เพราะคำพล่อยๆ ที่เหมาต้าเย่พูดไปทำให้เขาต้องมานั่งงงอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาว หากให้ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน
“งั้นวันนี้เลย!”
“เอ่อ ท่านอ๋องมันจะไม่เร็วไปหรือเพคะ!?” เหมาต้าเย่รีบห้าม บอกวันไหนก็ได้แต่นี่มันเร็วไปเจ้าอ๋องบ้า!
“ไม่เร็วหรอกออกจะช้าไปเสียด้วยซ้ำ ฉางเอ๋อร์เหมยลี่เปลี่ยนฉลองพระองค์หวางเฟย!” ห๊า!?
“เพคะ/เพคะ!!” เหมยลี่ ฉางเอ๋อร์
นี้คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้มานั่งในเกี้ยวเจ้าสาวพร้อมชุดสีแดงที่สวมอยู่ ผ้าปิดหน้าเจ้าสาวนี่มันทำให้เขาดูเป็นสาวน้อยขึ้นมา… เฮ้อ
ใช่สิ ต้าเย่นี่แหละดีแล้ว ดีเสียอีกได้อำนาจเร็วขึ้นอย่างไรเล่าทำไมข้าถึงคิดไม่ได้เนี่ย
พอคิดได้ปากคว่ำงอก็ผันเป็นรอยยิ้มงดงามดังเดิม
หึหึ เจ้าอ๋องลูกเต่าเดี๋ยวเข้าหอข้าจะเล่นเจ้าให้เละ!
เหมาต้าเย่ยิ้มร้ายให้กับแผนการร้ายกลั่นแกล้งของตน ไหนๆ ก็จะเป็นพระสวามีของเขาแล้วก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เขาทำได้
“เจ้าสาวมาถึงแล้ว” เสียงป่าวประกาศรับเจ้าสาวดังขึ้นเมื่อเกี้ยวหยุดนิ่งลง เหมาต้าเย่หายใจเข้าเต็มปอด เขาเปิดผ้าแล้วเดินลงมาจากเกี้ยว แต่มือหนาที่ไม่ได้ต้องการดันยื่นมาตรงหน้าเขาเป็นเชิงให้จับ หึ
ข้าไม่จับมือเจ้าหรอกเจ้าอ๋องลูกเต่า!
เหมาต้าเย่เบือนหน้าก่อนจะก้าวลงมาเองโดยไม่สนใจมือหนาของว่าที่สวามีแม้แต่น้อย
พรึบ!
“อ่ะ!” ร่างกายถูกดึงเข้าหาร่างหนากว่าตนอย่างแรง หน้าเขากระแทกกับแผงอกหนาของคนฉวยโอกาส
หมิงซ่งเหยียนยิ้ม “หืม เกือบล้มแล้วหนาหวางเฟย” ล้มกับผีน่ะสิ เจ้าคนขี้ปดเอ้ย!
“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ” ฮึย คอยดูข้าจะล้างแค้นนี้แน่นอน
คู่บ่าวสาวเดินหน้าเข้างานทำพิธีไหว้ฟ้าดินอย่างไม่สนใจฤกษ์ยามดีใดๆ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่ง ก็ท่านอ๋องสามน่ะใช่ว่าจะอ่อนโยนเหมือนอย่างพี่ชายที่เป็นฮ่องเต้เสียเมื่อไหร่ ออกจากไปทางป่าเถื่อนเสียมากกว่าด้วยซ้ำ ทั้งยังเจ้าเล่ห์อีก แม่นางน้อยผู้นี้จะว่าโชคดีก็ได้หรือจะว่าโชคร้ายก็จริง…
(หลังจากนี้ไรท์จะเปลี่ยนคำเรียกนายเอกเป็น โจวผินซี นะเจ้าคะ)
โจวผินซีหน่ายหน้าเล็กน้อย ตอนนี้เขาอยู่ในห้องหอที่จัดไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี่คงเป็นแผนของทางฝั่งนี้แต่แรกอยู่แล้วแน่
แอ๊ดดด..
