หลังจากเดินทางมาหนึ่งชั่วยามรถม้าของโจวผินซี หวางเฟยของท่านอ๋องสามมาถึงวังหลวง ร่างบางในชุดสีม่วงอ่อนเดินลงจากรถม้าด้วยท่าทางสง่างามมิเปลี่ยนแปลงเหมือนครั้งแรกที่มา
“หวางเฟยเพคะ เหมยลี่แนะนำให้พระองค์ไปชมดอกเหมยเพคะ” เหมยลี่รีบกล่าวอย่างกระดี๊กระด๊า
“นำเปิ่นหวางเฟยไปเลย” โจวผินซีกล่าวต่อ เห็นหญิงสาวสนุกก็ไม่อยากห้าม
ขบวนหวางเฟยเดินมาถึงหน้าสวนดอกเหมย แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปก็มีเสียงดังมาจากด้านใน
“กรี้ด!! ช่วยเปิ่นกงด้วย” โจวผินซีที่เดิมทีคือเหมาต้าเย่ไหวพริบยอดเยี่ยมรีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที พบร่างหญิงสาวท้องแก่นั่งอยู่บนพื้น เขารีบถือวิสาสะเดินเข้าไปช่วยพยุงทันที
“เป็นอันใดมากไหมเพคะ” โจวผินซีเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แม้ไม่รู้ฐานะแต่ในวังแล้วท้องเยี่ยงนี้คงไม่พ้นพวกสนม
“เจ็บ เปิ่นกงเจ็บท้องช่วยเปิ่นกงด้วยลูกฝ่าบาท...อึก!” นางสนมสีหน้าโอดเจ็บไม่ไหว น้ำตานองหน้า
โจวผินซีพยักหน้ารับ “ทหารช่วยที เหนียงเหนี่ยงจะคลอดแล้ว!”
“พวกเจ้าช่วยพยุงเหนียงเหนี่ยงที” โจวผินซีหันหน้าไปสั่งนางข้าหลวงที่ยืนตกใจกันอยู่อีกสี่คน พวกนางรีบรนเข้ามาพยุงเจ้านายตนพาออกจากสวนเหมยไปพร้อมทหารหลายนาย
“เกิดอันใดขึ้น” ผู้มาใหม่ก้าวขามาสับๆ
เจ้านี่!!! เสวี่ยชินรองแม่ทัพของแคว้นหมิงทางนั้นไม่เคยเจอเขาหรอกเพราะเขาเป็นสายสืบไม่ได้ออกหน้าไปสู้รบด้วย คงจะเป็นเขาที่รู้จักอีกฝ่ายเพียงผู้เดียว
“รายงานท่านแม่ทัพเสวี่ย จู้เหนียงเหนี่ยงปวดท้องจะคลอดขอรับ ได้หวางเฟยท่านอ๋องสามช่วยเหลือไว้” นายทหารรีบเข้าไปรายงาน เสวี่ยชินผินหน้ามามองหวางเฟยอ๋องสามก่อนจะค้อมศีรษะให้เล็กน้อย
เดี๋ยวนะ! ขึ้นเป็นแม่ทัพแล้วหรือเร็วเสียจริงนะ
“ถวายบังคมหวางเฟยพ่ะย่ะค่ะ”
“อ่อ.. อืม” โจวผินซีขานตอบในลำคอ มองเบือนไปทางอีก
“ไม่มีอันใดแล้วเปิ่นหวางเฟยขอตัว” โจวผินซีเอ่ยต่อแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าสวนเหมย เลิกสนใจเสวี่ยชิน..
ต้องทำอย่างไรถึงจะสนิทกับเจ้านั้นได้นะ…
“หวางเฟยเพคะ ดูสิเพคะสวยมากเลย” คงมีเพียงบรรดานางข้าหลวงที่กระดี๊กระด๊ากับการชมดอกเหมย ส่วนตัวเขาไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่ เฉยๆ เลยด้วยซ้ำไป
“ระวัง!! หลบ” เสียงดังมาจากด้านหลัง โจวผินซีรีบเบี่ยงตัวแต่พลาดไปโดนเหมยลี่เลยโดนชนจนล้ม
“โอ๊ย!”
