บทนำ : พลั้งรักมาเฟียร้าย
บทนำ : พลั้งรักมาเฟียร้าย
@โรงพยาบาลเอกชน
หว่อ วี่ หว่อ วี่ หว่อ....
เสียงไซเรนของรถพยาบาลดังขึ้นในช่วงกลางดึก และขับมาจอดหน้าโซนของตึกอุบัติเหตุฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว เหล่าเจ้าหน้าที่พยาบาลต่างทำงานกันอย่างคล่องแคล่วเพราะมันคือเรื่องปกติ
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของหมอสาววิ่งเข้ามาด้วยความเร็วเพื่อมารับเคสอุบัติเหตุฉุกเฉิน
"คนไข้โดนอะไรมาคะ"
“โอ๊ยยยย….” เสียงของคนเจ็บร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
"คนไข้รถล้มครับ" เจ้าหน้าที่กู้ภัยของโรงพยาบาลรีบแจ้งสถานการณ์ให้หมอรับรู้จะได้ทำการรักษาได้ถูกวิธี
"เข้าห้องฉุกเฉินได้เลยค่ะ"
เจ้าหน้าที่พยาบาลผู้ชายรีบเข็นเตียงคนไข้เข้าห้องฉุกเฉินตามที่หมอสาวสั่ง
"เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างให้พร้อม"
"ได้ค่ะคุณหมอนับดาว"
ภายในห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน
"โอ๊ยเจ็บ...คุณหมอผมเจ็บ"
เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ถูกเข็นเข้ามาร้องโอดโอยเมื่อถูกล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโดยหมอสาวคนสวย ต่อให้เธอมีใบหน้าสวยหวานแต่น้ำหนักมือของเธอไม่ได้อ่อนโยนเหมือนหน้าตาแม้แต่นิดเดียว แต่การรักษาของเธอทุกคนต่างยอมรับว่าเธอเป็นหมอที่เก่งและชำนาญในการรักษาเป็นอย่างมาก
"ทนค่ะ ถ้าไม่ล้างให้สะอาดแผลจะติดเชื้อ ถ้าเกิดติดเชื้อ เชื้อจะลามเข้าผิวหนัง คนไข้ต้องคว้านเนื้อออกจะเจ็บกว่านี้ค่ะ" ฉันพูดพลางราดแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อที่ขาเด็กหนุ่มไปด้วย แผลสดพวกนี้ต้องได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี และต้องมั่นใจว่าแผลสะอาดจริงๆ ไม่งั้นขาของเด็กคนนี้ก็จะโดนขูดเนื้อออกอย่างที่ฉันพูดออกไป ไม่ใช่แค่คำขู่ให้เด็กหนุ่มกลัว
"ก็ผมเจ็บอะหมอ จะให้ทนได้ยังไง"วัยรุ่นหนุ่มพูดสวนกลับทันที
"ทีหลังแข่งรถกันก็อย่าล้มสิคะถ้าไม่อยากเจ็บตัว หรือไม่ก็นอนอยู่บ้านค่ะจะได้ไม่เจ็บตัว"
"คุณหมอรู้ได้ไงว่าผมแข่งรถมา ผมอาจจะขับมาแล้วหมาตัดหน้าก็ได้"
"โอ๊ย...แสบๆ โอ๊ยย เบาๆหมอ โอ๊ย คนอะไรมือหนักเป็นบ้า"
"......" ฉันไม่ได้ตอบคำถามของเด็กหนุ่มแต่ฉันทำงานที่นี่มาสองปีแล้ว ส่วนใหญ่เคสที่มาดึกๆขนาดนี้ก็ไม่พ้นเรื่องแข่งรถกัน ยิ่งเป็นพวกวัยรุ่นวัยคึกคะนองจุดจบก็สภาพแบบนี้ ฉันรับเคสคนไข้แบบนี้อยู่เกือบทุกวัน ไม่แปลกที่ฉันจะเดาออกว่าเด็กพวกนี้ไปทำอะไรมา โชคดีที่ครั้งนี้ฉันรับเคสคนไข้ที่สามารถเถียงกลับมาฉอดๆได้ บางครั้งรับเคสคนไข้จากกู้ภัยก็หมดลมหายใจไปบ้าง บางคนมาแขนขาหักจนผิดรูป อุบัติเหตุเล็กใหญ่ต่างกันออกไป ฉันถือว่าเด็กคนนี้ยังโชคดีกว่าคนอื่นที่เขายังได้กลับบ้านไปหาพ่อแม่มากกว่านอนรอพ่อแม่อยู่ในห้องดับจิต
"เรียบร้อยค่ะ ต้องมาล้างแผลทุกวันนะคะ เดี๋ยวหมอจะลงวันนัดไว้ให้" ฉันพูดกับเด็กหนุ่มหลังจากพันผ้าพันแผลให้จนเรียบร้อย
"แล้วถ้าผมไม่อยากล้างอะหมอ มันเจ็บ มันแสบ"
"ไม่ล้างได้ค่ะ" ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มออกมา
"จริงนะ" เด็กหนุ่มทำหน้าตาดีใจเพราะไม่อยากเจ็บอีกแล้ว
"อีกสองวันเตรียมคว้านแผลเอาเนื้อที่ตายออกได้เลยค่ะ หมอจะทำการผ่าตัดให้เอง เท่าที่ดูแผลที่ใหญ่สุดคงควักเอาเนื้อออกประมาณห้าเซนต์เลย ยังไม่รวมที่แขนอีก ได้นอนหยอดข้าวต้มอยู่โรงพยาบาลหลายอาทิตย์ คงไม่ได้ไปแข่งรถอีกนานเลยค่ะ ขาก็แหว่ง แขนก็แหว่ง สาวๆเห็นแผลเป็นพวกนั้นคงกลัวกันน่าดู ไม่แน่ถ้าเชื้อลามไปไกลคงต้องตัดขา..."
