ทวงสัญญา

1832 คำ
“ฉันจะต้องทำอะไรสักอย่างกับนังเด็กเหลือขอนั้น” คุณหญิงไขศรีวางไอแพคเครื่องโปรดลงอย่างแรงกับโต๊ะกระจกตรงหน้าเมื่อเพิ่งจะได้เห็นภาพของณลินหลานสาวคนโตที่ใส่ชุดว่ายน้ำน้อยชิ้นถ่ายแบบที่ริมชายหาดที่บรรดาเพื่อนที่เป็นคุณหญิงคุณนายด้วยกันส่งมาให้ดูพร้อมกับเม้าท์มอยกันสนุกปากในทางเสียๆหายๆ อารมณ์โกรธเคืองที่แทบจะไม่เคยจางหายหลังจากทะเลาะกับหลานสาวเมื่อหลายวันก่อนปะทุขึ้นอีกที่ต้องมาตกเป็นคุณหญิงผู้มีแต่ความขายขี้หน้าไม่เว้นแต่ละวัน ตระกูลเก่าแก่ของเธอต้องเสื่อมเสียวันละไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบกับหลานนอกคอกคนนี้ อาชีพดีๆมีตั้งเป็นร้อยเป็นพันกลับไม่ทำ แต่กลับไปขายรูปร่างแลกกับเงิน “อย่าเลยค่ะคุณแม่ หนูณิก็แค่ดื้อไปบ้าง เดี๋ยวคุณแม่เรียกมาคุณแกก็กลับมาน่ารักเหมือนเดิม” ลักษณาลูกสาวคนเล็กของคุณหญิงไขศรีรีบเอ่ยขอร้องคนเป็นเพื่อช่วยหลานสาวลูกของพี่สาวของเธอ “นังเด็กนั้นมันเคยน่ารักหรือไง มันก็เหมือนแม่มันนั้นแหละ” ไขศรีหันไปตวาดลูกสาวเบาๆที่เป็นคนดีเสียใจเคยตัว คิดแต่ว่าเด็กเหลือขอนั้นจะเป็นคนดีอย่างที่คนอื่นเขาเป็นๆกัน แต่เปล่าเลย ลองใครไปญาติดีกับเด็กคนนั้นไม่เกินนาทีมันแว้งกันอย่างกับงูพิษ นิสัยเสียๆแบบนี้ก็เหมือนกับจันทราแม่ของมันที่ตายจากโลกนี้ไปแล้วไม่มีผิด “คุณแม่” ลักษณาเรียกผู้เป็นแม่ของเธอเบาๆเพื่อให้ท่านนั้นคลายความโกรธเคืองหลานสาวคนโตลงไปบ้าง “ฉันต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่นังเด็กนั้นมันจะมาทำอะไรหนูอิ้ง” ไขศรีไม่ฟังใครหน้าไหนทั้งนั้น ยังไงเธอก็ต้องจัดการให้ณลินไปให้พ้นๆจากที่นี้ เพราะเธอคงอยู่บนโลกใบนี้ได้อีกไม่นานด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันและมีเรื่องของณลินมากระตุ้นให้เธอปวดหัวใกล้จะตายได้ทุกวันอีกด้วย วาสิตาหลานสาวคนเล็กที่เธอรักและเป็นห่วงจะต้องอยู่อย่างปลอดภัยและห่างจากณลินในวันที่เธอได้จากลาโลกใบนี้ไปแล้ว เธอจะต้องทำอะไรสักอย่างที่ควรจะทำมานานแล้วเพื่อกำจัดณลินไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้ “พี่ณิไม่ทำอะไรหนูหรอกค่ะ คุณยายอย่าไปยุ่งกับพี่ณิเลยนะคะ” วาสิตาที่นั่งอยู่ข้างๆผู้เป็นยายรีบพูดขอร้องขึ้นมาเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องทะเลาะกันอีก เพราะถ้าณลินรู้ว่าผู้เป็นยายคิดจะทำอะไรเธอ เธอต้องตอบกลับมาแบบหนักกว่าแน่นอน ในฐานะหลานสาวเธอก็เลยไม่อยากเห็นผู้เป็นยายต้องเจอกับอะไรแบบนั้น “โทรไปนัดคุณศจีกับคุณอาทิตย์ให้ฉันด้วย ฉันอยากเจอคนทั้งคู่เร็วที่สุด” ไขศรีไม่ฟังคำห้ามปราบของลูกและหลาน เธอเดินหน้าตามแผนการที่คิดเอาไว้ในหัวทันที “คุณแม่จะจับหนูณิแต่งงานเหรอคะ” ลักษณาพูดขึ้นเมื่อได้ยินว่าคุณแม่ของเธอต้องการที่จะพบใคร เธอพอคาดเดาความคิดของท่านออก เพราะคนทั้งสองที่คุณแม่ของเธออยากเจอเกี่ยวข้องกับบ้านของเธอด้วยเรื่องจดหมายก่อนตายของคุณพ่อ ที่ท่านนั้นเขียนยกหลานสาวให้แต่งงานกับลูกชายบ้านนั้นหนึ่งคน “ใช่” ใบหน้าที่ยังคงมีน้ำมีนวลของไขศรีพยักหน้าตอบคำถามลูกสาวพร้อมกับยิ้มเล็กๆขึ้นมา เพราะกำลังดีใจที่จะเขี่ยหลานสาวที่สร้างแต่เรื่องปวดหัวออกไปจากเขตรั้วบ้านได้สักที “อย่าทำเลยนะคะคุณแม่ ปล่อยให้หนูณิได้เลือกคนที่แกรักเถอะค่ะ อย่าไปยุ่งเรื่องของแกเลย” ลักษณายังคงพยายามขอร้องอ้อนวอนให้เป็นแม่อยู่เพื่อหวังให้ท่านเปลี่ยนใจ “ฉันอยากให้มันแต่งงาน ให้มันออกไปให้พ้นๆบ้านฉัน” ยิ่งมีคนมาห้ามคนอย่างคุณหญิงไขศรีก็ยิ่งอยากจะทำ เพราะไม่อยากจะเห็นหน้าณลินผู้เป็นหลานที่เธอเกลียดชังอีกต่อไปแล้ว “แต่ทางนู้นเขายินดีจ่ายเงินแทนการแต่งงานนะคะ” ลักษณาที่รู้ดีทุกอย่างเกี่ยวกับจดหมายก่อนตายนั้นพูดเตือนสติผู้เป็นแม่ ด้วยก่อนหน้านี้ทางนั้นส่งคนเข้ามาคุยแล้วหลังจากที่มีการเปิดจดหมาย ทางนั้นเขายินดีจ่ายเงินเพื่อให้เรื่องจบลง แต่จะไม่มีการแต่งงานใดๆทั้งสิ้น “หน้าตาทางสังคมมันก็สำคัญกว่าเงินเสมอ” ไขศรีที่เป็นคนฉลาดคิดออกในทันทีที่ลูกสาวร้องเตือนเธอ เธอรู้ว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อจะให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ “สมัยนี้ไม่มีใครเขาสนเรื่องการคลุมถุงชนหรอกนะคะ คุณแม่อย่าทำเลย” เสียงของผู้เป็นลูกสาวยังคงพยายามเอ่ยเตือนผู้เป็นแม่เพราะอย่างไรมันก็ไม่มีทางสำเร็จได้ ด้วยยุคสมัยนี้ไม่มีใครเขามาทำการคลุมถุงชนให้ลูกหลานแต่งงานกันแล้ว “คุณยายค่ะอย่าทำเลยนะคะ” วาสิตาเข้าช่วยแม่ของเธออีกแรง ขอร้องผู้เป็นยายไม่ให้ทำอะไรแบบนั้น “แกสองคนไม่ต้องมาห้ามฉัน นังณิมันไม่ได้รักแกสองคนเหมือนที่แกสองคนรักมันหรอก” ร่างกายที่แก่ชราไปตามวัยของคุณหญิงไขศรีค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินกลับเข้าห้องนอนไปพัก ไม่อยู่ฟังคำทักท้วงอะไรของลูกกับหลานอีก เพราะเธอจะทำในสิ่งที่คิดเอาไว้แล้วอย่างแน่นอน ใครหน้าไหนก็ห้ามเธอไม่ได้ “สวัสดีค่ะคุณหญิงไขศรี” ศจียกมือขึ้นไหว้ผู้ที่อายุมากกว่าอย่างคุณหญิงไขศรีเมื่อท่านนั้นก้าวเท้าลงจากรถ “สวัสดีค่ะคุณศจี” ผู้ถูกไหว้ยกมือขึ้นพนมตรงกลางอกเพื่อรับไหว้ตามมารยาทของผู้ดีอย่างเธอ “สวัสดีครับคุณหญิง” อาทิตย์ที่เดินตามภรรยาออกมาเพื่อต้อนรับแขกอย่างคุณหญิงไขศรีก็ยกมือไหว้ทักทายคนที่อายุมากกว่าหลายปีด้วยเช่นกัน “สวัสดีค่ะคุณอาทิตย์” ไขศรีรับไหว้ในแบบเดียวกับที่รับไหว้ศจีเมื่อก่อนหน้านี้ พร้อมกับส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับทุกคน “เชิญค่ะคุณหญิง เข้าไปนั่งคุยในบ้านกันค่ะ” ศจีรีบเชิญแขกของเธอเข้าบ้านทันทีตามมารยาทด้วยเธอรู้ดีว่าคุณหญิงไขศรีเน้นเรื่องมารยาทมากแค่ไหน เธอไม่อยากจะให้บ้านของเธอดูไม่ดีทั้งที่ก็พอจะรู้ว่าคุณหญิงคนนี้มาทำอะไรที่บ้านของเธอ “ฉันขอพูดตรงๆเลยนะ” ไขศรีเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ตามคำเชิญ และนั่งลงจิบชายามบ่ายที่ในห้องรับแขกของบ้านนี้ตามธรรมเนียมผู้ดี และเธอก็ไม่รอให้เวลาเดินหน้าไปอย่างเสียเปล่า