บรรยากาศยามเช้าตรู่ช่างสดชื่น สนามส่วนกลางของหมู่บ้านนี้กว้างขวางพอสมควร มุมหนึ่งเป็นผู้สูงอายุที่มาออกกำลังเบา ๆ และเดินเล่น อีกทางหนึ่งคือคนที่มาวิ่งออกกำลังกายตามถนนรอบสนาม ทางฝั่งหนึ่งคือเครื่องเล่นสนาม และด้านในสุดคือสระน้ำของหมู่บ้านที่มีข่าวเล่าลือว่าเคยมีคนเห็นอะไรแปลก ๆ แต่มันก็แค่ข่าวลืออ่ะนะ อย่าสนใจเลย
ทิวากรยกผ้าขนหนูที่พาดบ่ามาซับเหงื่อหลังวิ่งมาหลายรอบ ออกกำลังแล้วก็หิวสิ เขาเดินไปทางซุ้มศาลาที่มีรถเข็นมาขายหมูปิ้งข้าวเหนียว ลูกชิ้นปิ้ง ไก่ทอด หมูทอด แซนด์วิช และพวกน้ำดื่มหลากหลาย
หลังจากได้ลูกชิ้นปิ้งแล้วก็หิ้วมานั่งกินตรงม้านั่งใต้ต้นไม้หน้าศาลา ลูกชิ้นเจ้านี้อร่อยเด็ดตรงน้ำจิ้มนี่แหละ เขาส่งลูกชิ้นเข้าปากแล้วเคี้ยวด้วยความอร่อยจนมาถึงไม้สุดท้าย
"เฮ้ย! เมื่อคืนได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ไหมวะ?"
เสียงของชายคนหนึ่งดังเบา ๆ ด้านหลัง ทำให้ทิวากรชะงักลูกชิ้นลูกสุดท้ายที่กำลังจะเข้าปาก
"ไม่ว่ะ แต่ได้ยินป้าร้านตามสั่งที่ไปตลาดตอนตีสามบอกว่าเห็นเด็กผู้ชาย น่าจะสักม.ปลาย ตัวผอม ๆ มีแต่แผลเต็มตัว เดินร้องไห้มาแถวซอยเจ็ด แล้วก็หายไป แกตกใจแทบตาย" อีกคนหนึ่งพูดขึ้น
"เออ รปภ.ก็พูดเหมือนกัน ว่าเหมือนจะเห็นเด็กผู้ชายเดินเข้าหมู่บ้านมา ทีแรกก็คิดว่าลูกบ้านไหนสักหลัง แต่พอตามมาเพื่อจะเดินไปส่งที่บ้าน ไอ้เด็กนั่นมันก็หายไป" คนแรกเล่าอย่างออกรส
"งี้แสดงว่าหมู่บ้านเรามีผีดิวะ? มันเคยมีเด็กตกสระน้ำตายปะวะ? หรือเด็กวัยรุ่นไล่ยิงกันตาย?" อีกคนพูดแล้วพากันเดินจากไป
ทิวากรกลืนลูกชิ้นลูกสุดท้ายลงไปทั้งที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดจนต้องรีบยกน้ำดื่มอึก ๆ และตบให้มันลงคอตามลงไป
... เด็กผู้ชายร้องไห้ตอนตีสามที่ซอย เจ็ด เชี่ยล่ะ มันตรงกับที่สองคนนั่นพูดเลยนี่หว่า เพราะบ้านเขาอยู่ซอยเจ็ด!!
งั้นไอ้ที่เขาได้ยินเมื่อคืนก็ของจริงดิวะ โอยย... จากนี้จะเลิกแต่งนิยายผีเด็ดขาดแล้ว... ทิวากรซบหน้ากับฝ่ามือด้วยความปวดใจ โทรไปยกเลิกกับสำนักพิมพ์ตอนนี้ทันไหมวะ แต่มันมาเกือบจบแล้ว นิยาย 50 ตอน ที่ตอนนี้ส่งไป 47 ตอนแล้ว เหลือแค่ 3 ตอนก็ปิดเล่มได้พอดี แต่ถ้าเขียนต่อแล้วเจอแบบเมื่อคืนอีกคงไม่ไหว ประสาทกินพอดี
ทิวากรลุกขึ้นแล้วเดินกลับบ้านในสภาพโผเผเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน เหนื่อยจากการวิ่ง แล้วยังจิตหลอนจากเรื่องที่ได้ยินอีก มันอะไรกันนักหนาวะเนี่ย...
