร์นิสัยเสีย พูดจาไม่เพราะ สามีกลับรักลูกชายคนนี้มากเสียจนข้ามหัวลูกๆ ตนเอง
“นักข่าวมาโรงพยาบาลเยอะเหรอ เรียบร้อยดีไหม”
“เขามาทำข่าวตามหน้าที่ ไม่จำเป็นต้องสนใจส่วนนั้น”
“เมื่อวานภรรยาคนไข้ที่ปลื้มดูแลโทรหาพ่อฝากพ่อมาขอบคุณ ที่ปลื้มช่วยดูแลอาการป่วยสามีเธอดี ปลื้มทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า ไปพักผ่อนไหม ช่วงงานแต่งกันต์ก็ได้ พ่ออนุมัติให้”
“อยากไปเมื่อไหร่จะไปเอง ไม่ต้องยุ่งกับชีวิตผม”