“ฉันจะต้องทำอะไรสักอย่างกับนังเด็กเหลือขอนั้น”
คุณหญิงไขศรีวางไอแพคเครื่องโปรดลงอย่างแรงกับโต๊ะกระจกตรงหน้าเมื่อเพิ่งจะได้เห็นภาพของณลินหลานสาวคนโตที่ใส่ชุดว่ายน้ำน้อยชิ้นถ่ายแบบที่ริมชายหาดที่บรรดาเพื่อนที่เป็นคุณหญิงคุณนายด้วยกันส่งมาให้ดูพร้อมกับเม้าท์มอยกันสนุกปากในทางเสียๆหายๆ
อารมณ์โกรธเคืองที่แทบจะไม่เคยจางหายหลังจากทะเลาะกับหลานสาวเมื่อหลายวันก่อนปะทุขึ้นอีกที่ต้องมาตกเป็นคุณหญิงผู้มีแต่ความขายขี้หน้าไม่เว้นแต่ละวัน
ตระกูลเก่าแก่ของเธอต้องเสื่อมเสียวันละไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบกับหลานนอกคอกคนนี้
อาชีพดีๆมีตั้งเป็นร้อยเป็นพันกลับไม่ทำ แต่กลับไปขายรูปร่างแลกกับเงิน
“อย่าเลยค่ะคุณแม่ หนูณิก็แค่ดื้อไปบ้าง เดี๋ยวคุณแม่เรียกมาคุณแกก็กลับมาน่ารักเหมือนเดิม”
ลักษณาลูกสาวคนเล็กของคุณหญิงไขศรีรีบเอ่ยขอร้องคนเป็นเพื่อช่วยหลานสาวลูกของพี่สาวของเธอ
“นังเด็กนั้นมันเคยน่ารักหรือไง มันก็เหมือนแม่มันนั้นแหละ”
ไขศรีหันไปตวาดลูกสาวเบาๆที่เป็นคนดีเสียใจเคยตัว คิดแต่ว่าเด็กเหลือขอนั้นจะเป็นคนดีอย่างที่คนอื่นเขาเป็นๆกัน
แต่เปล่าเลย ลองใครไปญาติดีกับเด็กคนนั้นไม่เกินนาทีมันแว้งกันอย่างกับงูพิษ
นิสัยเสียๆแบบนี้ก็เหมือนกับจันทราแม่ของมันที่ตายจากโลกนี้ไปแล้วไม่มีผิด
“คุณแม่”
ลักษณาเรียกผู้เป็นแม่ของเธอเบาๆเพื่อให้ท่านนั้นคลายความโกรธเคืองหลานสาวคนโตลงไปบ้าง
“ฉันต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่นังเด็กนั้นมันจะมาทำอะไรหนูอิ้ง”
ไขศรีไม่ฟังใครหน้าไหนทั้งนั้น ยังไงเธอก็ต้องจัดการให้ณลินไปให้พ้นๆจากที่นี้
เพราะเธอคงอยู่บนโลกใบนี้ได้อีกไม่นานด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันและมีเรื่องของณลินมากระตุ้นให้เธอปวดหัวใกล้จะตายได้ทุกวันอีกด้วย
วาสิตาหลานสาวคนเล็กที่เธอรักและเป็นห่วงจะต้องอยู่อย่างปลอดภัยและห่างจากณลินในวันที่เธอได้จากลาโลกใบนี้ไปแล้ว
เธอจะต้องทำอะไรสักอย่างที่ควรจะทำมานานแล้วเพื่อกำจัดณลินไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้
“พี่ณิไม่ทำอะไรหนูหรอกค่ะ คุณยายอย่าไปยุ่งกับพี่ณิเลยนะคะ”
วาสิตาที่นั่งอยู่ข้างๆผู้เป็นยายรีบพูดขอร้องขึ้นมาเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องทะเลาะกันอีก
เพราะถ้าณลินรู้ว่าผู้เป็นยายคิดจะทำอะไรเธอ เธอต้องตอบกลับมาแบบหนักกว่าแน่นอน
ในฐานะหลานสาวเธอก็เลยไม่อยากเห็นผู้เป็นยายต้องเจอกับอะไรแบบนั้น
“โทรไปนัดคุณศจีกับคุณอาทิตย์ให้ฉันด้วย ฉันอยากเจอคนทั้งคู่เร็วที่สุด”
ไขศรีไม่ฟังคำห้ามปราบของลูกและหลาน เธอเดินหน้าตามแผนการที่คิดเอาไว้ในหัวทันที
“คุณแม่จะจับหนูณิแต่งงานเหรอคะ”
ลักษณาพูดขึ้นเมื่อได้ยินว่าคุณแม่ของเธอต้องการที่จะพบใคร เธอพอคาดเดาความคิดของท่านออก
เพราะคนทั้งสองที่คุณแม่ของเธออยากเจอเกี่ยวข้องกับบ้านของเธอด้วยเรื่องจดหมายก่อนตายของคุณพ่อ ที่ท่านนั้นเขียนยกหลานสาวให้แต่งงานกับลูกชายบ้านนั้นหนึ่งคน