เขาเดินตามถนนในหมู่บ้านมาเรื่อย ๆ จนถึงซอยเจ็ด บ้านหลังสีน้ำตาลอ่อนสุดซอยคือบ้านเขาที่พ่อซื้อไว้ให้ก่อนจะพาแม่ย้ายไปทำรีสอร์ตที่เชียงราย ทิ้งให้เขาเฝ้าบ้านที่นี่คนเดียว
"พุ่มดอกเข็มยาวแล้วแฮะ ชี้โด่ชี้เด่น่าเกลียดเป็นบ้า บ่ายนี้ต้องมาเล็มมันหน่อยละ" ทิวากรมองพุ่มดอกเข็มสีแดงที่ปลูกไว้ตามแนวรั้ว ตั้งแต่เริ่มเขึยนนิยายผีเดอะซีรีส์ก็ไม่ได้ดูแลมันเลย เขาดึงกิ่งแห้งที่ใบร่วงออกทิ้ง หักดอกที่โรยทิ้ง ดึงต้นหญ้าที่เสนอหน้าโผล่ขึ้นมาจนสูงทิ้ง และ...
"เฮ้ย!" ทิวากรกระโดดหนีด้วยความตกใจเมื่อมือไปสัมผัสใส่อะไรบางอย่างที่ไม่ใช่กิ่งไม้ ใบไม้ ดอกไม้ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เขาปลูกไว้ แต่มันเป็นผมคน!!
"ใครวะ! มานอนซุกในพุ่มดอกไม้กู? ตกใจหมด" ทิวากรสงบใจแล้วมองให้ชัด ๆ อีกที
"คนเมา? คนไร้บ้าน? ขอทาน? คนบ้า?" เขามองคนที่นั่งคู้เข่าซุกหน้าลงในแขน ลำตัวเอนไปพิงพุ่มดอกเข็มจนมันโย้ไปนิดหน่อย
"นี่คุณคร้าบ มานอนตรงนี้ได้ไง นี่มันหน้าบ้านผม! ดอกไม้ผมเสียทรงหมดแล้ว" ทิวากรเรียกคนนอน แต่อีกฝ่ายนิ่งสนิท
"ทำไมไม่ตอบวะ? ตายยังเนี่ย?" ทิวากรเอากิ่งเข็มที่เขาหักออกเมื่อครู่ยื่นไปเคาะ ๆ ที่หัวกับแขนของคนนั่งกอดเข่า
"เฮ้ย! ตื่นสิวะ! ไปนอนที่อื่นสิ ดอกไม้พังหมดแล้วเฮ้ย!" ทิวากรเอากิ่งเข็มเคาะหัวอีกฝ่ายแรงขึ้น
"หนวกหูจัง" เสียงอู้อี้ดังลอดออกมาพร้อมมือที่ปัดกิ่งไม้หนี
"ก็ลุกไปสิวะ! นี่มันหน้าบ้านผมนะเว้ย! แถมเล่นซะพุ่มดอกเข็มพังหมดแล้วเนี่ย!" ทิวากรเริ่มเคือง ง่วงก็ง่วง ยังมาเจอคนกวนประสาท
"แค่ขอนอนก็ไม่ได้เหรอ?" คนนั่งกอดเข่าเงยหน้านิดหน่อยมองมาที่เจ้าของบ้านก่อนจะซบหน้าลงกับแขนตามเดิม
"จะนอนได้ไงเล่า นี่มันข้างรั้วนะ ลุกไปได้แล้ว" ทิวากรไล่อีก
"ไปก็ได้ครับ ขอโทษครับ" คนถูกไล่เงยหน้าคลายแขนที่กอดเข่าออกแล้วลุกขึ้นช้า ๆ อย่างอ่อนแรง ก้าวลงมาจากขอบอิฐเผาที่ทำเป็นกระถางยาวสำหรับปลูกดอกไม้ แต่พอเดินได้สองสามก้าวก็สะดุดล้มหัวทิ่ม
"ไหวไหมวะเนี่ย?" ทิวากรส่ายหน้า เขามองคนแปลกหน้าพยายามลุกขึ้นแล้วก้าวเดินไปอย่างคนไม่มีแรง สุดท้ายก็ทรุดลงไปแล้วนอนแน่นิ่ง
