“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่หลานสาวของดิฉันเสียมารยาทไปนิด”
ไขศรีเอ่ยขอโทษทุกคนเมื่อณลินผู้เป็นหลานสาวของเธอมีท่าทีสงบลง ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาไม่เหมือนผีร้ายในตอนแรก
ผู้ดีในตระกูลเก่าแก่อย่างเธอที่มีต้นตระกูลมาตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงกับต้องยิ้มแห้งๆกลบเกลื่อนความขายขี้หน้า
เธอคิดไม่ผิดเลยสักนิดที่จะเขี่ยหลานสาวคนนี้ออกไปจากบ้านของเธอ เพราะไม่รู้ว่าถ้าอยู่ร่วมบ้านกันต่อไป
เธอที่ควรจะแก่ตายอย่างมีความสุขจะต้องเจอกับอะไรอีกบ้าน อาจจะกระอักความอับอายตายก่อนเวลาอันควรก็เป็นได้
“ไม่นิดล่ะมั้งครับ”
อาทิตย์ถึงกับถอนหายใจยาวออกมาอย่างสุดจะทนที่ต้องมาเห็นพฤติกรรมของหลานสาวของคนที่เรียกตัวเองว่าผู้ดี
เกิดมาไม่เคยเห็นหญิงสาวคนใดแก่นแก้วได้ขนาดนี้มาก่อน ลูกสะใภ้เขาแต่ละคนก็แสนจะเรียบร้อยทุกคน
เขาแทบอยากจะพาภรรยาและลูกเลี้ยงกลับเสียเดี๋ยวนี้เลย แต่เพราะควรต้องมีมารยาทถึงได้ทนนั่งอยู่
“เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะคะ”
ไขศรีที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเห็นสถานการณ์ทุกอย่างเป็นอย่างดีว่ามันแย่แค่ไหน
แต่เธอกลับทำเป็นไม่สนใจและวกกลับไปเรื่องแต่งงานเพื่อจะให้แผนการของเธอบรรลุไปให้ได้
“ทางฝ่ายเรายังยืนยันคำเดิม และยินดีจ่ายมากเท่าไหร่ก็ได้ตามที่คุณหญิงต้องการ”
อาทิตย์ยังคงยืนยันคำเดิมเหมือนกับในตอนที่เคยคุยกันเอาไว้ ณ วันที่จดหมายของจารึกเพื่อนรุ่นพี่ที่เขาค่อนข้างสนิทสนมด้วยถูกเปิดออก
และยินดีจ่ายเงินมากเท่าไหร่ก็ได้ขอแค่ให้เรื่องบ้าบอนี้จบลงไปเสีย เพราะไม่อยากให้ใครไปยุ่งกับเรื่องของลูกเลี้ยงของเขา
ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะพาลูกเลี้ยงคนที่สี่อย่างพายัพมาด้วยเหมือนเป็นการยอมรับคำขอตามจดหมายนั้น แต่ก็เป็นการพามาหลอกๆเท่านั้นเพื่อไม่ให้คุณหญิงไขศรีโวยวายก่อนจะได้คุยกันดีๆ
“ฉันอยากให้หลานสาวมีคนคอยดูแลมากกว่า ไม่ได้อยากได้เงินทอง”
ไขศรีปฏิเสธเงินก้อนโตเพราะเธอไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินเพราะบ้านของเธอมีธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทมากมาย รายได้ในแต่ละเดือนเหลือกินเหลือใช้
แต่ที่เธอเดือดร้อนและอยากให้คนบ้านนี้เอาไปให้เร็วที่สุดคือเรื่องหลานสาวเหลือขอของเธอ ที่เธอไม่รู้จะหาวิธีไหนมาจัดการแล้วนอกจากวิธีนี้
“คุณยายจะจับหนูแต่งงานเหรอ”
ณลินพอจับใจความได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอก็โวยวายเสียงดังขึ้นมา
เพราะเธอจะไม่ไปไหนจากบ้านหลังนี้ที่มันควรจะเป็นของแม่เธอที่ร่วมสร้างธุรกิจต่างๆมากับคุณตาอย่างแน่นอน
เธอจะอยู่ที่นี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในกองมรดกต่อไปเพี่อให้ทุกคนในบ้านนี้อกแตกตาย
“เงียบยายณิ”
ผู้ดีในตระกูลเก่าแก่อย่างไขศรีที่พยายามเก็บอาการเอาไว้หันไปตวาดหลานสาวอย่างดังด้วยความลืมตัว
เพียงเพราะกลัวว่าจะเสียแผน แล้วคนทางนั้นที่อุตส่าห์นัดมาได้จะหนีกลับไปกันหมด
“พี่ณิเงียบก่อนนะคะ”
วาสิตาเข้าช่วยผู้เป็นยายห้ามปราบพี่สาวที่กำลังจะลุกขึ้นอาละวาดใส่ทุกคน
