พลั้งรักมาเฟียร้าย : ตอนที่ 1
8.00 น.
"คุณหมอคนสวยวันนี้ทานอะไรดีคะ" แม่ค้าพูดทักทายหมอสาวด้วยท่าทางเป็นกันเอง
"โกหกนับอีกแล้วนะจ๊ะ สภาพพึ่งออกเวรตอนเช้าไม่หลงเหลือความสวยเลยค่ะ"
ฉันออกเวรและเลือกซื้ออาหารกับขนมในตลาดช่วงเช้าหน้าโรงพยาบาล มันเป็นเรื่องปกติก่อนที่จะกลับคอนโด หมออย่างฉันกินข้าวไม่เคยตรงเวลา พักผ่อนไม่เหมือนคนอื่น อย่างเช่นวันนี้ที่คนอื่นเร่งรีบเข้างานกันแต่เช้า แต่ตัวฉันพึ่งเลิกงานด้วยสภาพที่อิดโรย เวลาเข้าเวรดึกทีไรร่างกายฉันมันอ่อนล้ามากกว่าปกติ
"ป้าก็ยังมองว่าคุณหมอนับดาวสวยเสมอ ต่อให้ออกเวรเช้าหรือออกเวรเย็น"
"พูดแบบนี้อยากเหมาหมดเลยจ้ะ" ฉันพูดหยอกล้อกับแม่ค้าด้วยท่าทางสนิทสนมเพราะเป็นร้านที่ฉันซื้อกับข้าวประจำ ฉันจะเลือกซื้อกับข้าวแค่สองอย่าง เพราะฉันใช้ชีวิตอยู่คนเดียว บ้านของฉันอยู่แถวชานเมืองไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองถ้าจะไปกลับบ้านโรงพยาบาลก็ค่อนข้างไกล ฉันเลยเลือกที่จะอยู่คอนโดไม่ไกลจากโรงพยาบาลไปกลับสะดวกกว่าอีกอย่างก็สามารถเดินไปได้โดยที่ไม่ต้องนั่งรถโดยสารหรือใช้รถส่วนตัวให้วุ่นวาย
คอนโดใจกลางเมือง
ติ๊ง...
ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อมาถึงชั้นเป้าหมาย คอนโดที่ฉันอยู่ค่อนข้างปลอดภัยและหายห่วงเรื่องขโมย ทำให้ฉันอยู่คนเดียวได้โดยไม่ต้องหวาดหวั่น
แกร่ก...
ดวงตากลมโตมองไปรอบๆห้อง ขนาดห้องระดับปานกลางไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินตัว นับดาววางของที่ซื้อมาจากตลาดไว้บนโต๊ะและนั่งลงบนโซฟาตัวเล็กด้วยความเหนื่อยล้า
"เฮ้อ...ผ่านไปอีกหนึ่งวัน เหนื่อยจังเลย"
ครืด ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตรงเวลาอย่างเช่นทุกวัน ริมฝีปากบางระบายยิ้มออกมาและไม่ต้องดูหน้าจอด้วยซ้ำว่าใครโทรเข้ามา แค่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ความเหนื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง
"ว่าไงคะคนสวยแม่" ฉันเปิดหน้าจอวิดีโอคอลก็ทักทายลูกสาวแสนสวยวัยสามขวบที่อยู่ในชุดนอนและยังแสดงอาการงัวเงียบ่งบอกว่าเด็กน้อยพึ่งตื่นนอน
(เมื่อไหร่แม่จะมาหาอันดาคะ อันดาคิดถึงแม่นับดาว)
"หื้ม...แม่พึ่งกลับมาเมื่อวานเองนะคนเก่ง คิดถึงแม่อีกแล้วเหรอคะ" ฉันอดที่จะอมยิ้มกับท่าทางออดอ้อนของลูกสาวแสนน่ารักไม่ได้
(อันดาคิดถึงแม่ทุกวันเลยค่ะ อันดาอยากให้แม่มาหาอันดาทุกวันเลย)
"จำที่แม่เคยบอกได้ไหมคะ"
(อันดาต้องอยู่กับยาย อันดาต้องตั้งใจเรียนหนังสือ ปิดเทอมแม่นับดาวจะมารับอันดาไปอยู่ด้วย แล้วไปเล่นกับพี่ๆพยาบาล)
"เก่งมากค่ะ เรามีข้อตกลงกันอยู่นะ ถึงอันดาจะอยู่ชั้นอนุบาลหนึ่งแต่อันดาก็ต้องตั้งใจเรียน ฟังคุณครูนะคะ อาทิตย์หน้าแม่ก็จะไปหาอันดาเหมือนเดิม อย่างอแงกับคุณยายรู้ไหมลูก" ฉันพูดไปพร้อมกับมองหน้าลูกสาวผ่านหน้าจอมือถือ ไม่ใช่แค่อันดาที่คิดถึงฉัน ฉันเองก็คิดถึงลูกเหมือนกัน แค่วันเดียวที่เราห่างกันก็นานสำหรับฉันเหมือนกัน แต่ฉันต้องเข้มแข็งไม่อ่อนแอให้เขาเห็น
(ตัวแสบเอาโทรศัพท์ยายไปกวนแม่อีกแล้วเหรอ)
ฉันยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงแม่สุดที่รักดังเล็ดลอดเข้ามา และก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งเพราะอันดาชอบหยิบโทรศัพท์มาโทรหาฉันตลอดตอนยายเผลอ
"นึกว่ายายตั้งใจให้หลานหยิบมาเล่นซะอีก" ฉันอดที่จะแซวแม่ตัวเองไม่ได้ ต่อให้บ่นยังไงสุดท้ายก็กลายเป็นคนตามใจหลานอยู่ดี แค่อันดาอ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ทำตามหลานแล้ว
(ไม่ต้องมาบ่นแม่เลยนะ ว่าแต่พึ่งเลิกงานเหรอลูก เหนื่อยไหม)
"ถ้าบอกว่าไม่เหนื่อยก็คงโกหกสินะ งั้นนับบอกว่าเหนื่อยเป็นเรื่องปกติดีกว่า"
(เจ้าสำนวนพอกันทั้งแม่ทั้งลูก แม่บอกแล้วว่าอันดาเรียนโรงเรียนใกล้บ้านก็ได้ ค่าเทอมไม่แพง เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก นี่เรียนเอกชนค่าเทอมก็หลายหมื่นนับเองก็เป็นเสาหลักให้บ้านทุกอย่าง อีกอย่างโรงเรียนแถวนี้ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ถ้าขาดตรงไหนค่อยพาอันดาไปเรียนเสริมก็ได้นะลูก ส่วนรายเดือนที่ให้แม่ก็ไม่จำเป็นเลย แม่อยู่กับหลานสองคนไม่ได้ใช้จ่ายอะไรเยอะ นับทำเพื่อตัวเองบ้างเถอะลูก)
"อันดาขา...หนูตื่นแล้วต้องไปทำอะไรคะ อาบน้ำล้างหน้าหรือยังนะ จำที่แม่สอนได้ไหมคะ" ฉันหันไปพูดกับลูกด้วยรอยยิ้ม ยังไม่ได้ตอบผู้เป็นแม่
(โอเคค่ะ อันดาไปแปรงฟันอาบน้ำก่อนนะคะ อันดารักแม่ค่ะ จุ๊บ) เด็กน้อยวัยสามขวบจูบหน้าจอโทรศัพท์และรีบวิ่งไปตามที่แม่บอก
"นับไม่อยากให้อันดารู้สึกขาดอะไรเลยค่ะแม่ นับยอมเหนื่อยทุกอย่างเพื่อลูกกับแม่ได้อยู่สบาย ต่อให้ส่งอันดาเรียนค่าเทอมเป็นแสนนับก็ยอมค่ะ นับจะส่งเสริมอันดาทุกทางให้เขาเพียบพร้อมทุกอย่าง นับจะไม่ละเลยลูกต้องการเติมสิ่งดีๆให้ลูกค่ะแม่ อันดาจะไม่ขาดอะไรเลยแม้แต่ความอบอุ่น" ฉันพูดด้วยแววตาเศร้าลงเมื่อเห็นว่าลูกสาวตัวน้อยออกไปแล้ว ต่อให้เรื่องราวในอดีตฉันเจ็บช้ำแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยเอาความเจ็บช้ำนั้นมาแสดงให้ลูกเห็น ฉันเป็นทั้งพ่อและแม่ให้อันดาได้ดีมาตลอด
(แม่ก็ไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องราวในอดีตนะลูก แต่สักวันอันดาก็ต้องถามว่าพ่อของเขาคือใคร แค่ทุกวันนี้อันดาก็เริ่มมีความคิดเพราะเห็นพ่อกับแม่ของเพื่อนไปส่งที่โรงเรียน นับเตรียมคำตอบนั้นไว้แล้วใช่ไหม)
"พ่อของอันดาตายไปตั้งแต่อันดาอยู่ในท้องค่ะแม่ นั่นคือคำตอบของนับที่จะบอกลูก"
(นับดาว...) ผู้เป็นแม่แววตาหม่นหมองเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวพูดออกมา เธอรู้ดีว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกสาวเธอพูดเลย แต่ด้วยเรื่องราวในอดีตทำให้นับดาวเจ็บช้ำมามากก็ไม่แปลกที่ลูกสาวของเธอจะพูดแบบนี้
"นับขอวางสายก่อนนะคะแม่ พึ่งถึงห้องยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตาเลยค่ะ"
(งั้นพักผ่อนนะลูก ถ้าเหนื่อยก็กลับบ้านเรานะลูก)
ฉันยิ้มให้กับผู้เป็นแม่ก่อนจะกดตัดสายวิดีโอคอล หลังจากนั้นน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็เอ่อล้นคลอเบ้า มือบางกำโทรศัพท์ไว้แน่นเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต
"อันดาจะไม่มีทางรู้ว่าคุณคือพ่อของเขา อันดามีแค่แม่ที่ชื่อนับดาวคนเดียว"