"อ้าว? เฮ้ย เดี๋ยวดิ! อย่ามาตายตรงนี้นะเว้ย!" ทิวากรเดินไปหาคนที่ล้มอยู่ จับเสื้อยืดเก่า ๆ แล้วดึงขึ้นมาดู และคนนอนก็ลอยตามมือทิวากรขึ้นมาอย่างง่ายดาย
"ไม่ใช่คนเมานี่หว่า แถมเป็นเด็กด้วย แล้วแผลก็เต็มตัวไปหมด นี่มันไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะเนี่ย?"
ทิวากรถอนหายใจแล้วหิ้วเด็กผู้ชายแปลกหน้าเข้าบ้าน วางนอนลงที่โซฟาแล้วไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าตาให้
"หน้าหวานจังวะ ผู้ชายจริงปะเนี่ย? หรือทอม?" ทิวากรมองคนนอนหลับตาพริ้มบนโซฟา และทิ้งเอาไว้แบบนั้นก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องชั้นสอง เด็กหลงมาจากไหนก็ไม่รู้ ไว้รอให้ตื่นค่อยถามละกัน
เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วล้มตัวลงนอนหลับเป็นตาย
----------
"อือ... แม่... ผมขอโทษ... อย่าทำผมนะพ่อ... ไม่นะ... ไม่... ไม่!!" เสียงตะโกนลั่นบ้านพร้อมร่างบางที่ผวาลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทาและชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ
"เฮ้ย! เกิดไรขึ้นวะ!" ทิวากรวิ่งตึงตังลงมาจากชั้นบนของบ้านด้วยหน้าตื่นตกใจและตาลึกโหลจากการนอนไม่พอ
"เอ่อ... ขอโทษ... คือ..." เด็กมอมแมมมองทิวากรด้วยหน้าตาตื่น ๆ แล้วมองไปรอบตัวด้วยความประหลาดใจ
"เอ่อ... คุณ... ที่นี่..."
"ฉันชื่อทิวากร แล้วนี่ก็บ้านฉันเอง นายมานอนในพุ่มดอกเข็มหน้าบ้านฉัน แถมยังเป็นลมล้มไปอีก ก็เลยพามานอนที่นี่" ทิวากรเสยผมด้วยความเพลียจัด เขาเพิ่งนอนไปได้แค่สามชั่วโมงก็ถูกปลุกด้วยเสียงร้องของไอ้เด็กนี่
"ขอโทษครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ล่ะ" เด็กมอมแมมรีบลุกขึ้นแล้วก็เซวูบล้มลง แต่ทิวากรรับตัวเอาไว้ทันก่อนร่วงไปถึงพื้น
"นอนพักให้หายก่อนแล้วค่อยไปเถอะ" ทิวากรถอนใจแล้วอุ้มเด็กมอมแมมมาวางนอนลงบนโซฟาตามเดิม เจ้าเด็กนี่ตัวเบามาก แถมผอมจนจับได้กระดูกซี่โครงใต้เสื้อยืดเก่าที่แทบจะขาดตามมือ ได้กินอะไรบ้างไหมวะนี่?