“ขอโทษที่ข้ามาช้า” ผู้มาใหม่เอ่ยเสียงเรียบ ผู้คนมักว่าเขาเป็นคนป่าเถื่อนและโหดร้ายแต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงโล่ป้องกันตนแค่นั้นเอง วังหลวงอันตรายใครต่อใครต่างก็รู้เมื่อครั้งก่อนที่โดนหนักๆ ก็คงเป็นช่วงที่เหล่าองค์ชายแย่งตำแหน่งและบัลลังก์กัน เขาเองก็เข้าร่วมด้วยแต่ไม่ได้บัลลังก์มาครองแต่ก็ไม่ได้เสียหายสนุกดี แต่พวกพี่และน้องๆ ไม่ได้คิดเหมือนเขานี่สิ เฮ้อ…
“ท่านอ๋อง?” โจวผินซีเห็นคนตรงหน้านิ่งไปจึงเรียก
“หืม เปล่าดื่มเหล้าสาบานเถิด” ท่านอ๋องว่าแล้วเดินมานั่งลงด้านข้างชายาตน ทั้งสองยกจอกเหล้าขึ้นมาคล้องแขนกันแล้วดื่มจนหมดจอก เท่านี้เป็นอันว่าเขาทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันแล้ว
“ผินเอ๋อร์..” หมิงซ่งเหยียนเอ่ยเสียงหวานหยดยั่วยวนหญิงสาวข้างกายด้วยการลูบไล้เอวบางเบาๆ จนนางสะดุ้งโหยง
‘เจ้าอ๋องหื่นกามนี่!’
“ทะ ท่านอ๋องเอ่อหม่อมฉันคือว่า..” โจวผินซีเบือนหน้าไปอีกทางหนีคนหื่นกามตรงข้าม
ผิดแผนๆ นี่ผิดแผนอีกแล้ว อ้าก! ข้าจะบ้าตาย
“ทำไมหรือ มิอยากเข้าหอกับพี่หรือ”
อึก! ร้ายกาจเจ้าอ๋องนี่ร้ายกาจนัก
โจวผินซีสถบด่าทอในใจ มือบางถูกจับกุมไว้โดยท่านอ๋องสามหน้าคมคายยิ้มระรื่นดั่งพอใจที่แกล้งชายาคนงามสำเร็จ
“ผินเอ๋อร์ มาให้ข้าขย้ำเสียดีๆ” !!!
ปังๆ! “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ฮ่องเต้รับสั่งให้เข้าเฝ้าโดยด่วนพ่ะย่ะค่ะ”
ชิ! ท่านอ๋องจิปากรำคาญใจก่อนจะหันมาจูบหน้าผากน้อยของชายา
“ข้าจะรีบกลับมา” ไม่ต้องก็ได้นะ โจวผินซีคิดโล่งใจที่เจ้าอ๋องลูกเต่าเดินออกไปแล้ว
ครั้งก่อนเขาเคยว่าฮ่องเต้แคว้นนี้ แต่วันนี้ช่วยเหลือเขาจะอภัยแล้วกัน!
โจวผินซีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะปลดเครื่องหัวออก เดินไปเปิดหน้าต่างแล้วผิวปากเสียงแหลมเรียกเจ้าปิงปิงมาหา
พรึบ!