รีบพูดธุระที่ทำให้เธอต้องมาถึงที่นี้ด้วยตัวเอง “เชิญครับ” อาทิตย์ที่พอจะคาดเดาการมาของคุณหญิงไขศรีออกเหมือนกับภรรยาของเขาเปิดโอกาสให้คุณหญิงได้พูด เพราะไหนๆท่านก็ตั้งใจมาแล้วจะให้กลับเลยโดยไม่ได้ทำอะไรก็คงดูเสียความตั้งใจพอสมควร “ฉันอยากจะทวงสัญญาการแต่งงานที่คุณจารึกเคยเขียนจดหมายเอาไว้ก่อนที่จะเสียชีวิต” คนที่แทบจะไม่เคยพูดถึงผู้เป็นสามีเลยอย่างคุณหญิงไขศรีเพราะโกรธเคืองที่ผู้เป็นสามียกทรัพย์สมบัติให้หลานสาวเหลือขอจนหมด กลับเอาชื่อของสามีมาพูดอีกครั้งเพื่อกำจัดหลานสาวเหลือขอให้พ้นทาง “เราเคยคุยกันเรื่องนี้ไปนะครับ” อาทิตย์พูดกระตุ้นความจำของคุณหญิงขึ้นมาเล็กน้อยเพราะท่านคงอายุเยอะแล้วคงจะมีอาการหลงลืม “พวกคุณจะเบี้ยวสัญญาของคนตายก็ตามใจ ข่าวหน้าหนึ่งคงดังพอสมควร” ไขศรียอมกลืนคำพูดของตัวเองที่เคยบอกว่าจะไม่เอาอะไรอีกแล้วที่มันเกี่ยวกับสามีของเธอลงคง ยอมกลายเป็นคนกลับกลอกเพื่อให้แผนการที่วางเอาไว้สำเร็จไปให้ได้ เพราะถ้าณลินแต่งงานกับคนบ้านนี้ มรดกที่เด็กนั้นได้รับก็จะถูกส่งคืนให้กับเธอไปจัดการเสียใหม่ และเธอก็จะยกมรดกนั้นให้กับหลานสาวอย่างวาสิตาที่เธอนั้นรัก “ไม่มีใครเขาสนใจเรื่องจับแต่งงานหรอกครับ มันล้าสมัยไปแล้ว” อาทิตย์เริ่มจะอารมณ์ขึ้นเมื่อถูกขู่มาแบบนั้น แต่ก็พยายามจะไม่เถียงอะไรออกไปมากเพราะไม่อยากให้ภรรยาต้องตกอกตกใจ “แต่เขาคงสนใจประวัติของลูกเลี้ยงของคุณแต่ละคน คงดังน่าดู” ไขศรียิ้มเยาะอย่างมีชัยด้วยเธอถือไพ่เหนือกว่า เพราะเธอรู้จักคนบ้านนี้ดีโดยเฉพาะลูกเลี้ยงของอาทิตย์ทั้งห้าคนที่แต่ละคนเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฏหมายทั้งนั้น “คุณหญิงไขศรี” ศจีถึงกับยกมือขึ้นทาบอกเพราะรู้สึกเจ็บหัวใจที่ไม่ค่อยแข็งแรงขึ้นมานิดๆ ไม่คิดว่าผู้ลากมากดีอย่างคุณหญิงไขศรีจะเอาเรื่องแบบนี้มาขู่ “อีกสองวันเชิญไปทานข้าวเย็นที่บ้านของฉัน ฉันอยากจะให้เด็กๆได้เจอหน้ากันสักครั้งก่อนจะจัดงานแต่ง” ไขศรีลุกขึ้นพร้อมกับหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงขึ้นมาคล้องแขนเตรียมจะกลับบ้าน แต่ก่อนจะกลับเธอก็ได้ทำการนัดเจอกันครั้งต่อไปเอาไว้ด้วยเพราะไม่อยากจะชักช้ายืดเยื้ออีก ด้วยไม่อาจจะทนเห็นหน้าณลินได้อีกต่อไป “ผมจะไม่มีวันให้เรื่องบ้าบอแบบนั้นมันเกิดขึ้นได้” อาทิตย์ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับคุณหญิงไขศรี พร้อมกับประกาศกร้าวว่าจะไม่มีทางทำเรื่องอะไรแบบนั้น เพราะจดหมายนั้นก็ถูกเขียนเอาไว้โดยฝ่ายเดียวเขาไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยทั้งนั้น เขาจะไม่มีวันให้ลูกๆของเขาที่ถึงแม้จะเป็นลูกเลี้ยงไปแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเด็ดขาด “ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” ไขศรีเชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจว่าเธอคือผู้มีชัยชนะแล้วก็เดินกลับออกไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม