พลั้งรักมาเฟียร้าย : ตอนที่ 14
เช้าวันถัดมา
"วันนี้คนสวยของแม่สวยจังเลยค่ะ พี่ๆพยาบาลต้องชมคนสวยของแม่แน่เลย" ฉันพูดกับลูกสาวตัวน้อยพลางเดินจูงมือเข้ามาในโรงพยาบาล ฉันไปรับอันดาอย่างที่สัญญาไว้และเราก็กลับมานอนกันที่คอนโด การมีลูกอยู่ข้างกายทำให้ฉันลืมเรื่องราวร้ายๆไปทั้งหมด ได้ยินเสียงหัวเราะ เสียงพูดของลูกยิ่งทำให้ฉันมีความสุข ฉันไม่เคยรำคาญแม้แต่นิดเดียว
"อันดาสวยเหมือนแม่นับดาวไงคะ"
คำพูดต่อปากต่อคำของลูกสาวทำเอาฉันยิ้มไม่หุบ ยิ่งโตยิ่งรู้มาก ไอคิวของอันดามากกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก จนฉันกลัวว่าจะเข้ากับเพื่อนวัยเดียวกันไม่ได้ ความคิดและการพูดของอันดาเหมือนผ่านการคิดวิเคราะห์มาหมดแล้ว ซึ่งเป็นไปได้ยากสำหรับเด็กสามขวบ หลายๆครั้งคำพูดของอันดาทำให้ฉันอึ้งไปเหมือนกัน
"คนสวยของพี่มาแล้ว...ให้พวกพี่กอดให้หายคิดถึงหน่อย" เหล่าพยาบาลที่เห็นอันดาก็รีบเดินเข้ามาหาทันที ทุกคนยิ้มให้กับเด็กสาวคนสวยประจำโรงพยาบาล พวกเธอเห็นอันดามาตั้งแต่หมอนับดาวทำงานที่นี่ เรียกว่าเป็นขวัญใจของพี่พยาบาลเลยก็ว่าได้
"อันดาคิดถึงพี่ๆทุกคนเลยค่ะ อันดาต้องอ้อนแม่นับดาวทุกวันไม่งั้นคงไม่ได้มาหาพี่ๆ" อันดาพูดเหมือนกับกำลังฟ้องให้พี่พยาบาลฟัง
"เจ้าตัวแสบ" ฉันยีผมลูกสาวเบาๆด้วยความมันเขี้ยว ความเจ้าเล่ห์ไม่รู้ติดจากใครมา ยิ่งโตยิ่งเจ้าเล่ห์และแสดงสีหน้าออกมาหมด
"วันนี้คุณหมอนนท์ไม่เข้า หมอนับดาวสนใจจะไปกินโจ๊กหน้าโรงพยาบาลกับพวกเราไหมคะ"
"สงสัยต้องติดไว้ก่อนนะคะ นับทำอาหารง่ายๆมากินกับอันดาแล้วค่ะ"
"แม่นับดาวกินข้าวกับลุงหมอนนท์ตลอดเลยเหรอคะ" อันดาถามพี่พยาบาลด้วยความสงสัย
"ไม่ทุกวันหรอกค่ะ เฉพาะวันที่หมอนนท์เข้าเท่านั้นเอง ไม่ต้องห่วงเลยนะคะพวกพี่ๆจะช่วยดูแลแม่นับดาวของน้องอันดาเป็นอย่างดีเลยค่ะ" พยาบาลสาวรู้ดีว่าเด็กน้อยไม่ชอบให้หมอนนท์เข้าใกล้แต่เผลอพูดไปอย่างลืมตัว
"ถึงไม่ทุกวันแต่แม่นับดาวก็กินข้าวกับลุงหมอนนท์อยู่ดี อันดาไม่ชอบเลยค่ะ อันดาไม่ชอบลุงหมอนนท์ ไม่ชอบให้ลุงหมอมายุ่งกับแม่นับของอันดา"