“คือเปิ่นหวาง เปิ่นหวางขอโทษเจ้าเจ็บมากหรือไม่” ผู้มาใหม่อีกแล้วหรืออะไรเนี่ย ผู้คนจะเยอะแยะไปไหน!
องค์ชายหนึ่งหมิงต้าวหยี่วิ่งตามมาจนถึงตัวโจวผินซี สีหน้ารู้สึกผิดเต็มประดากับสัตว์เลี้ยงของตน
“สัตว์เลี้ยงของเปิ่นหวางยังไม่เชื่องเสียเท่าไหร่มันเลยดื้อน่ะ แฮะๆ” ชายที่ดูอายุอานามน้อยกว่ากล่าวยิ้มแห้งๆ
“หวางเฟยเจ็บไหมเพคะ” เหมยลี่ได้สติรีบมาช่วยพยุง แต่ไม่ขึ้นเพราะข้อเท้ามันเจ็บมากสงสัยจะพลิกตอนล้ม
“วะ หวางเฟยหรือ!? หรือว่าท่านคือชายาของท่านอา”
“ใช่เพคะ องค์ชายหนึ่งหวางเฟยมาเดินเล่นน่ะเพคะ” เหมยลี่ตอบแทน ก่อนจะหันไปหันผู้ที่เพิ่งพบมาเมื่อครู่
“ท่านแม่ทัพช่วยหวางเฟยด้วยเพคะ ข้อเท้าหวางเฟยพลิก” แล้วไปยุ่งอะไรกับเจ้านั่นเล่าเหมยลี่!
โจวผินซีคิดในใจ ช่างเลือกเสียจริง…
“หืม หวางเฟยเกิดอันใดขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ อ้าวองค์ชายหนึ่ง” แม่ทัพเสวี่ยเดินเข้ามาอย่างเร็ว
“คือเปิ่นหวางทำเอง ท่านอาสะใภ้ถึงได้เจ็บตัว” แม่ทัพเสวี่ยหันมองเจ้าลูกสุนัขก่อนจะเข้าใจ
“กระหม่อมขอเสียมารยาทพ่ะย่ะค่ะ” ว่าจบแล้วแม่ทัพเสวี่ยก็อุ้มตัวโจวผินซีในท่าเจ้าสาวพาไปรักษาข้อเท้า
‘ฮาเร็มของหวางเฟยสินะเพคะ!!’
เหมยลี่คิดอะไรอยู่กัน ข้าล่ะอยากรู้นัก
“แม่ทัพเสวี่ย! อ้าวแม่นางผู้นี้..” ท่านหมอเจาถามถึงโจวผินซี มีไม่มากที่รู้ว่าโจวผินซีหน้าตาอย่างไร รู้เพียงข่าวลือว่างดงามอย่างธิดาเทพเพราะอย่างนั้นจึงได้พระราชทานสมรสอ๋อง
“หวางเฟยในอ๋องสาม.. เหมือนว่าข้อเท้าจะพลิก” แม่ทัพเสวี่ยกล่าวเรียบๆ ท่านหมอเจารีบเข้ามาดูข้อเท้าของโจวผินซีที่นั่งอยู่บนเตียง
“อืม หนักนะพ่ะย่ะค่ะหวางเฟยคงจะเดินไม่ค่อยได้ไปหลายวัน”
“อย่างนั้นหรือ” โจวผินซีเอ่ยหน้าเศร้าลง ทำองค์ชายหมิงต้าวหยี่สำนึกผิด
“ท่านอาสะใภ้หลานขออภัย…” โจวผินซียิ้มอ่อน
เฮ้อ เด็กยังไงก็เป็นแค่เด็กจะให้ข้าเอาผิดเจ้าอย่างไรเล่า
“มิเป็นไรเพคะ มิใช่ความผิดองค์ชายเพคะ” โจวผินซีเอ่ยยิ้มบาง องค์ชายหนึ่งน้ำตานองเบ้าก่อนจะเดินออกไปข้างนอก ตอนนี้ในห้องก็เหลือเพียงเหมยลี่กับแม่ทัพเสวี่ยและเขา..
ทำไมยังไม่ไปอีกนะ
“หวางเฟยจะให้กระหม่อมช่วยอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” อ่อ รอช่วยอุ้มต่อ
อุ้มแบบนั้นมันน่าอายจะตายชัก!
“หวางเฟยของหม่อมฉันเดินไม่สะดวกคงต้องเพิ่งท่านแม่ทัพเสวี่ยอีกครั้งแล้วเจ้าค่ะ” อ้าว เหมยลี่!!
ข้าอยากจะร้องทำไมเหมยลี่ช่างใจร้ายกับข้านัก นี่คือแผนการของแคว้นหมิงหรือเปล่า!?
แม่ทัพเสวี่ยพยักหน้ารับ “แล้วหวางเฟยจะกลับเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“จะกะ!”
“หวางเฟยมาชมดอกเหมยเจ้าค่ะ บอกว่าต้องชมให้ได้เลยด้วยเจ้าค่ะแต่มาเป็นแบบนี้..” ข้าบอกตอนไหน!?
เหมยลี่… เจ้าคือปีศาจสินะ
“งั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องกะ!”
“หากท่านแม่ทัพอยากช่วยคงต้องให้หวางเฟยขี่หลังแล้วให้ท่านพาเดินชมแล้วล่ะเจ้าค่ะ” !!!
ข้าไม่ได้อยากชมดอกไม่งี่เง่านั่น ขนาดนั้นเสียหน่อยเหมยลี่!
“ได้พ่ะย่ะค่ะ หวางเฟยขยับขึ้นหลังกระหม่อมมาเลยพ่ะย่ะค่ะ” เวรละ
มารดามันเถอะ! ไม่ อย่างไรก็ไม่ขึ้นแน่นอนไม่ว่าเหมยลี่จะเสี้ยมแค่ไหนข้าก็ไม่ขึ้น
“มาเพคะ หวางเฟยเหมยลี่ช่วยพระองค์เองเพคะ!” กระตือรือร้นเสียเหลือเกินนะ
โจวผินซีอดที่จะแขวะบ่าวสาวไม่ได้
ตกลงเจ้าเป็นคนของท่านอ๋องจริงหรือเปล่าเนี่ย
สุดท้ายเขาก็ขึ้นมาอยู่บนหลังของแม่ทัพเสวี่ยจนได้ ด้วยแรงเสี้ยมของเหมยลี่ที่เดินตามยิ้มหวานชื่นอยู่ข้างหลังไกลๆ แบบไกลมากๆ
“หวางเฟยชอบดอกเหมยหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากเงียบมานาน เสวี่ยชินเลยออกปากชวนคุย
“อืม คงใช่แต่เปิ่นหวางเฟยไม่ค่อยอยากขี่หลังท่านเสียเท่าไหร่..”
“ดูหน้าพระองค์กระหม่อมก็ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่เพราะนางกำนัลของพระองค์จะต้องการเหลือเกิน” ใช่ เขาก็คิดเหมือนกัน
โจวผินซีหันหน้าไปอีกทาง เห็นกิ่งเหมยบานมากกว่าต้นไหนดึงดูดเขามาก
“ท่านแม่ทัพไปทางนั้นได้หรือไม่ เปิ่นหวางเฟยอยากได้กิ่งนั้น” เด็ดได้ไม่ได้ไม่รู้แต่เขาอยากได้!
“อยากได้หรือพ่ะย่ะค่ะ” เสวี่ยชินถาม จริงๆ ของพวกนี้ต้องห้ามเด็ดหรือตัดหากไม่ใช่คำสั่งฮ่องเต้
“อืม สวยมากเลย” โจวผินซียิ้มขึ้น เสวี่ยชินถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือข้างนึงที่รั้งขาคนบนหลังไว้เอื้อมขึ้นไปหักกิ่งดอกเหมยมาเล็กๆ แล้วยื่นไปให้คนบนหลัง “ขะ ขอบใจท่านแม่ทัพ”