สองมือยืนไปจับแขนของณลินเอาไว้เพื่อหวังให้เธอยอมนั่งนิ่งๆต่อไปจนจบเรื่อง
“อย่ายุ่ง”
ณลินยกแขนขึ้นอย่างแรงเหวี่ยงสองมือของวาสิตาออกจากแขนของเธอ
พร้อมส่งสายตาที่มีแต่ความไม่พอใจและพร้อมจะมีเรื่องได้ทุกเมื่อมองไปยังเจ้าของมือนั้นที่กล้าเข้ามาจับแขนของเธอ
“อุ้ย”
สองมือบางของวาสิตาที่ถูกเหวี่ยงอย่างแรงไปกระทบกับร่างหนาของพายัพที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ
“เธอ”
เสียงหนาของชายหนุ่มถูกเค้นรอดไรฟันอย่างคนโมโหไปหาคนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ข้ามคนที่นั่งอยู่ตรงกลางอย่างวาสิตาไป
ถ้าไม่ติดว่าตรงนี้มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่นั่งกันอยู่เขาอยากจะเข้าไปจัดการเธอสักที
“ทำไม”
ณลินส่งเสียงถ้ากลับไปอย่างไม่มีกลัว เพราะเธอไม่เคยกลัวใครแม้จะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆก็ตาม
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษทำให้พายัพพยายามยับยั้งชั่งใจไม่เอาเรื่องกับหญิงสาวคนก่อเรื่อง
และหันมาสนใจคนที่น่าจะเจ็บตัวอย่างหญิงสาวอีกคนแทน
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
วาสิตายกมือไหว้ขอโทษผู้ที่เป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างชายหนุ่มที่เป็นถึงคุณหมอชื่อดัง
ถึงเธอจะไม่ได้ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นแต่ณลินเป็นพี่สาวของเธอ เธอก็ควรจะรับผิดแทน
“ตกลงตามนั้นนะคะ”
คุณหญิงไขศรีเห็นทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับการแผลงฤทธิ์ของณลิน ก็เลยสรุปเรื่องที่ต้องการเสียเองฝ่ายเดียว
เพื่อให้ทุกอย่างมันจบๆกันไปสักที หลานสาวเหลือขอของเธอจะได้ไปให้พ้น
“คงต้องแล้วแต่เด็กๆ ผมไม่บังคับใคร”
อาทิตย์กับภรรยาของเขายังคงไม่ยอมง่ายๆ ยังคงต้องการยื้อทุกอย่างเอาไว้เพื่อไม่ให้เด็กๆต้องมาเสียใจเพราะการตัดสินของผู้ใหญ่
“เหนือลูกจะว่ายังไง จะแต่งกับน้องไหม ถึงแม่จะแนะนำให้ลูกมาแต่แม่ไม่ได้บังคับลูกนะ แม่ยังเคารพการตัดสินใจของเหนือเสมอ”
ศจีหันไปถามลูกชายของเธอที่นั่งอยู่ข้างๆเบาๆเพื่อพูดคุยกันตามประสาแม่กับลูก
“ผมจะแต่งงานกับน้องครับ”
สายตาคมที่มีนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองไปยังหญิงสาวที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทุกอย่าง
ภายในดวงตาของเขาไม่มีใครคาดเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรแม้แต่คนที่จ้องตากลับอย่างไม่มีเกรงกลัวอย่างณลิน
“หนูก็จะแต่งงานกับพี่เขาค่ะ”
ณลินล่ะจากการสบตากับชายหนุ่มที่กล้ามาตอบตกลงแต่งงานกับเธอเพื่อจะหันมาตอบปฏิเสธกับคุณยายของเธอ
สายตาหวานที่ฉาบได้ด้วยความร้ายที่มีไว้เพื่อปกป้องตัวเองหันไปเจอกับวาสิตากำลังมองไปยังชายหนุ่มว่าที่สามีของเธอพอดี
หญิงสาวรีบเปลี่ยนใจในทันที จากที่ตั้งใจจะปฏิเสธกลับตอบตกลงเสียงดัง
“พี่ณิค่อยๆตัดสินใจก็ได้นะคะ”
วาสิตาหันมาหาพี่สาวของเธอแล้วเอ่ยเตือนเบาๆด้วยความเป็นห่วงเหมือนกับที่ศจีมีต่อลูกชายของเธอ
“ฉันตัดสินใจดีแล้ว คนหล่อๆ นิสัยดีๆแบบนี้ไม่ได้หากันง่ายๆเธอว่าไหม ถ้าฉันไม่แต่งด้วยก็โง่เต็มทนแล้ว จะบอกให้อีกอย่างนะ คนอย่างเธอมันก็ได้แค่มองเขาเท่านั้นแหละ”