“ใช่”
ใบหน้าที่ยังคงมีน้ำมีนวลของไขศรีพยักหน้าตอบคำถามลูกสาวพร้อมกับยิ้มเล็กๆขึ้นมา
เพราะกำลังดีใจที่จะเขี่ยหลานสาวที่สร้างแต่เรื่องปวดหัวออกไปจากเขตรั้วบ้านได้สักที
“อย่าทำเลยนะคะคุณแม่ ปล่อยให้หนูณิได้เลือกคนที่แกรักเถอะค่ะ อย่าไปยุ่งเรื่องของแกเลย”
ลักษณายังคงพยายามขอร้องอ้อนวอนให้เป็นแม่อยู่เพื่อหวังให้ท่านเปลี่ยนใจ
“ฉันอยากให้มันแต่งงาน ให้มันออกไปให้พ้นๆบ้านฉัน”
ยิ่งมีคนมาห้ามคนอย่างคุณหญิงไขศรีก็ยิ่งอยากจะทำ เพราะไม่อยากจะเห็นหน้าณลินผู้เป็นหลานที่เธอเกลียดชังอีกต่อไปแล้ว
“แต่ทางนู้นเขายินดีจ่ายเงินแทนการแต่งงานนะคะ”
ลักษณาที่รู้ดีทุกอย่างเกี่ยวกับจดหมายก่อนตายนั้นพูดเตือนสติผู้เป็นแม่ ด้วยก่อนหน้านี้ทางนั้นส่งคนเข้ามาคุยแล้วหลังจากที่มีการเปิดจดหมาย
ทางนั้นเขายินดีจ่ายเงินเพื่อให้เรื่องจบลง แต่จะไม่มีการแต่งงานใดๆทั้งสิ้น
“หน้าตาทางสังคมมันก็สำคัญกว่าเงินเสมอ”
ไขศรีที่เป็นคนฉลาดคิดออกในทันทีที่ลูกสาวร้องเตือนเธอ เธอรู้ว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อจะให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ
“สมัยนี้ไม่มีใครเขาสนเรื่องการคลุมถุงชนหรอกนะคะ คุณแม่อย่าทำเลย”
เสียงของผู้เป็นลูกสาวยังคงพยายามเอ่ยเตือนผู้เป็นแม่เพราะอย่างไรมันก็ไม่มีทางสำเร็จได้
ด้วยยุคสมัยนี้ไม่มีใครเขามาทำการคลุมถุงชนให้ลูกหลานแต่งงานกันแล้ว
“คุณยายค่ะอย่าทำเลยนะคะ”
วาสิตาเข้าช่วยแม่ของเธออีกแรง ขอร้องผู้เป็นยายไม่ให้ทำอะไรแบบนั้น
“แกสองคนไม่ต้องมาห้ามฉัน นังณิมันไม่ได้รักแกสองคนเหมือนที่แกสองคนรักมันหรอก”
ร่างกายที่แก่ชราไปตามวัยของคุณหญิงไขศรีค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินกลับเข้าห้องนอนไปพัก
ไม่อยู่ฟังคำทักท้วงอะไรของลูกกับหลานอีก เพราะเธอจะทำในสิ่งที่คิดเอาไว้แล้วอย่างแน่นอน ใครหน้าไหนก็ห้ามเธอไม่ได้
“สวัสดีค่ะคุณหญิงไขศรี”
ศจียกมือขึ้นไหว้ผู้ที่อายุมากกว่าอย่างคุณหญิงไขศรีเมื่อท่านนั้นก้าวเท้าลงจากรถ
“สวัสดีค่ะคุณศจี”
ผู้ถูกไหว้ยกมือขึ้นพนมตรงกลางอกเพื่อรับไหว้ตามมารยาทของผู้ดีอย่างเธอ
“สวัสดีครับคุณหญิง”
อาทิตย์ที่เดินตามภรรยาออกมาเพื่อต้อนรับแขกอย่างคุณหญิงไขศรีก็ยกมือไหว้ทักทายคนที่อายุมากกว่าหลายปีด้วยเช่นกัน
“สวัสดีค่ะคุณอาทิตย์”
ไขศรีรับไหว้ในแบบเดียวกับที่รับไหว้ศจีเมื่อก่อนหน้านี้ พร้อมกับส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับทุกคน
“เชิญค่ะคุณหญิง เข้าไปนั่งคุยในบ้านกันค่ะ”
ศจีรีบเชิญแขกของเธอเข้าบ้านทันทีตามมารยาทด้วยเธอรู้ดีว่าคุณหญิงไขศรีเน้นเรื่องมารยาทมากแค่ไหน
เธอไม่อยากจะให้บ้านของเธอดูไม่ดีทั้งที่ก็พอจะรู้ว่าคุณหญิงคนนี้มาทำอะไรที่บ้านของเธอ
“ฉันขอพูดตรงๆเลยนะ”
ไขศรีเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ตามคำเชิญ และนั่งลงจิบชายามบ่ายที่ในห้องรับแขกของบ้านนี้ตามธรรมเนียมผู้ดี
และเธอก็ไม่รอให้เวลาเดินหน้าไปอย่างเสียเปล่า รีบพูดธุระที่ทำให้เธอต้องมาถึงที่นี้ด้วยตัวเอง
“เชิญครับ”
อาทิตย์ที่พอจะคาดเดาการมาของคุณหญิงไขศรีออกเหมือนกับภรรยาของเขาเปิดโอกาสให้คุณหญิงได้พูด
เพราะไหนๆท่านก็ตั้งใจมาแล้วจะให้กลับเลยโดยไม่ได้ทำอะไรก็คงดูเสียความตั้งใจพอสมควร
“ฉันอยากจะทวงสัญญาการแต่งงานที่คุณจารึกเคยเขียนจดหมายเอาไว้ก่อนที่จะเสียชีวิต”
คนที่แทบจะไม่เคยพูดถึงผู้เป็นสามีเลยอย่างคุณหญิงไขศรีเพราะโกรธเคืองที่ผู้เป็นสามียกทรัพย์สมบัติให้หลานสาวเหลือขอจนหมด กลับเอาชื่อของสามีมาพูดอีกครั้งเพื่อกำจัดหลานสาวเหลือขอให้พ้นทาง
“เราเคยคุยกันเรื่องนี้ไปนะครับ”
อาทิตย์พูดกระตุ้นความจำของคุณหญิงขึ้นมาเล็กน้อยเพราะท่านคงอายุเยอะแล้วคงจะมีอาการหลงลืม
“พวกคุณจะเบี้ยวสัญญาของคนตายก็ตามใจ ข่าวหน้าหนึ่งคงดังพอสมควร”
ไขศรียอมกลืนคำพูดของตัวเองที่เคยบอกว่าจะไม่เอาอะไรอีกแล้วที่มันเกี่ยวกับสามีของเธอลงคง
ยอมกลายเป็นคนกลับกลอกเพื่อให้แผนการที่วางเอาไว้สำเร็จไปให้ได้
เพราะถ้าณลินแต่งงานกับคนบ้านนี้ มรดกที่เด็กนั้นได้รับก็จะถูกส่งคืนให้กับเธอไปจัดการเสียใหม่ และเธอก็จะยกมรดกนั้นให้กับหลานสาวอย่างวาสิตาที่เธอนั้นรัก
“ไม่มีใครเขาสนใจเรื่องจับแต่งงานหรอกครับ มันล้าสมัยไปแล้ว”
อาทิตย์เริ่มจะอารมณ์ขึ้นเมื่อถูกขู่มาแบบนั้น แต่ก็พยายามจะไม่เถียงอะไรออกไปมากเพราะไม่อยากให้ภรรยาต้องตกอกตกใจ
“แต่เขาคงสนใจประวัติของลูกเลี้ยงของคุณแต่ละคน คงดังน่าดู”
ไขศรียิ้มเยาะอย่างมีชัยด้วยเธอถือไพ่เหนือกว่า เพราะเธอรู้จักคนบ้านนี้ดีโดยเฉพาะลูกเลี้ยงของอาทิตย์ทั้งห้าคนที่แต่ละคนเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฏหมายทั้งนั้น
“คุณหญิงไขศรี”
ศจีถึงกับยกมือขึ้นทาบอกเพราะรู้สึกเจ็บหัวใจที่ไม่ค่อยแข็งแรงขึ้นมานิดๆ
ไม่คิดว่าผู้ลากมากดีอย่างคุณหญิงไขศรีจะเอาเรื่องแบบนี้มาขู่
“อีกสองวันเชิญไปทานข้าวเย็นที่บ้านของฉัน ฉันอยากจะให้เด็กๆได้เจอหน้ากันสักครั้งก่อนจะจัดงานแต่ง”
ไขศรีลุกขึ้นพร้อมกับหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงขึ้นมาคล้องแขนเตรียมจะกลับบ้าน
แต่ก่อนจะกลับเธอก็ได้ทำการนัดเจอกันครั้งต่อไปเอาไว้ด้วยเพราะไม่อยากจะชักช้ายืดเยื้ออีก ด้วยไม่อาจจะทนเห็นหน้าณลินได้อีกต่อไป
“ผมจะไม่มีวันให้เรื่องบ้าบอแบบนั้นมันเกิดขึ้นได้”
อาทิตย์ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับคุณหญิงไขศรี พร้อมกับประกาศกร้าวว่าจะไม่มีทางทำเรื่องอะไรแบบนั้น
เพราะจดหมายนั้นก็ถูกเขียนเอาไว้โดยฝ่ายเดียวเขาไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยทั้งนั้น
เขาจะไม่มีวันให้ลูกๆของเขาที่ถึงแม้จะเป็นลูกเลี้ยงไปแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเด็ดขาด
“ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ไขศรีเชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจว่าเธอคือผู้มีชัยชนะแล้วก็เดินกลับออกไป