ตั้งแต่เกิดมา เหมาต้าเย่ ก็ถูกฝึกฝนและขัดเกลาจนเก่งกาจไม่เคยมีวันไหนเลยที่เขาไม่ได้ฝึกซ้อม ทั้งท่านพ่อท่านแม่ยังเป็นทหารหรือง่ายๆ เลยคือเขาเกิดมาในครอบครัวทหาร จึงทำให้ชีวิตเด็กน้อยในแต่ละวันมีแต่การซ้อมดาบธนูและสารพัดวิชาป้องกันต่อสู้ ไหนเลยอย่าลืมถึงวิชาการร่ำเรียนปรัชญาเขายังเก่งกาจไม่แตกต่างจากวรยุทธแม้แต่น้อย
เมื่ออายุได้สิบสามปีเขาก็เข้าคัดเลือกเป็นสายสืบขององค์ฮ่องเต้แคว้นจ้าว และต่อมาได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากพระองค์
ตำหนักทรงอักษร
“เหมาต้าเย่ถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี” เหมาต้าเย่ในชุดสีดำตัดขาวกล่าวพร้อมคุกเข่าลงข้างหนึ่งมือข้างหนึ่งจับดาบไว้แน่น
“ลุกขึ้นเถิด ต้าเย่ข้าต้องการให้เจ้าไปสืบข่าวของแคว้นหมิงว่าตอนนี้ทางนั้นกำลังเตรียมทัพมาสู้เราอยู่หรือไม่” จ้าวหย่งฮ่องเต้เอ่ยเสียงเรียบ บอกถึงเรื่องที่ต้องการแก่เหมาต้าเย่ ชายเสื้อมังกรสะบัดเบาสั่งให้ขันทีชราเอาป้ายผ่านทางให้แก่บุรุษด้านล่าง
“นี่คือ..” เหมาต้าเย่รับป้าย เงยหน้ามองพระพักตร์ของมังกรผู้ยิ่งใหญ่
“ใช่ ต่อแต่นี้จนกว่าจะเสร็จงานเจ้าคือโจวผินซีบุตรสาวตระกูลโจวมิใช่เหมาต้าเย่”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับคำสั่ง” เหมาต้าเย่ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วถอยหลังเดินออกจากตำหนักหยางซิน และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
สมแล้วที่เป็นสายสืบราชการลับ เว่ยกงกงคิดในใจ เหมาต้าเย่ผู้นั้นเป็นคนที่ฮ่องเต้ทรงให้ความไว้เนื้อเชื่อใจมาก คงเพราะเก่งกาจและฉลาดหลักแหลมเลยถูกพระทัยฮ่องเต้
“เว่ยซือเจ้าว่าจะได้เรื่องไหม”
หืม ทำไมฝ่าบาทว่าเช่นนั้น?
“ทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ปกติแล้วมิเคยไม่ไว้ใจเหมาต้าเย่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“เปล่า ข้าเพียงตงิดใจแปลกๆ”
เรื่องอันใดกัน คนผู้นั้นไม่มีวันหักหลังฮ่องเต้แน่นอน!
“พี่เย่ ดูสิเจ้าปิงปิงมันยอมยืนบนแขนข้าด้วย!” จื่อเหลียนกระดี๊กระด๊าหนักเพียงเพราะเจ้าปิงปิงยอมยืนบนแขนความเดียงสานี้ทำให้เหมาต้าเย่อดยิ้มไม่ได้
“เด็กน้อย โตหรือยัง”
“อะไรกัน! ข้าโตแล้วนะขอรับพี่เย่อย่าแกล้งข้าสิ พี่หวังดูสิๆ พี่เย่แกล้งข้าอีกแล้วขอรับ” เมื่อเห็นว่าตัวคนเดียวจะแกล้งรุ่นพี่คืนไม่ได้จึงหาพวกร่วมขบวนการ หวังเทียนที่นั่งเงียบมานานนมยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“เจ้าเด็กโง่ พี่เย่เป็นพี่ใหญ่เจ้าเอาข้าร่วมช่วยไปก็เท่านั้น”
“อ่าา ข้าโดนรังแก” จื่อเหลียนโอดครวญหยอกล้อเหมือนอย่างเคย เรียกเสียงขำขันจากรุ่นพี่ทั้งหลายในกลุ่มได้ดี
“เกือบลืม เดี๋ยวข้ามีงานต้องทำ” เหมาต้าเย่เอ่ยบอกรุ่นน้องที่นั่งกันอยู่ให้รับทราบ
“พี่เย่งานอันใดหรือขอรับ” เป็นหวังเทียนถามขึ้น
“สืบงานนิดหน่อย งานนี้ข้าคนเดียว..” เหมาต้าเย่เงียบวรรคเว้นไว้ก่อนจะพูดต่อ
“ข้าต้องแฝงตัวเข้าวังแคว้นหมิงประมาณอีกสองเดือนข้างหน้า” เหมาต้าเย่อธิบายแก่รุ่นน้องฟังกัน หวังเทียนลุกขึ้นเดินมาหาถึงตัวหน้าเคร่งเครียด
“มันอันตรายมากนะขอรับ ถ้าเกิดทางนั้นรู้พี่เย่มิรอดแน่!” มีไม่มากนักที่หวังเทียนจะพูดมากได้ขนาดนี้ เขาคงต้องจดจำไว้ในหัวน้อยๆ ให้มั่นเลยล่ะ ฮาฮ่า
“มิต้องห่วง คราวนี้ได้ปลอมเป็นหญิงมิเป็นไรแน่นอน”
“พี่เย่!”