ใบหน้าสวยของณลินโน้มเข้าไปใกล้ๆใบหน้าที่สวยไม่แพ้เธอแต่ดูอ่อนหวานกว่าของวาสิตา
แล้วกระซิบพูดเพียงแผ่วเบาให้ได้ยินกันสองต่อสองที่ข้างใบหูด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
วาสิตาได้แต่ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบสายตาของใครทั้งนั้น พร้อมกับเงียบไม่ปริปากเถียงอะไร
ณลินกลั้วหัวเราะเบาะๆในลำคอด้วยความชอบอกชอบใจที่ได้รับชัยชนะ พร้อมกับส่งสายตาเยาะเย้ยมองไปยังวาสิตาอย่างไม่ล่ะไปไหน
“ลูกคิดดีแล้วนะ”
ศจีถึงกับแอบกุมขมับกับพฤติกรรมของว่าที่ลูกสะใภ้คนที่สี่จนถึงขั้นหันไปถามลูกชายอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
เพราะทุกอย่างยังคงยกเลิกได้เสมอถ้าลูกชายของเธอต้องการ แล้วค่อยมาหาทางแก้ไขเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกันใหม่
“ครับแม่ แต่ผมมีข้อตกลง”
เสียงตอบรับของชายหนุ่มทำเอาณลินหยุดที่จะเยาะเย้ยวาสิตาไปชั่วขณะและหันมาฟังที่เขาจะพูดแทน
“ข้อตกลงอะไรว่ามาได้เลยจ๊ะ”
คุณหญิงไขศรีรับถามกลับด้วยน้ำเสียงที่กำลังมีแต่ความดีใจจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่
“ผมต้องการภรรยาที่มีความเป็นแม่ศรีเรือนไม่ใช่นางแบบ”
เสียงหน้าเอ่ยออกมาเพราะอยากเอาคืนหญิงสาวที่กำลังแผลงฤทธิ์ใส่ทุกคน
เพราะจากการที่เขามองดูเธอเขาพอจะดูออกว่าเธอทำอาชีพอะไรและคงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะทำตามข้อตกลงของเขาได้
การแต่งงานจะเกิดขึ้นแต่การใช้ชีวิตด้วยกันหลังแต่งงานคงไม่นานแน่นอน
“ตกลงตามนั้น ฉันจะเป็นแม่ศรีเรือนให้กับคุณค่ะ”
ร่างบางของณลินลุกขึ้นยืนแล้วเดินนวยนาดอย่างสุดแสนจะยั่วยวนเข้าไปหาว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ
สองมือบางยกขึ้นกอดรอบคอเขาจากด้านหลังอย่างหลวมๆ ใบหน้าโน้มลงหาใบหน้าหล่อคมของเขา
ตอบตกลงเขากับไปด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดังเพื่อให้วาสิตาได้ยินชัดๆแต่พูดอยู่ตรงข้างหูของเขา
“ยายณิมานั่งลงตรงนี้”
ไขศรีถึงกับกุมขมับขึ้นมาในทันทีเมื่อหลานสาวลุกขึ้นทำเรื่องงามหน้าต่อทุกคน
“เสร็จธุระแล้วใช่ไหมคะ ขอตัวนะคะ”
ณลินแจกยิ้มที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยันส่งไปให้กับคุณยายของเธอและวาสิตาผู้เป็นหลานคนเล็กสุดที่รักของบ้านเรียบร้อยแล้วก็เดินจากไป
เธอไม่ได้อยากแต่งงานแต่เพื่อจะเอาชนะเธอจึงตอบตกลงออกไป เธออาจจะต้องออกไปจากบ้านหลังนี้สักพัก แต่มันคงไม่นานเพราะไม่มีใครทนนิสัยของเธอได้ เธอมั่นใจว่าคนบ้านนั้นที่ดูจะเป็นผู้ดีที่แท้จริงจะพาเธอมาส่งคืนที่นี่แน่นอน
“ลูกเปลี่ยนใจได้เสมอนะ แม่กับพ่อยินดีที่จะแก้ไขเรื่องนี้กันเอง”
เสร็จเรื่องเสร็จราวที่ดูวุ่นวายศจีและครอบครัวของเธอก็พากันกลับบ้าน ระหว่างทางเธอเอ่ยถามพายัพผู้เป็นลูกเลี้ยงอีกครั้ง
เธอไม่ใช่ไม่แน่ใจ แต่อยากให้ลูกเปลี่ยนใจ เพราะผู้หญิงคนนั้นดูจะไม่เหมาะสมกับลูกของเธอเลยแม้แต่นิด
“คุณแม่ไม่ต้องคิดมากนะครับ แค่แต่งงานมันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร”
พายัพยิ้มออกมาเพื่อให้ทุกคนสบายใจ เพราะไม่นานเขากับผู้หญิงคนนั้นก็ต้องแยกทางกัน
การแต่งงานครั้งนี้เป็นการแต่งเพื่อให้เรื่องทุกอย่างมันจบสิ้นลง ไม่มีอะไรมากวนใจครอบครัวของเขาได้อีกต่อไป