“เร็วเสียเหลือเกินนะเด็กดี” มือบางลูบหัวเหยี่ยวตัวโตอย่างเอ็นดู ก่อนจะปลดกระดาษที่ผูกไว้ตรงข้อเท้ามาเปิดดู
‘เช่นนั้นหรือ พี่เย่ปลอดภัยไหมขอรับหากไม่ ส่งสัญญาณได้เลย ข้าและเผยซานจะไปช่วยทันที’
หวังเทียน.. ยังเห็นข้าเป็นเด็กน้อยหรือไรข้าโตกว่าเจ้าตั้งห้าปีเชียวนะ
โจวผินซีหยิบกระดาษกับพู่กันขึ้นมานั่งเขียนความหาหวังเทียนและเผยซาน
‘ข้าปลอดภัยดี จะมีก็แต่เรื่องเจ้าอ๋องลูกเต่าที่จะปล้ำข้านี่แหละ แต่มิเป็นไรข้าจัดการได้’
“เด็กดีเอาไปให้หวังเทียนด้วย” โจวผินซีผูกกระดาษไว้ที่ข้อเท้าของเจ้าปิงปิง ก่อนจะลูบตัวมันอีกครั้งแล้วอุ้มส่งมันบินขึ้นฟ้าไป
คงไม่ตื่นตระหนกแล้วยกโขยงกันมาพาเขากลับนะ
“เฮ้อ เด็กพวกนี้”
“หวางเฟยเพคะ เหมยลี่เองเพคะ” เสียงจากหน้าห้องดังเรียกสติ โจวผินซีหมุนตัวเดินไปเปิดประตูออก เห็นเหมยลี่ยืนถือถาดใส่เครื่องทรงอยู่ พร้อมกับอีกสามสาวด้านหลัง นี่คงไม่ได้จะมาจับเขาเปลี่ยนชุดอีกแล้วใช่ไหม
เหมยลี่ยิ้มหวาน “เปลี่ยนฉลองพระองค์กันเพคะ”
“อีกแล้วหรือ!”
ผ่านไปสองวันหลังจากแต่งงานเข้าวังอ๋อง โจวผินซีอยู่ในวังนี้ในฐานะหวางเฟยใช้ชีวิตไปวันๆ แม้จะพยายามสืบงานที่ได้รับมาแต่ก็ได้เพียงน้อยนิด
ส่วนสวามีของเขาน่ะหรือ ยังไม่กลับจากงานเลยด้วยซ้ำแต่ก็ดีแล้วจะได้ไม่ต้องมาระวังเรื่องโดนปล้ำ!
“หวางเฟยเพคะ เหมยลี่เห็นพระองค์ทำหน้าเคร่งเครียดมีปัญหาใดหรือเพคะ”
“เปิ่นหวางเฟยเบื่อๆ นิดหน่อย แต่มิเป็นไรหรอก” โจวผินซีว่า เขาไม่ได้เบื่อจริงหรอกเพียงแต่อยากออกไปหาแหล่งข่าวเพื่อสืบงานต่อจะได้เสร็จๆ แล้วชิ่งเสียที
“งั้นหรือเพคะ..” เหมยลี่ทำหน้าเศร้า หวางเฟยของนางเคร่งเครียดคงเพราะพระสวามีของนางไปทำงานตั้งแต่วันเข้าหอคงจะเศร้าน่าดูเลย ช่างน่าสงสารเหลือเกิน
โจวผินซีมองเหมยลี่ที่เงียบไปนางคงต้องคิดอะไรไม่เป็นมงคลอยู่แน่
“งั้นหวางเฟยอยากไปไหนไหมเพคะ หากเป็นในวังหลวงและเขตราชทานก็พอได้อยู่เพคะ” เหมยลี่เสนอความคิดแก่เจ้านาย หากเจ้านายเบื่อก็ต้องพาเที่ยวแต่เป็นหวางเฟยคงได้เพียงเดินเล่นในวังหลวงเท่านั้นแหละ
“จริงหรือ! ดีเลยเปิ่นหวางเฟยอยากไป” เหยื่อมาถึงถ้ำเสียขนาดนี้โจวผินซีจะไม่รับไว้ได้อย่างไรเล่า
โจวผินซียิ้มร้ายขึ้นมา เสร็จข้า!
“ได้เลยเพคะ พ่อบ้านเซี่ยเตรียมรถม้าให้หวางเฟยด้วยเจ้าค่ะ”