"ขอโทษครับ" เด็กมอมแมมพูดเสียงเบาราวกับไม่มีแรง ทิวากรมองหน้าซีดเซียวแล้วถอนหายใจอีกที
"ไปอาบน้ำก่อนเถอะ มอมกว่าไอ้ข้าวตังที่ไปฟัดกับเจ้าถิ่นซะอีก แถมมีแต่แผลเต็มตัว"
ว่าแล้วชายหนุ่มก็หิ้วเด็กผู้ชายตัวบางเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำ จับถอดเสื้อยืดเก่าคร่ำคร่าจนมองสีเดิมไม่ออกโยนทิ้ง ถอดกางเกงยีนเก่าที่มีแต่รอยปุปะทั่วตัวโยนทิ้งตามไป เปิดฝักบัวรดตั้งแต่หัวลงมา
"อ๊ะ! เย็นครับ" เด็กตัวบางร้องออกมาแล้วยืนกอดอกตัวสั่นสะท้านมต้สายน้ำเย็น
"ทนเอาน่า แป๊บเดียว" ทิวากรจับสระผม อาบน้ำ ถูสบู่ทั้งตัว ไม่เว้นแม้แต่ส่วนกลางตัว
"อ๊ะ! ตรงนั้นผมถูเอง" เด็กชายคว้าสบู่ในมือทิวากรแล้วหันหลังให้
"ถูให้สะอาดนะ ให้ไวด้วย ฉันหิวแล้ว" ทิวากรเร่ง
"ครับ ทราบแล้วครับ" เด็กตัวบางรับคำแล้วรีบถูสบู่จนเอี่ยมทุกซอกทุกมุม ก่อนจะคว้าฝักบัวในมือทิวากรไปล้างสบู่ออกจากตัวจนสะอาดหมดจด
"เออ อาบน้ำแล้วค่อยดูเข้าท่าหน่อย ดีกว่าสภาพแมวตกท่อแบบเมื่อเช้าเยอะ" ทิวากรยื่นผ้าเช็ดตัวให้คนที่ยืนตัวสั่นกุมส่วนสำคัญไว้
สักพักเด็กผู้ชายมอม ๆ ก็อยู่ในเสื้อยืดตัวหลวมโคร่งเคร่งและกางเกงขาสั้นที่ผูกเอวไว้กันหลุด ผมที่ยาวปรกหน้าถูกหวีเสยไปจนเป็นทรง
"มานี่สิ" ทิวากรดึงเด็กตัวบางมานั่งที่โซฟาแล้ววางกล่องยาลงข้าง ๆ เขาทายาแก้ปวดบวมลงตรงรอยฟกช้ำดำเขียวทั่วตัวไม่เว้นแม้แต่ขอบตา แก้มที่บวมช้ำ ปากก็แตก
"ไปมีเรื่องกับใครมาเนี่ย? ทำไมมีแต่รอยช้ำทั่วตัว แล้วยังมีรอยไม้ฟาดที่ขากับหลังหลายรอยด้วย" ทิวากรทายาใส่แผลที่โดนฟาดจนแตกเป็นริ้วอย่างเบามือ
"โดยเฉพาะตรงนี้ เกือบโดนตาแล้ว" เขาลูบที่ใต้ตาขวาเบา ๆ มันเป็นรอยของมีคมบาดลึก ถึงเลือดจะไม่ไหลและแผลเริ่มตกสะเก็ด แต่คงกลายเป็นรอยแผลเป็นแน่
เด็กตัวบางไม่ตอบ แววตาคู่สวยสลดลงและนั่งก้มหน้าเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรเลย
"ช่างเถอะ นั่งเล่นรอสักพักนะ เดี๋ยวจะหาอะไรให้กิน" ทิวากรลูบหัวเด็กหงอยแล้วลุกไปหุงข้าว ทำไข่เจียวหมูสับกับผัดผักอีกอย่าง
เด็กตัวบางมองตามทิวากรเงียบ ๆ แล้วยกมือลูบแผลที่ใต้ตาขวาก่อนจะพึมพำออกมาแผ่วเบา
"พ่อครับ..."
-------------------------