“น่าๆ หวังเทียนอย่าได้กังวลเลยข้าเป็นพี่เย่ของเจ้ามิใช่หรือ” เหมาต้าเย่เอ่ยต่อพลางเอื้อมมือน้อยลูบหัวอีกคนอย่างเอ็นดูที่รุ่นน้องเป็นห่วงเขามากขนาดนี้
“ข้า..”
“หืม ว่าอย่างไร” เหมาต้าเย่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะยิ้มปริออกมา
“เข้าใจแล้วขอรับ แล้วข้าจะช่วยพี่เย่ได้บ้างไหมขอรับ” หวังเทียนกล่าว ใจจริงอยากจะเข้าไปด้วยเลยแต่จะให้ปลอมเป็นหญิงแบบพี่เย่ก็ทำไม่ได้เพราะเขาออกจะตัวใหญ่ไปเสียหน่อยสำหรับการเป็นแม่นางน้อย ไหนเลยจะเข้าเป็นทหารก็ไม่ได้เพราะมันตรวจสอบหนักกว่าอย่างอื่นเพื่อนเลย
“ได้สิ ข้าต้องเรียนมารยาทหญิง เย็บปักถักร้อย ทำอาหาร” หวังเทียนพยักหน้ารับก่อนจะพูดต่อ
“ได้เลยขอรับ ข้าจะเฟ้นหาอาจารย์ดีๆ มาสอนท่านเอง!” เหมาต้าเย่ยิ้ม
“ขอบใจเจ้านะ หวังหวัง”
หลังจากนั้น หวังเทียนก็หายไปนานสองอาทิตย์กลับมาพร้อมกับแม่นางคนหนึ่ง แม่นางสกุลหรง.. หรงเหมยเหลียน นางมาเป็นอาจารย์สั่งสอนเหมาต้าเย่เรียนวิชาหญิง
เขาใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนในการร่ำเรียนจนชำนาญการ ก่อนจะส่งตัวแม่นางหรงกลับเมือง
“ใกล้ถึงวันที่ต้องเข้าวังคัดเลือกแล้วนะขอรับพี่เย่” เผยซานกล่าวกับรุ่นพี่ อีกไม่กี่อาทิตย์พี่เย่ก็ต้องไปงานแล้ว ที่กองงานคงเงียบเหงาน่าดู ส่วนเจ้าหวังเทียนตอนนี้ก็ทำเพียงนั่งนิ่งไม่ยอมพูดจาสงสัยคงเศร้าเพราะพี่เย่จะไปไกล
“อืมนั้นสิ เผยซาน หวังเทียนพวกเจ้าต้องดูแลที่กองงานแทนข้านะฝากพวกเจ้าจัดการด้วย” เหมาต้าเย่เอ่ยพร้อมรอยยิ้มดั่งปกติ ก่อนจะหมุนตัวเดินมาหาหวังเทียนที่นั่งหงอย
“หวังหวัง..อย่าเศร้าสิข้าไม่ได้ไปตายเสียหน่อย” เหมาต้าเย่จับแก้มรุ่นน้องหนุ่มบีบเบาๆ หมั่นไส้ที่มานั่งทำหน้าอย่างกับเขาไปตายเสียอย่างนั้น หวังเทียนเงยหน้ามองพี่เย่ก่อนจะคว้าเอวบางเข้ามากอดไว้หลวมๆ
“ก็ข้าเป็นห่วงพี่เย่นี่ขอรับ หากพวกนั้นรู้..” หวังเทียนยังกังวล
“หวังเทียน..” เหมาต้าเย่จับไหล่แกร่งไว้แน่น
“ข้าจะไม่เป็นไร สัญญา”