"พอๆ ผมไม่อยากฟัง พรุ่งนี้ผมจะมาล้างแผลตามนัดพอใจหมอหรือยัง" เด็กหนุ่มวัยรุ่นพูดอย่างหัวเสีย ใบหน้าละอ่อนซีดเผือดเมื่อฟังคำพูดจากหมอสาว
"ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อย...เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะพาไปที่ห้องรับยานะคะ" นับดาวพูดจบก็เดินออกมาเลย เพียงแค่หันหลังให้เด็กหนุ่มริมฝีปากบางก็ระบายยิ้มออกมา
"เฮ้อ..." ดวงตากลมโตเงยมองนาฬิกาของโรงพยาบาลบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาตีห้าแล้ว ในทุกๆวันฉันต้องเจอเรื่องราวมากมายไม่ว่าจะตอนกลางวันหรือกลางคืน คนไข้นับสิบคนนิสัยก็ต่างกันทั้งสิบคน บางคนก็พูดรู้เรื่อง บางคนก็รั้นหัวชนฝา จนฉันต้องหาวิธีพูดต่างๆเพื่อให้แต่ละคนใจอ่อน บางครั้งก็ต้องปลอบบรรดาญาติไปด้วยถ้าเกิดคนไข้รายนั้นหมดลมหายใจ มันไม่ง่ายเลยกับการเป็นหมอ เรียนที่ว่าเหนื่อยแล้ว ทำงานยิ่งเหนื่อยกว่า
"คนไข้มารูปแบบไหนอีกคะคุณหมอนับดาว" พยาบาลสาวเอ่ยแซว
"คนนี้พูดง่ายค่ะ แค่ขู่นิดขู่หน่อยก็กลัวแล้ว แต่ก็อดห่วงไม่ได้กลัวว่าพรุ่งนี้จะไม่มานะสิ"
"พวกเราเชื่อว่าคำพูดของหมอนับดาวทำให้คนไข้ยอมมาตามนัดแน่นอนค่ะ" พยาบาลพูดความจริงเพราะทุกครั้งที่คนไข้งอแงหรือดื้อรั้น ก็ต้องวานให้หมอนับดาวคนสวยไปช่วยพูดเกลี้ยกล่อมจนยอมมาตามนัดกันทุกคน
ฉันพยักหน้าอย่างยิ้มๆ และเดินเข้าห้องพักส่วนตัวของหมออย่างเช่นเคย อาชีพหมอไม่มีเวลานอนที่ตรงกันสักวัน เข้าเวรเช้าบ้างดึกบ้างสลับกันไปและบางครั้งก็อยู่ยาวจนเกินเวลาออกเวรถ้าเกิดติดเคสใหญ่ๆ เวลาพักผ่อนของฉันก็ไม่เหมือนคนอื่นด้วยจรรยาบรรณของหมอที่ต้องดูแลคนไข้
ใบหน้าหวานแสดงอาการอิดโรยออกมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเข้ามาในห้องพักของตัวเอง ฉันเป็นหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้มาได้สองปีแล้ว หลายคนคงคิดว่าฉันต้องมีเงินแน่เพราะกว่าจะเป็นหมอได้ค่าเรียนแพงมาก ผลลัพธ์คือเงินเดือนสูง ทุกคนเข้าใจถูกหมด ค่าเทอมแพงจริงแต่ฉันก็ต้องกู้เรียนด้วยฐานะครอบครัวฉันไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น เงินเดือนสูงแต่ค่าใช้จ่ายก็สูงไม่แพ้กัน ฉันเปรียบเสมือนหัวหน้าครอบครัวเพราะพ่อของฉันเสียไปตั้งแต่เด็กทำให้อาชีพหมอเป็นอาชีพที่ฉันใฝ่ฝันตั้งแต่นั้นมา ฉันไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักต้องเจ็บป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ถ้าต้องเข้าโรงพยาบาลฉันจะทำการรักษาด้วยตัวเองและทำทุกวิถีทางให้ครอบครัวฉันรอดพ้นความตาย
เหตุการณ์วันนั้นที่พ่อหลับลงตรงหน้ายังตราตรึงในหัวใจมาตลอด เราไม่เงินที่จะไปรักษาโรงพยาบาลเอกชน เราใช้แค่สิทธิ์ผู้ป่วยโรงพยาบาลรัฐธรรมดา ไร้ซึ่งการดูแลของแพทย์เฉพาะทาง สั่งจ่ายยาตามเวลาตามอาการเบื้องต้น วินิจฉัยตามอาการวันต่อวัน เหตุการณ์ทั้งหมดมันทำให้ฉันเจ็บปวด มองพ่อนอนเจ็บปวดอยู่บนเตียงได้ยินแค่คำพูดจากปากหมอว่าให้ทำใจ ฉันเชื่อว่าถ้าวันนั้นพ่อฉันถูกรับการรักษาอย่างถูกวิธีคงไม่เป็นแบบนี้ พอโตขึ้นฉันได้มีความรู้เรื่องการแพทย์ทำให้ฉันรู้ว่าอาการของพ่อควรรักษาแบบไหนแต่มันก็สายเกินไปแล้ว