"อันดานิสัยแบบนี้แม่ไม่เคยสอนนะคะ ถ้าไม่ชอบใครแม่บอกให้เราเก็บเอาไว้ในใจไงคะ ทำตัวแบบนี้ไม่น่ารักเลยค่ะ แสดงความก้าวร้าวเกินไปแล้วนะ" ฉันใจดีกับอันดาตลอดแต่ถ้าอะไรที่ทำให้อันดาเสียนิสัยหรือแสดงอาการก้าวร้าวฉันต้องคอยตักเตือน แต่คำพูดของอันดาวันนี้มันเกินไปที่ฉันจะใจดีด้วย
"ไม่คุยกับแม่นับดาวแล้ว แม่นับดาวเห็นลุงหมอนนท์ดีกว่าอันดา" อันดารีบวิ่งออกไปทันที
"อันดา" ฉันเรียกชื่อลูกในตอนที่เขาวิ่งออกไปแล้ว อยู่ดีๆอันดาก็พูดอะไรแบบนี้ออกมาทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยมีนิสัยแบบนี้
"พวกเราต้องขอโทษด้วยนะคะหมอนับดาว พวกเราไม่ได้ตั้งใจทำให้เป็นแบบนี้"
"ไม่เป็นไรค่ะ อันดาก็เสียนิสัยด้วย นับผิดเองที่ให้เวลาเขาน้อยเกินไป" ฉันพูดจบก็รีบเดินตามลูกสาวตัวน้อยไป เห็นหลังไวๆไม่รู้หนีไปทางไหนแล้ว
"อันดา...อันดาอยู่ตรงไหนลูก" ฉันเรียกหาลูกสาวเพราะคาดกันเพียงเสี้ยวนาที ฉันไม่ได้ตั้งใจให้อันดาคิดแบบนั้น ฉันยังรักอันดาเหมือนเดิมไม่มีใครแทนที่ได้
"หมอนับดาวครับ...มีเคสฉุกเฉินเข้าด่วน คนไข้เลือดไหลไม่หยุดเลยครับ"
"ค่ะๆ ได้ค่ะ" เจ้าหน้าที่รีบวิ่งมาหาฉันด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ เป็นเช้าที่ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยก็มีเคสอุบัติเหตุมาแต่เช้า แบบนี้สินะที่เรียกว่าฉุกเฉินสมชื่อ
"นับรบกวนตามหาอันดาให้หน่อยได้ไหมคะ มีเคสด่วนเข้ามากะทันหัน แกคงอยู่แถวๆนี้" ฉันรีบวิ่งมาหากลุ่มพยาบาลที่พูดคุยกันเมื่อสักครู่ คิดว่าอันดาไม่น่าไปไหนไกลคงหลบอยู่ส่วนไหนของโรงพยาบาลสักที่ อันดาไม่ใช่เด็กเดินไปมั่วๆ ถ้าฉันตามหาอันดาคงไม่ออกมาง่ายๆแน่ เลยวานพวกพยาบาลที่สนิทกับอันดาหาแทนไปก่อน
"ได้ค่ะคุณหมอนับดาว เดี๋ยวพวกเราดูแลน้องอันดาให้ค่ะ คุณหมอไม่ต้องเป็นห่วง"
ด้านของอันดา
"อันดาไม่อยากให้แม่นับรักกับใคร อันดาอยากให้แม่นับรักกับพ่อของอันดาคนเดียว แม่นับเคยบอกว่าการที่มีอันดาเพราะเกิดจากความรักไม่ใช่เหรอคะ แม่นับไม่รักพ่อของอันดาแล้วเหรอ" เด็กสาวใบหน้าจิ้มลิ้มเดินบ่นพึมพำมาตลอดทาง
"อันดาไม่อยากให้แม่นับกับลุงหมอนนท์เป็นแฟ...."
ปึก
ตุบ
"โอ๊ย..." อันดาร้องออกมาเสียงหลง เมื่อชนกับคนที่เดินผ่านมาอย่างจังจนตัวเองลงไปนั่งกับพื้น
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับนาย"
"กูไม่เป็นอะไร"
สายตาคมกริบก้มมองเด็กสาวที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือจนเดินข้ามาชนขาเขาล้มลง แต่ที่น่าแปลกเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ร้องไห้เลยสักแอะ
"เจ็บหรือเปล่า"ชายหนุ่มร่างสูงย่อตัวลงให้เสมอกับเด็กผู้หญิงที่ยังนั่งอยู่ที่พื้นพร้อมกับยื่นมือหนาไปตรงหน้าเพื่อให้เด็กสาวเกาะมือเขาและพยุงตัวเองลุกขึ้น
"ไม่เจ็บค่ะ" อันดาจับมือหนาและพยุงตัวเองลุกขึ้น ดวงตากลมโตของเด็กน้อยมองไปที่คุณลุงใจดี "อันดาขอโทษที่เดินไม่ระวังนะคะ"
นัยส์ตาของเด็กผู้หญิงคนนี้ทำให้จัสตินชะงักไปเล็กน้อย มันน่าแปลกที่แววตาของเด็กผู้หญิงคนนี้ดึงดูดเขาจนน่าประหลาดใจ คล้ายกับใครบางคนที่เขาก็นึกไม่ออกว่าดวงตาคู่นั้นคล้ายใคร ความรู้สึกห่วงใยต่อเด็กคนนี้อยู่ดีๆก็เกิดขึ้นทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน
"ชื่ออันดา?"
"ค่ะ แล้วคุณลุงชื่ออะไรคะ"
"เธอไม่จำเป็นต้องรู้ ถึงรู้ไปเราก็คงไม่ได้เจอกันอีก"
"แต่อย่างน้อยก็แฟร์ทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอคะ คุณลุงรู้จักชื่ออันดาแล้ว อันดาก็ต้องรู้จักชื่อคุณลุงสิคะ ถ้าคุณลุงไม่บอกก็เท่ากับว่าขี้โกง"
"หึ...ตัวเท่านี้ทำเป็นพูดจาเหมือนผู้ใหญ่ ฉันชื่อ จัสติน พอใจเธอหรือยัง" จัสตินรู้สึกถูกใจคำพูดคำจาของเด็กน้อยคนนี้ซะเหลือเกิน รู้จักต่อรองจนเกินตัว และไม่ยอมเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวคล้ายกับเขาไม่มีผิด
อันดาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
"พ่อกับแม่ไปไหนทำไมถึงเดินอยู่คนเดียว ถ้าเธอไม่เดินชนฉันแต่เผลอเดินตกบันไดขึ้นมาจะทำไง"
"ไม่รู้ค่ะ อันดาเดินออกมาก่อนเพราะงอนแม่ค่ะ แต่เดี๋ยวอันดาหายงอนก็จะเดินไปที่ห้องพักของแม่เองค่ะ คุณลุงจัสตินไม่ต้องเป็นห่วง" อันดาพูดออกมาอย่างไร้เดียงสา
"งอนเองก็หายเองว่างั้น"
"ค่ะ"
"นายครับ หมอที่นัดล้างแผลน่าจะมาแล้ว ผมว่านายไปล้างแผลก่อนดีกว่าครับ จะได้กลับไปพักผ่อน" วินตันพูดด้วยความเป็นห่วงเพราะนายของเขาไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน แถมตอนเช้าก็สั่งให้พามาโรงพยาบาลเพื่อล้างแผล ต่อให้ที่คฤหาสน์มีอุปกรณ์ครบแค่ไหนแต่ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะมาล้างแผลที่โรงพยาบาล อีกอย่างเขารู้ดีว่าเด็กคนนี้ลูกใคร ถึงจะเคยเห็นแค่ครั้งเดียวตอนไปสืบประวัติแต่ก็จำได้แม่น แววตาของเด็กคนนี้เมื่อมองใกล้ๆเหมือนกับเจ้านายของเขาอย่างกับแกะ รอแค่ผลพิสูจน์เท่านั้น
"คุณลุงจัสตินจะมาล้างแผลตรงนี้เหรอคะ" นิ้วเล็กๆของอันดาจิ้มไปที่หัวคิ้วของคนตรงหน้า
บรรดาลูกน้องที่อยู่ตรงนั้นมองตากันเลิ่กลั่ก รู้ดีว่าเจ้านายหนุ่มไม่ชอบให้ใครแตะต้องบนใบหน้า ถึงแม้จะยุ่งกับผู้หญิงอื่นแต่ก็ไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนจับหน้า ยกเว้นแต่รอยแดงห้านิ้วที่ไม่มีใครรู้ว่ามาได้ยังไงในวันที่ออกจากโรงพยาบาล
"อืม" จัสตินตอบมาเพียงสั้นๆ แต่ไม่ได้หงุดหงิดกับสิ่งที่อันดาทำ เขาไม่หงุดหงิดเลยเมื่อโดนนิ้วเล็กสัมผัสบนใบหน้า ถ้าเป็นคนอื่นนิ้วนั้นคงหักคามือเขาไปแล้ว
"ให้แม่ของอันดาทำให้ไหมคะ แม่ของอันดาเก่งที่สุดในโรงพยาบาลนี้แล้วค่ะ"
"แม่เป็นหมอเหรอ? เก่งจริงหรือแค่ขี้โม้กันแน่" จัสตินเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
"แม่นับของอันดาเก่งจริงๆค่ะ ไม่เชื่อเดี๋ยวอันดาพาไปหาแม่นับดาวก็ได้ค่ะ อุ้ย...ลืมไปว่าตอนนี้อันดาโกรธแม่อยู่" อันดารีบปิดปากตัวเองด้วยความลืมตัวเผลอพูดไป
"แม่นับดาว?"
"นายครับ..."
"มึงรู้อยู่แล้วใช่ไหมวินตัน" จัสตินพูดแทรกและหันไปมองหน้าลูกน้องคนสนิทอย่างคาดโทษ ก่อนหน้านี้ที่พยายามเบี่ยงความสนใจของเขาไปทางอื่นเพราะลูกน้องคนสนิทรู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้ลูกใคร
"....." วินตันได้แต่ก้มหน้ายอมรับความจริง
ใบหน้าคมคายหันมามองเด็กผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้งริมฝีปากหนาระบายยิ้มออกมาอย่างเหนือกว่า ตอนแรกว่าจะไม่ยุ่งกับลูกของเธอแต่เด็กคนนี้กลับมีอะไรน่าสนใจจนอย่างทำความรู้จักให้มากขึ้น
"ไปกินไอติมกันไหม"
"แม่นับไม่ให้ไปกับคนแปลกหน้าค่ะ ถ้าแม่รู้ว่าอันดาคุยกับคุณลุง อันดาโดนดุแน่เลย"
"ก็เรารู้จักชื่อกันแล้วแสดงว่าไม่ใช่คนแปลกหน้า ลุงเห็นว่าร้านกาแฟในโรงพยาบาลมีตู้ไอติมด้วยนะ ไม่ได้ออกไปนอกโรงพยาบาลแม่นับดาวของอันดาไม่ว่าหรอก"
"อือ...เอาไงดี" อันดาทำท่าทางครุ่นคิดอยู่สักพัก "ก็ได้ค่ะ อยู่ในโรงพยาบาลไม่อันตรายเพราะอันดารู้จักพี่ๆพยาบาลทุกคน ถ้าคุณลุงทำอะไร อันดาจะร้องให้คนอื่นช่วย"
"หึๆ สมกับที่เป็นลูกของแม่นับดาวจริงๆ" จัสตินได้ยินคำขู่ของเด็กสาวถึงกับชอบใจ นิสัยไม่ต่างจากผู้เป็นแม่สักนิด
"คุณลุงจัสตินรู้จักแม่นับของอันดาด้วยเหรอคะ"
"ฉันจะตอบเมื่อเธอกินไอติมอิ่มแล้ว โอเคไหม" จัสตินยัดกายลุกขึ้นพลางยื่นมือไปจับมือเล็กๆของเด็กสาวและเดินจูงไปที่ร้านกาแฟในโรงพยาบาล สายตาคมเหลือบมองอันดาเป็นระยะในระหว่างที่เดินมาที่ร้านกาแฟ มือเล็กๆของเด็กสาวอยู่ในอุ้มมือของเขา มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกแบบนี้ เขาอุ้มลูกของอลินดากับชาร์ลมาหลายต่อหลายครั้งแต่ความรู้สึกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่เขาพึ่งเคยเจออันดาวันนี้เป็นวันแรกแต่เหมือนมีบางอย่างผูกพันกันอยู่ ดวงตากลมโตคู่นั้นไม่เหมือนนับดาวเลยแต่คลับคล้ายคลับคลากับใครสักคน